นักเขียนนิยายออนไลน์ที่น่าอิจฉา

    บทที่ 3 นักเขียนนิยายออนไลน์ที่น่าอิจฉา

    ผู้เขียน: จักรกฤษณ์ สงสาคร

     

    ใครสามารถเขียนนิยายได้ในยุคนี้ เรียกได้ว่า เขาคือ “ผู้ที่น่าอิจฉาความเป็นมนุษย์ที่สุด”

    ข้อความข้างต้นผมไม่ได้กล่าวขึ้นลอย ๆ เพราะสิ่งที่กล่าวมาผมมีเหตุผลอธิบาย ว่าหากคุณเขียนนิยายเป็นสถานภาพการดำรงชีวิตแบบที่ผมจะกล่าวในบทความนี้ มันจะเปลี่ยนไป
    1.
    สำหรับคนมีงานประจำ มีรายได้เป็นรายเดือนหรือรายวัน เฉลี่ยเดือนละ 10,000 - 25,000 บาท โดยประมาณ

    ผมขอตั้งโจทย์ว่า 1 เดือน เรารับเงินเดือนแล้ว ให้เราเหลือเงินเก็บสัก 5,000 บาท/เดือน

    แล้วเราลองมาคำนวณคุณภาพชีวิตของเราดูนะครับ เพราะว่าคนเราเกิดมาชีวิตหนึ่งเราจะต้องมี

    1.1 ซื้อรถยนต์ ตั้งราคากลาง ๆ สัก 800,000 บาท เราลองคิดว่า เก็บเงินเดือนละ 5,000 บาทจะต้องใช้เวลากี่ปี 800,000 บาท หาร 5,000 บาท = 160 เดือนหาร 12 เดือน = 13.3 ปี

    1.2 ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ราคากลาง ๆ = 2,000,000 บาท เก็บเงินซื้อบ้านเดือนละ 5,000 บาทเราต้องใช้เวลากี่ปี 2,000,000 บาท หาร 5,000 บาท = 400 เดือนหาร 12 เดือน = 33.3 ปี

    และเราจะมีบ้าน + มีรถเป็นของเรา จะต้องใช้เวลา 13.3 + 33.3 ปี = 46.60 ปี รวมกับตอนนี้เราอายุ 25 ปี (ใครอายุเท่าไรก็บวกดูครับ)

    และถึงตอนนั้นเราก็จะมีอายุ = 46.63 ปี + 25 ปี เมื่อรวมกัน เราจะมีบ้าน + มีรถเป็นของเราเอง ตอนเรามีอายุ 71.63 ปี

    **และต้องมีเงื่อนไขว่าเราต้องเก็บเงินเดือนในทุก ๆ เดือนให้ได้เดือนละ 5,000 บาททุก ๆ เดือนตลอด 46.6 ปีนะ และเราจะต้องไม่มีลูก เพราะมันคือค่าใช้จ่ายที่คำนวณจ่ายไม่มีสิ้นสุด จนเป็นเหตุทำให้เราจะไม่ได้ทั้งบ้านทั้งรถ
    2. สำหรับแม่บ้านที่ไม่มีงานทำ ที่ต้องการจะหารายได้แบ่งเบาภาระครอบครัว และต้องการมี ข้อ 1.1 + ข้อ 1.2 สักที
    3. สำหรับนักเรียน นักศึกษา หากเรียนจบแล้ว จะต้องหางานทำ เมื่อได้งาน ก็ต้องเผชิญกับข้อ 1
    4. ผู้ที่ทำธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของครอบครัว ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามผลประกอบการของครอบครัว แต่ต้องการมีข้อ 1.1 และข้อ 1.2 เป็นของตัวเอง
    5. คนที่กำลังตกงาน แต่อยากมีชีวิตที่ดี อยากมีบ้าน มีรถ มีลูกที่เราปรารถนาจะเลี้ยงให้เขาเติบโตขึ้นมา แบบมีทุกอย่างไม่เหมือนอย่างที่เราเป็นในทุกวันนี้

    ฯลฯ

    ครับ สมัยก่อนนิยายต้องพิมพ์เล่ม และน้อยคนนักน้อยคนหนาจะฝ่าเข้าสังกัด สนง.พิมพ์ได้ ถึงแม้ว่าเราจะเก่งขนาดไหน เมื่อไม่มีโอกาสโชว์ก็ไม่มีคนเห็นค่า นักเขียนจึงเป็นเหมือนอาชีพต้องคำสาป

    แต่สมัยนี้ใครที่สามารถเขียนนิยายได้ เขาผู้นั้นก็สามารถเรียกได้ว่า เขาคือผู้ที่น่าอิจฉาความเป็นมนุษย์ที่สุด 

    นั่นก็เพราะว่า สมัยนี้เราไม่ต้องพึ่งสำนักพิมพ์อีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ เมื่อเราเขียนนิยายปุ๊บเราก็อัปขายปั๊บ เนื่องจากในปัจจุบัน แพลตฟอร์มที่เปิดขึ้นมาเพื่อให้เราวางขายนิยายนั้น มันก็มีมากมายหลายสำนัก 

    และสำหรับรายได้จากการขายนิยายน่ะหรือ มันก็มีให้เห็นกันอยู่มากมาย ที่รายได้นั้นมันมีทั้งเดือนละหลักพัน หรือหลักหมื่น จนถึงหลักหลายหมื่น และมันมากไปจนถึงหลักแสนบาทต่อ 1 เดือนเลยทีเดียว และรายได้ดังกล่าวมันก็ตอบโจทย์สิ่งที่ผมกล่าวมาได้เลยครับ

    ใช่ครับ เขียนนิยายมันคือธุรกิจของเรา โดยเราไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องมีลูกน้อง ไม่ต้องมีสำนักงาน ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องต่อรองอะไรกับใคร ไม่มีอะไรต้องเสี่ยง ฯลฯ ขอแค่เราเขียนนิยายเป็น และทำไมผมจึงใช้คำว่า ขอให้เขียนนิยายเป็น...นั่นก็เพราะว่า การเขียนนิยายมันคือพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมาให้ไรท์เตอร์ทุก ๆ คนครับ

    และจากผลวิจัยบอกว่า คนทั้งประเทศไทยที่สามารถเขียนนิยายได้ มันก็มีแค่ 0.5 % เท่านั้น และนั่นหมายถึงว่าทั้งประเทศของเรา มันมีคนเพียง 370,000 คนที่เขียนนิยายเป็น

    และหากท่านอยู่ใน 0.5 % ของประเทศไทยแล้ว ท่านรออะไร...ท่านรอให้หายขี้เกียจ หรือ...รอให้คนมาอ้อนวอนให้เขียนนิยาย หรือ...รองานที่มีเงินเดือน 10,000 - 20,000 บาทแค่นั้นหรือครับ ลุกขึ้นมาแล้วลบปัญหาทั้ง 5 ข้อที่ผมกล่าวมาเถอะครับ และต่อไปจงพยายามมุ่งมั่นสร้างชีวิตที่ดี...ด้วยตัวของท่านเองเถอะครับ…

    **ผมไม่ได้บอกว่าต้องลาออกจากงาน หรือหยุดทำอย่างอื่น แล้วมาเขียนนิยายขายนะครับ แต่ผมต้องการเปิดมุมมอง และเพิ่มความมั่นใจว่า ที่เราได้มาอยู่ในเส้นทางของไรท์เตอร์น่ะ เราโชคดีมาก ๆ นะครับ