บทที่ 709: ช้าเกินไป
"กงเว่ย"
มันกางปีกสะบัดเบาๆ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกกับหยาเป่าว่า เรียบร้อยแล้ว พี่ใหญ่กลับไปฝึกต่อได้เลย
"ย่าห์ ย่าห์..."
หยาเป่ารู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล มันขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว
เจ้านายของมันไม่สบาย มันต้องเฝ้าดูมนุษย์คนนี้ ไม่ให้เข้าไปรบกวนเธอ
"กงเว่ย"
กงเป่าได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ขยับตัวไปอีกด้าน แล้วเริ่มฝึกกำแพงเหล็กต่อ
แต่ทันใดนั้นเอง!
ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากด้านนอก
กงเป่าที่หูไวรีบหันไปทันที
เสียงนี้มันคุ้นเคยเกินไป—เป็นเสียงของหยาเป่าตอนฝึกใช้ทักษะไฟ
มันยกเลิกกำแพงเหล็ก ก่อนจะหันไปมองด้านข้าง สีหน้าฉายแววสงสัย
แต่พี่ใหญ่หยาเป่าอยู่ตรงนี้นี่นา...
มันขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินไปยังลานฝึกด้านนอก
สิ่งที่เห็นทำให้มันหยุดชะงัก
ตรงหน้า...
กลุ่มสัตว์อสูรเพลิงพิศวงกำลังใช้ทักษะประเภทไฟกันอย่างหนักหน่วง
"กงเว่ย..."
กงเป่ามองภาพตรงหน้า พลางตกอยู่ในภวังค์ของความคิด...
มันรู้ว่าหยาเป่าสามารถสร้างร่างแยกเพื่อฝึกฝนทักษะที่แตกต่างกันไปได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน แต่มันไม่เคยรู้เลยว่า... ร่างแยกกับร่างจริงจะสามารถอยู่ห่างกันขนาดนี้แล้วยังทำอะไรแยกกันได้โดยอิสระ...
ถ้ามันเรียนรู้ทักษะนี้บ้างล่ะก็... มันก็สามารถทำหลายอย่างพร้อมกัน ประหยัดเวลาไปได้มหาศาลเลยสิ...
.....
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
"ต้วนต้วน"
หนอมเสริมกายสวมชุดทำงานของมันกลับเข้าไป ก่อนจะโค้งให้เล็กน้อย แล้วคลานออกไปทางประตูอย่างเชื่องช้า
เฉียวซางนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พูดออกมาด้วยเสียงอ่อนแรง "เดินทางดีๆล่ะ..."
เธอพักฟื้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อยากรู้ว่าวันนี้เธอใช้เวลาฝึกไปนานแค่ไหน
เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นมา ปรากฏว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านสองข้อความ
[สวัสดีครับ ผมเป็นผู้รับผิดชอบถ่ายทำวิดีโอโปรโมตของผีวงแหวนอาคม ตอนนี้ผมถึงที่บ้านของคุณแล้ว คุณอยู่บ้านหรือเปล่าครับ?]
[ผมถ่ายทำเสร็จแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าสัตว์อสูรของคุณจะวิวัฒนาการไปแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ!]
หืม? ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ?
เฉียวซางขยับตัวขึ้นนั่ง แล้วทบทวนว่าก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงอะไรจากข้างนอกบ้าง
ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ อยู่บ้างจริงๆ...
แต่เพราะวัสดุของคฤหาสน์นี้มีระบบกันเสียงที่ดีมาก แค่ปิดประตูข้างนอกก็แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรข้างในแล้ว มีเพียงเธอที่ยังพอได้ยินอยู่บ้าง แต่ก็ฟังไม่ชัดว่าพูดอะไรกัน
เธอคิดว่าเสียงที่ได้ยินอาจเป็นแค่เสียงของหยาเป่ากับพวกสัตว์อสูรที่กำลังฝึกกัน แต่ไม่คิดเลยว่า... มันคือเสียงของทีมถ่ายทำที่มาถ่ายวิดีโอโปรโมต!
เธอพิมพ์ตอบกลับไปว่า
[เมื่อกี้ฉันไม่ค่อยสบาย การถ่ายทำไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ?]
อีกฝ่ายตอบกลับมาแทบจะทันที
[ไม่มีปัญหาครับ! การถ่ายทำออกมาดีมาก สัตว์อสูรของคุณให้ความร่วมมือดีสุดๆเลยครับ!]
เฉียวซางโล่งใจ ปิดหน้าจอข้อความ
เธอไม่ได้กังวลว่าการวิวัฒนาการของซุนเป่าจะทำให้การถ่ายทำมีปัญหา เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่นตอนที่หยาเป่าวิวัฒนาการเป็นสุนัขเพลิงเร้นลับ ก่อนการถ่ายทำก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร แถมยังกลายเป็นจุดขายให้ทีมโปรโมตได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ...
แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ดูแล แต่ซุนเป่าก็ยังสามารถให้ความร่วมมือกับทีมงานจนถ่ายทำเสร็จลุล่วงไปได้
....
"กงเว่ย"
ขณะนั้นเอง กงเป่าก็ผลักประตูเดินเข้ามา พร้อมกับเปล่งเสียงเรียก
"หืม?" เฉียวซางเงยหน้าขึ้น "มีอะไรเหรอ?"
กงเป่ามองเธอด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ก่อนจะบอกว่า...
มันอยากเรียนรู้ทักษะแยกเงา
เฉียวซางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับ
"ทำไมแกถึงอยากเรียนทักษะนี้ล่ะ?"
กงเป่ากระพือปีกเบาๆ เป็นสัญลักษณ์ว่า—เพราะมันคิดว่าถ้ามันเรียนรู้ร่างแยก มันก็จะสามารถทำหลายอย่างพร้อมกันได้ เหมือนพี่ใหญ่หยาเป่า
เหตุผลนี้เองหรอกเหรอ?... เฉียวซางทั้งคาดไม่ถึงและก็เหมือนไม่แปลกใจเลยในเวลาเดียวกัน
เพราะกงเป่าเป็นสัตว์อสูรที่มีแนวทางของตัวเองมาโดยตลอด มันรู้เสมอว่าตัวเองต้องการพัฒนาไปในทิศทางไหน แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้มันจะเลือกฝึกทักษะแยกเงา
แต่ปัญหาคือ...
สำหรับเธอที่มีนิ้วทองคำ ทักษะนี้มันขี้โกงเกินไป!
ถ้ามีแค่สัตว์อสูรตัวเดียวที่สามารถใช้ร่างแยกได้ อาจจะพอเนียนไปได้ว่ามันแค่เป็นสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์สูง แต่ถ้าสัตว์อสูรทุกตัวของเธอสามารถใช้ร่างแยกได้แบบหยาเป่าทุกตัว?
ถ้าเธอไปแข่งในการแข่งขันสนามใหญ่ๆ รับรองได้เลยว่า... ผู้คนต้องขุดคุ้ยประวัติของเธอจนหมดแน่!
สัตว์อสูรที่เพิ่งเรียนรู้ทักษะใหม่ แต่เพราะสามารถใช้ร่างแยกฝึกได้พร้อมกัน ภายในวันเดียวกลับไปถึงขั้นสูงหรือขั้นสูงสุด—แค่คิดก็ดูไม่สมเหตุสมผลแล้ว!
ถ้าเป็นแค่ตัวเดียว คนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของพรสวรรค์ แต่ถ้าทุกตัวของเธอเป็นแบบนี้?
ชาวเน็ตต้องระเบิดความสงสัยออกมาอย่างแน่นอน
โชคดีที่... สัตว์อสูรตัวอื่นๆของเธอมีแนวทางการฝึกของตัวเองที่ชัดเจน และอัตราการพัฒนาก็ไม่ได้ช้าจนผิดปกติ
ดังนั้น เธอเลยไม่เคยให้ซุนเป่าหรือลูเป่าเรียนรู้ทักษะแยกเงา
เฉียวซางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ได้ ฉันจะหาทางให้แกเรียนรู้มันได้ แต่ห้ามละเลยการฝึกทักษะอื่นๆโดยเฉพาะกำแพงเหล็กเข้าใจไหม?"
"กงเว่ย"
กงเป่าพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง มันเข้าใจแล้ว
จากนั้นมันก็เดินออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูให้อย่างเบามือ
"เอาเถอะ... ถ้ากงเป่าอยากเรียนก็ให้มันเรียนไป"
"แค่หลังจากที่มันเรียนรู้แล้ว ให้รอไปสักพักก่อนจะใช้ต่อหน้าคนอื่นก็พอ"
เฉียวซางคิดในใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า...
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่เคยสงสัยเลยว่า "กงเป่า" จะสามารถเรียนรู้ทักษะร่างแยกได้หรือไม่
เธอแค่คิดว่า... จะปิดบังเรื่องนี้จากสายตาของคนอื่นได้อย่างไร เท่านั้นเอง...
เฉียวซางไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
ตอนนี้เธอมีบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัด อยู่ในช่วงวันหยุด และสิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือ—พากงเป่าไปเรียนกับร้านพัฒนาสัตว์อสูร สถาบันฝึก หรือสโมสรที่เชี่ยวชาญด้านการฝึกทักษะแยกเงาโดยเฉพาะ!
หลังจากค้นหาในอินเทอร์เน็ต เธอก็พบสถานที่ที่เหมาะสม และในคืนวันนั้นเอง...
เธอเดินทางมาถึงสถาบันฝึกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอมากนัก
ที่นี่เป็นสถาบันฝึกอบรมระดับแนวหน้าของเขตที่ 1 ที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกสอนมืออาชีพ แต่ละคนล้วนมีใบรับรองระดับสูง และปกติแล้วตารางฝึกของพวกเขาก็เต็มจนแทบไม่มีคิวว่าง
อย่างไรก็ตาม การขอข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า
พนักงานที่ให้คำปรึกษาผลักแฟ้มเอกสารของเหล่าผู้ฝึกสอนไปข้างหน้า ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม
"ผู้ฝึกสอนของเราทุกคนล้วนเป็นระดับแนวหน้าในเขตที่ 1 ค่ะ พวกเขาเคยฝึกสอน..."
แต่ยังไม่ทันพูดจบ...
"ใครใช้เวลาสอนให้สัตว์อสูรเรียนรู้แยกเงาได้เร็วที่สุดคะ?"
เฉียวซางถามขัดขึ้นมาโดยไม่รีรอ
พนักงานชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะครุ่นคิด แล้วชี้ไปที่ภาพของชายคนหนึ่งที่มีผมหยิกฟูเป็นเอกลักษณ์
"คุณเอเวอเร็ตต์ ท่านนี้เป็นผู้ฝึกสอนระดับสูง เคยใช้เวลาครึ่งเดือนสอนให้สัตว์อสูรเรียนรู้ทักษะแยกเงาและสามารถใช้มันได้อย่างชำนาญ ลูกค้าคนนั้นถึงขั้นแนะนำเพื่อนๆของเขามาหาเราอีกหลายคนเลยทีเดียว"
"ห๊ะ? เร็วที่สุดคือครึ่งเดือน?"
เฉียวซางพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตกใจเล็กน้อย
อีกหนึ่งคนที่โดนคุณเอเวอเร็ตต์มัดใจแน่ๆ คราวนี้ต้องปิดดีลได้ชัวร์... พนักงานให้คำปรึกษายิ้มอย่างมั่นใจ
"ใช่เลยค่ะ ครึ่งเดื—"
"ช้าไปไหม?"
เฉียวซางขมวดคิ้ว "ไม่มีที่ไหนเร็วกว่านี้อีกเหรอคะ?"
"..."
พนักงานให้คำปรึกษานิ่งไป เธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า...?
ครึ่งเดือน สอนทักษะระดับกลางให้สัตว์อสูรเรียนรู้สำเร็จ—นี่ก็ถือว่าเร็วมากแล้วไม่ใช่หรือไง!?
เธอควบคุมสีหน้าของตัวเอง พยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้
"ทักษะแยกเงาเป็นทักษะระดับกลาง ครึ่งเดือนถือว่าเร็วมากแล้วค่ะ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของสัตว์อสูร สัตว์อสูรทั่วไปไม่สามารถเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้หรอกนะคะ"
เฉียวซางรู้สึกผิดหวัง ก่อนจะถามอีกครั้ง
"ไม่มีที่ไหนเร็วกว่านี้แล้วจริงๆใช่ไหม?"
"ไม่มีค่ะ" พนักงานส่ายหน้า
"งั้นก็ไม่ต้องละกันค่ะ"
"ช้าเกินไป ฝึกเองดีกว่า"
เฉียวซางลุกขึ้นยืน เดินออกไปอย่างไม่ลังเล
พนักงานให้คำปรึกษาถึงกับอึ้ง
นี่เธอพูดจริงเหรอ?
เธอไม่ได้พูดประชดใช่ไหม...?
....
หลังจากกลับถึงบ้าน
เฉียวซางนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกหยาเป่าและกงเป่ามารวมตัวกัน
"หยาเป่าช่วงนี้แกฝึกฝนดาวตกอยู่ใช่ไหม? งั้นช่วยควบคุมพลังหน่อย อย่าให้แรงเกินไป แล้วให้กงเป่าหลบใต้การโจมตีของแก"
หยาเป่าเรียนรู้ทักษะแยกเงาได้ในห้องฝึกซ้อมเทนนิส
ฝนดาวตกเป็นทักษะที่ทั้งรุนแรงและหนาแน่นกว่า ลูกเทนนิสของสนามฝึกเทนนิสมาก ถ้าหากกงเป่าฉลาดพอ การใช้วิธีเดียวกับหยาเป่าในการฝึก อาจจะทำให้มันเรียนรู้ร่างแยกได้ในเวลาไม่นาน
และตอนนี้ เธอเองก็ผ่านการฝึกขั้นแรกของการเพิ่มพลังป้องกันไปแล้ว...
แม้ว่ากงเป่าจะโดนฝนดาวตกโจมตีเข้าใส่ เธอก็น่าจะยังทนรับไว้ได้อยู่!
"ย่าห์!"
"กงเว่ย!"
หยาเป่าและกงเป่าตอบรับพร้อมกัน
เฉียวซางมองดูสัตว์อสูรของเธอ แล้วเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ข้อดีที่สุดของสัตว์อสูรของเธอก็คือ พวกมันไม่ต้องให้เธอคอยดูแลมาก เวลาฝึกพวกมันก็ฝึกกันเองได้อย่างยอดเยี่ยม
...เว้นก็แต่เจ้าซุนเป่า
ขณะที่เธอคิดแบบนั้น...
"ซุนซุน!"
ซุนเป่าที่กำลังเล่นเกมอยู่กำลังจ้องไปที่หน้าจอด้วยสายตาดุดัน
ลุยเลย! วิ่งเข้าไป! อย่ากลัว!!
เฉียวซางที่เห็นก็ได้แต่กลอกตาอย่างเงียบๆ
....
เวลา 02:00 น.
ซุนเป่าจิบน้ำยาฟื้นฟูพลังงาน ก่อนจะใช้พลังจิตควบคุมคีย์บอร์ดเหมือนดั่งปกติ
[พี่อ้วนเสน่ห์แรง: น้องชายนายตลกดีนะ เห็นรอบก่อนเรียกแฟนตัวเองว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรด้วยนี่?]
"ซุนซุน?"
พอเห็นข้อความซุนเป่าก็เลยเอียงหัวแล้วทำสีหน้าสงสัยขึ้นมา ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
[ไม่ใช่คู่รัก ฉันคือสัตว์อสูรของผู้ฝึกสัตว์อสูร]
[พี่อ้วนเสน่ห์แรง: ฮ่าๆๆ โอเคเลย น้องเอ๋ย พี่ชายคนนี้วิ่งตามน้องไม่ทันแล้ว]
ซุนเป่าไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายหมายถึง จึงพิมพ์ตอบกลับ
[ทำไมต้องวิ่งตาม มันไม่ได้มีเท้า นี่มันลอยตัวเล่นอยู่]
[พี่อ้วนเสน่ห์แรง: หืม ยังเล่นตามบทบาทสัตว์อสูรอยู่อีก? นี่ตกลงเป็นสัตว์อสูรประเภทผีหรือพลังจิตกันแน่?]
ซุนเป่าตอบกลับทันที
[ฉันเป็นสัตว์อสูรประเภทผี]
[พี่อ้วนเสน่ห์แรง: …พี่ชายคนนี้ขอคารวะเอ็งจริงๆไอ้น้อง]
ซุนเป่าเห็นข้อความแล้วรู้สึกภูมิใจ
[ฉันเก่งมากอยู่แล้ว]
[พี่อ้วนเสน่ห์แรง: …]
ขณะที่ซุนเป่ากำลังจะพิมพ์ต่อ...
แต่จู่ๆ มันก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาของมันสว่างขึ้นเป็นแสงสีฟ้า
วินาทีถัดมา—
โต๊ะน้ำชา คอมพิวเตอร์ โซฟา ทีวี โต๊ะอาหาร...
—ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนั่งเล่น ลอยขึ้นกลางอากาศ!