ตอนที่แล้วบทที่ 400 กินยาอะไรผิดไปหรือเปล่า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 401 ใครเป็นคนวางยา?


ฉินจิงหรูไม่คิดว่าหลี่เว่ยตงจะเรียกเธอ ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ยืนนิ่งไม่กล้าก้าวออกไป จนกระทั่งฉินหวยหยูที่อยู่ข้างหลังผลักเธอออกมา และยืนอยู่ข้างเธอในลานบ้าน

"เล่ามาสิ เกิดอะไรขึ้น?" หลี่เว่ยตงชี้ไปที่สือจวี้ที่ยังคงกระตุกเป็นระยะๆ บนพื้น

จริงๆ แล้ว เขาก็พอจะเดาเรื่องราวได้อยู่แล้ว แต่เขาอยากดูว่าฉินจิงหรูจะพูดอย่างไร

"คะ...คืนนี้ หลังจากกินข้าวเสร็จ สือจวี้บอกว่าอยากคุยกับฉัน ฉันก็เลยไปที่ห้องเขา ตอนนั้นเขานอนอยู่บนเตียง ดู...ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี ฉันนึกว่าเขาป่วย ก็เลยลองเรียกสองสามครั้ง แล้วเขาก็ลุกขึ้นมา แล้วก็...ก็พยายามฉีกเสื้อฉัน"

เมื่อฉินจิงหรูพูดจบ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากรอบๆ ทันที ไม่มีใครคิดว่าสือจวี้จะกล้าทำเรื่องแบบนี้

"เป็นไปไม่ได้!" อี้จ้งไห่ตะโกนแทรกทันที

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขารู้จักนิสัยของสือจวี้เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่

ยิ่งไปกว่านั้น สภาพของสือจวี้ก่อนหน้านี้ก็ดูผิดปกติชัดเจน หลี่เว่ยตงเองก็ยืนยันว่าเป็นเพราะ "กินยาเข้าไป"

"หรือว่ายานั่น เธอเป็นคนให้เขากิน?" อี้จ้งไห่ถามตรงๆ

"ฉันเปล่า!" ฉินจิงหรูส่ายหัวทั้งน้ำตา

หลี่เว่ยตงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินจิงหรูจะดูหวาดกลัวและมีพิรุธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่กำลังตกใจ

แต่เมื่อต้องตอบคำถามเรื่อง วางยา เธอกลับยืนยันหนักแน่น และที่สำคัญ หลี่เว่ยตงสามารถสัมผัสได้ว่าเธอพูดความจริง

แบบนี้ก็เริ่มน่าสนใจแล้ว ถ้าไม่ใช่ฉินจิงหรูเป็นคนวางยา แล้วใครเป็นคนทำ? ฉินหวยหยูงั้นหรือ? หลี่เว่ยตงหันไปมองฉินหวยหยู

ก่อนหน้านี้เธอเคยพยายามจับคู่ฉินจิงหรูกับสือจวี้อยู่พักหนึ่ง เพราะหากทั้งสองแต่งงานกัน ครอบครัวของเธอกับสือจวี้ก็แทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน จนกระทั่งสือจวี้เริ่มคบหากับหยูลี่ นางถึงได้ยอมล้มเลิกความคิดนั้น

แต่เมื่อเธอไม่ได้อะไรจากทางหลี่เว่ยตงเลยตลอดช่วงที่ผ่านมา ใครจะไปรู้ว่าเธออาจจะเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปที่สือจวี้อีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้ว ฉินจิงหรูเป็นแค่สาวบ้านนอกที่เพิ่งมาถึงเมือง ยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่ฉินหวยหยูเป็นคนเจนโลก เธอย่อมรู้ดีว่าถ้าคิดจะวางยาหลี่เว่ยตง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ตราบใดที่ฉินหวยหยูยังมีสติและไม่โง่เกินไป เธอย่อมต้องรู้ดีว่า ถ้าปล่อยให้ฉินจิงหรูก่อเรื่อง มันจะดึงเธอลงไปพัวพันด้วยแน่นอน แต่ถึงแม้แผนจะใช้กับหลี่เว่ยตงไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่ามันใช้ไม่ได้กับสือจวี้

ด้วยความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้านระหว่างฉินหวยหยูกับสือจวี้ ไม่ว่าเธอจะเอาอะไรให้เขากิน เขาก็ไม่มีวันสงสัย

ต่อให้ฉินหวยหยูกระซิบบอกว่า "ในอาหารใส่ยาพิษไว้" สือจวี้ก็ยังหัวเราะร่าและกินเข้าไปอยู่ดี

แล้วพูดอะไรทำนองว่า: "พี่ฉินล้อเล่นเก่งจัง! คนอย่างฉัน เชื่อคนอื่นไม่ได้ก็จริง แต่พี่ฉินน่ะ ฉันไว้ใจสุดๆ!"

หลี่เว่ยตงมั่นใจว่า สือจวี้สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้แน่ ดังนั้น ฉินหวยหยูมีทั้งแรงจูงใจและความสะดวกในการวางยา ถึงแม้ว่าตอนนี้สือจวี้กับฉินจิงหรูยังไม่ได้ เข้าหอกัน แต่แค่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็เพียงพอจะทำให้เขากับหยูลี่ไปกันไม่รอด สุดท้าย สือจวี้ก็ต้องแต่งงานกับฉินจิงหรูเพื่อรักษาเกียรติของเธอ แผนนี้ สามารถฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว

"หลี่เอ้อร์เฮย ฉันไม่ได้ทำจริงๆ มันไม่เกี่ยวกับฉัน!" ฉินหวยหยูเห็นหลี่เว่ยตงจ้องเธออยู่ก็รีบปฏิเสธทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรน เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ยาที่เธอทิ้งไปแล้ว กลับไปอยู่ในท้องของสือจวี้ได้ยังไง?

และที่สำคัญ ฉินจิงหรูเกือบจะ... หรือว่าเป็นฉินจิงหรูเองที่ไม่ยอมแพ้?

หลังจากถูกเธอดุไปแล้ว เลยไม่กล้าเล็งเป้าหมายที่หลี่เว่ยตงอีก แต่หันไปลงมือกับสือจวี้แทน? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของฉินหวยหยู เพราะถ้ามองตามเหตุผล มันก็สมเหตุสมผลดี แต่เธอมัวแต่พยายามแก้ต่างให้ตัวเองจนลืมไปว่า คำพูดที่เธอหลุดปากออกมานั้นมีช่องโหว่อะไรบ้าง และเธอก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า สีหน้าของหลี่เว่ยตงเริ่มมืดลงเรื่อยๆ

"หลี่เอ้อร์เฮย?" หลี่เว่ยตงกัดฟันแน่น ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วหรือไง?

แต่ถึงอย่างนั้น คำพูดของเธอกลับทำให้เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง เพราะจากที่สัมผัสได้ ฉินหวยหยูก็ไม่ได้โกหกจริงๆ

นั่นแปลว่า คนวางยาไม่ใช่พี่น้องบ้านนี้สักคน แล้วใครกัน? จะเป็นหลิวกวางฉีงั้นหรือ?

หลี่เว่ยตงรู้ดีว่าเป้าหมายของหลิวกวางฉีคือเขา แล้วเขาจะเสียโอกาสดีๆ แบบนี้ไปกับสือจวี้ได้ยังไง?

ตัดตัวเลือกพวกเขาออกไป คนที่รู้เรื่องแผนนี้ก็เหลือเพียงหลิวกวางเทียน แต่หลี่เว่ยตงก็สัมผัสได้ว่าหลิวกวางเทียนเองก็สับสนและสงสัยพี่น้องบ้านฉินอยู่เหมือนกัน งั้นแปลว่าเขาก็ไม่ใช่คนทำ

แบบนี้ คนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดไม่มีใครเป็นคนวางยาเลยงั้นหรือ? ทันใดนั้น หลี่เว่ยตงหันไปมองฉินจิงหรูอีกครั้ง

"เมื่อกี้เธอบอกว่า ตอนที่เธอไปหาสือจวี้ เขานอนอยู่บนเตียง แล้วใครเป็นคนเรียกเธอ?"

หลี่เว่ยตงยังไม่ลืมว่า ฉินจิงหรูเคยพูดว่า สือจวี้เป็นคนเรียกเธอไปหา แต่ในเวลานั้น สือจวี้กินยาเข้าไปแล้ว แล้วเขาจะไปเรียกเธอได้ยังไง? ถ้าหากตอนนั้นยังไม่กินยา ก็ไม่มีทางที่เขาจะเรียกสาวโสดเข้าห้องไปตอนกลางคืนแบบนี้

นั่นแปลว่า ต้องมีบุคคลที่สามที่เป็นคนส่งข่าวให้เธอ เมื่อได้ยินคำถามของหลี่เว่ยตง ฉินจิงหรูถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นดวงตาของเธอก็ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น ท่าทางของเธอบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า เธอเพิ่งคิดอะไรบางอย่างออก

หลี่เว่ยตงไม่เร่งเร้า ปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายพูดเอง แต่สุดท้าย เธอกลับหันไปมองฉินหวยหยูที่อยู่ข้างๆ

เท่านั้นแหละ ใบหน้าของฉินหวยหยูก็เปลี่ยนสีทันที "เธอมองฉันทำไม? ฉันไปบอกให้เธอไปหาสือจวี้เมื่อไหร่?"

ฉินหวยหยูไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ดีว่าถ้าคดีนี้ถูกโยนมาให้เธอ เธอจะไม่มีวันล้างมันทิ้งได้อีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสือจวี้เกิดเป็นอะไรไป เธออาจจะต้องรับผิดชอบไปทั้งชีวิต

"พี่...เป็นปังเกิ่งที่เรียกฉันไป บอกว่าสือจวี้อยากคุยด้วย ให้ฉันไปหาเขาที่ห้อง" ฉินจิงหรูพูดด้วยน้ำเสียงลังเล

"ปังเกิ่ง?" ฉินหวยหยูถึงกับตัวชาวาบ ราวกับถูกฟ้าผ่า

ถ้าไม่ใช่เธอเอง และไม่ใช่ฉินจิงหรู นั่นแปลว่าคนที่เป็นคนส่งข้อความต่อให้ก็คือปังเกิ่ง

ปังเกิ่งต้องได้ยินที่เธอพูดกับฉินจิงหรูเมื่อคืนแน่ๆ และวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ปังเกิ่งไม่ได้ไปโรงเรียน ตอนที่เธอไปทิ้งขยะและโยนยานั้นทิ้งไป เจ้าลูกชายของเธอคงแอบเก็บมันไป แล้วเอาไปให้สือจวี้กินเข้าไป

เด็กอย่างปังเกิ่งสามารถเข้าออกบ้านสือจวี้ได้อย่างอิสระ แค่แอบเทยาใส่น้ำให้เขาดื่ม มันเป็นเรื่องง่ายมาก

อีกทั้งเด็กสมัยนี้ มักจะได้ยินเรื่องราวเหลวไหลจากข้างถนนเสมอ แนวคิด "ทำให้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว" แบบนี้ เขาคงได้ยินมาจากไหนสักที่ และเมื่อมารวมกับคำพูดที่เขาได้ยินจากแม่กับน้า ตัวเล็กแต่สมองไวอย่างปังเกิ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะทำอะไรแบบนี้ลงไป ไม่สิ ต้องบอกว่า มีโอกาสเกือบเต็มร้อยที่เขาจะทำแน่ๆ

คิดมาถึงตรงนี้ ฉินหวยหยูรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว ใบหน้าซีดเผือด แม้ว่าหลังจากที่เจี่ยจางซื่อจากไป เธอจะเริ่มเข้มงวดกับปังเกิ่มากขึ้น และเมื่อลูกทำผิดเธอก็ลงโทษจริงๆ แต่ด้วยวัยของเขา นิสัยก็ได้ถูกหล่อหลอมไปแล้ว การจะแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเอาเถอะ แค่เผลอไปไม่นาน ก็ทำเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้ว ถ้าสือจวี้เป็นอะไรขึ้นมา ปังเกิ่งต้องถูกส่งไปศูนย์เยาวชนแน่ๆ

และหากเข้าไปที่นั่น อนาคตของเขาก็จบสิ้น ฉินหวยหยูไม่มีทางปล่อยให้ลูกชายต้องเจอชะตากรรมนั้น

เธอกัดฟันแน่น ตัดสินใจจะแบกรับเรื่องนี้ไว้เอง ยังไงซะ เธอเป็นหญิงหม้าย และทำเพื่อตัวน้องสาว ถ้าจะต้องแบกรับความเลวทรามไว้บ้างแล้วมันทำไม? ถึงแม้ว่าจะต้องถูกตราหน้า แต่เธอก็จะรับมันไว้

"ฉินหวยหยู ฉันรู้ว่าเธอคิดจะพูดอะไร แต่ฉันแนะนำว่าอย่าพูดจะดีกว่า หลิวกวางเทียน ไปลากปังเกิ่งออกมา"

หลี่เว่ยตงมองฉินหวยหยูด้วยสายตาเย็นเยียบ ตัดบทเธอก่อนที่เธอจะเอ่ยคำพูดที่ไม่ควรพูดออกมา

"ได้!" ทันทีที่ฉินจิงหรูพูดชื่อปังเกิ่งออกมา หลิวกวางเทียนก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

และเมื่อได้รับคำสั่งจากหลี่เว่ยตง เขาก็เดินเข้าไปในบ้านของฉินหวยหยู แล้วลากปังเกิ่งออกมา

เสียงร้องโวยวายดังขึ้นจากในบ้าน แต่สุดท้าย ปังเกิ่งก็ถูกหิ้วปีกลากออกมาข้างนอก เมื่อเห็นปังเกิ่ง หลี่เว่ยตงก็แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้จับผิดคน เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี นอกจากคิดว่าเด็กคนนี้มัน "กล้าบ้าบิ่นจริงๆ"

"แม่! ช่วยฉันด้วย!" ปังเกิ่งพยายามดิ้นสุดแรง และเมื่อเห็นว่าไม่สามารถหนีไปไหนได้ เขาก็หันไปมองแม่ของตัวเองด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ในสายตาของเด็กทั่วไป พ่อแม่มักจะหลอกเด็กให้กลัวด้วยเรื่องของปีศาจหรืออะไรบางอย่าง

แต่สำหรับปังเกิง หลี่เว่ยตงก็คือตัวตนที่น่ากลัวสุดๆ โดยไม่ต้องแต่งเติมอะไรเลย

"ปังเกิ่ง! หลี่เว่ยตง ฉันขอร้อง ปังเกิ่งยังเด็ก นายอย่าทำร้ายเขาเลย การวางยาให้สือจวี้เป็นฉันเองที่ทำ!"

สุดท้าย ฉินหวยหยูก็ทนไม่ไหว เธอตะโกนเสียงดัง ยอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เอง

แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีใครเชื่อเธอแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต่างรู้กันดีว่า ใครคือคนทำจริงๆ

เมื่อก่อน ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าปังเกิ่งเป็นเด็กที่ดื้อและก่อปัญหาเสมอ แต่เพราะมีเจี่ยจางซื่อคอยปกป้อง พวกเขาก็เลยไม่อยากเอาเรื่องกับเด็ก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้น

และในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าปังเกิ่งตกที่นั่งลำบาก ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหรือขอร้องให้หลี่เว่ยตงปล่อยเขาไป

ความคิดส่วนใหญ่ของทุกคนก็คือ "เด็กคนนี้ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เกือบจะฆ่าคนได้ ถ้าไม่ตีให้ขาหักสักสองสามที มันก็พูดยากนะ!" โชคยังดี ที่สือจวี้ยังไม่ถึงกับเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะการช่วยเหลือทำได้ทันท่วงที

ส่วนเรื่องที่ว่าสือจวี้จะเอาเรื่องคืนยังไง นั่นก็เป็นเรื่องของเขาเอง ไม่มีใครอยากไปยุ่ง

"ถ้าเธอกล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีกสักคำเดียว เธอเชื่อไหมว่าฉันจะให้คนลากปังเกิ่งไปส่งศูนย์เยาวชน?"

หลี่เว่ยตงพูดตัดบทฉินหวยหยูอย่างเย็นชา ก่อนจะหันไปมองปังเกิ่ง "ยาเอามาจากไหน?"

"เก็บมา..." ปังเกิ่งตัวสั่น ถ้าหลี่เว่ยตงถามว่า "ทำไมถึงวางยาให้สือจวี้" เขาอาจจะพยายามปฏิเสธ แต่พอถูกถามตรงๆ แบบวิธีสอบสวนของตำรวจ เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไง "เก็บจากที่ไหน?" "กองขยะ..." ถ้าเป็นการสอบสวนปกติ ขั้นตอนถัดไปก็คือ "เก็บจากตรงไหน ใครเป็นคนทิ้ง?" แต่หลี่เว่ยตงกลับเปลี่ยนคำถามไปทางอื่น "เธอรู้ไหมว่าใครเป็นคนให้ยานี้กับน้าของเธอ?"

"หลิวกวางฉี!" ปังเกิ่งตอบออกมาโดยไม่ลังเล เพราะสำหรับเขา มันเป็นเหมือนโอกาสที่จะโยนความผิดให้พ้นตัว

เขาคิดว่า ถ้าเขาบอกว่าหลิวกวางฉีเป็นต้นเหตุ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว และเมื่อปังเกิ่งพูดจบ เสียงพูดคุยของฝูงชนก็ดังขึ้นอย่างโกลาหล

ใครจะไปคิดว่า เรื่องที่ตอนแรกเป็นเพียงเรื่องของบ้านฉินกับสือจวี้ จู่ๆ จะลากบ้านหลิวเข้ามาเกี่ยวด้วย?

และหลิวกวางฉีเป็นใคร? เขาคือลูกชายคนโตของบ้านหลิว เป็นคนที่หลิวไห่จงและภรรยาภูมิใจมาก

(จบบท)#####

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด