ตอนที่ 216 ต้องลงโทษอย่างหนัก(ฟรี)
“เทพลู่ ตอนนี้พวกเราออกไปดูได้หรือยัง?” ทุกคนเข็ดหลาบจากเหตุการณ์ก่อนหน้า พวกเขาเหาะขึ้นไปบนฟ้าและถามลู่เฉินก่อน
ลู่เฉินมองท้องฟ้า จากนั้นก็มองไปยังเกาเซิ่งจื่อและคนอื่น ๆ ที่กำลังตื่นเต้น ก่อนจะยิ้ม “ข้าเองก็อยากออกไปดูเหมือนกัน! ไปด้วยกันเถอะ!”
“พี่ลู่จงเจริญ!” เกาเซิ่งจื่อตะโกนด้วยความดีใจ
จี้อู๋ซวงมองลู่เฉินด้วยความชื่นชม ลู่เฉินช่างน่าทึ่งจริง ๆ การเปิดประตูสวรรค์โดยพลการและการควบคุมเจดีย์ปราบมารล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แม้แต่จี้จิ่วเกอและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็มองลู่เฉินราวกับเทพเจ้า
“ตามข้ามา!” ลู่เฉินในชุดขาวเหาะขึ้นไปบนฟ้า พร้อมเซียนมากมายที่ติดตามไปด้านหลัง
ทุกคนบินเข้าไปในเสาแสงขนาดใหญ่ บินสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ข้ามประตูสวรรค์และไปถึงโลกเบื้องบน
เมื่อออกมา พวกเขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในตำหนักโบราณอันงดงาม ที่นี่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มันคือที่พำนักของผู้คุมกฎที่ลู่เฉินเพิ่งจัดการไป
ทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย
จี้จิ่วเกอกล่าว “พากเราสามารถออกไปสำรวจดูข้างนอกได้หรือไม่?”
ลู่เฉินกล่าว “ออกไปได้ แต่อย่าออกไปไกลนัก ที่นี่คือแดนสวรรค์ หากถูกพบเห็นเข้า ก็อาจถูกจับกุมได้”
“แน่นอน ๆ” ถึงแม้ว่าทุกคนจะตอบตกลง แต่ในใจกลับร้อนรน
ในที่สุดก็ได้มายังโลกเบื้องบนที่ใฝ่ฝัน แล้วจะไม่ให้ออกไปดูได้อย่างไร? บางคนถึงขั้นคิดจะแอบหนีไปและไม่กลับลงโลกใบเล็กนี้อีกเลย
จากนั้นทุกคนก็พากันบินออกไป
เกาเซิ่งจื่อและจี้อู๋ซวงไม่ได้ไปไหน พวกเขามองดูลู่เฉินด้วยความสงสัย “สหายเต๋าลู่ไม่อยากออกไปดูข้างนอกบ้างหรือ?”
ลู่เฉินยิ้ม “ข้าจะยืนดูอยู่หน้าตำหนักนี้ พวกเจ้าออกไปเดินเล่นเถอะ แต่ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ากลับมา ผู้คุมกฎไม่ยอมให้พวกเจ้าอยู่ในโลกเบื้องบนนี้แน่”
“เข้าใจแล้ว” เกาเซิ่งจื่ออยากกลับบ้านเกิด ส่วนจี้อู๋ซวงอยากจะสำรวจโลกเบื้องบน
ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นทุกคนเดินออกไป ลู่เฉินก็เดินสำรวจตำหนักของผู้คุมกฎ
เขาพบว่าภายในตำหนักแห่งนี้ ระบบไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ แต่หากเขาออกไปข้างนอก ระบบจะเตือน [คำเตือน: เจ้าของเช็คอินต่อเนื่อง 9975 วัน หากออกจากบ้าน การเช็คอินต่อเนื่องจะถูกยกเลิก]
ลู่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ออกไป
โชคดีที่ท้องฟ้าเหนือตำหนักนี้เปิดโล่ง ลู่เฉินจึงสามารถเหาะขึ้นไปดูได้
ทันทีที่ออกไป เขาก็เห็นโลกภายนอกกว้างใหญ่ มีหม้อศิลาขนาดใหญ่สีขาวอมเทาตั้งตระหง่านอยู่เบื้องล่าง หม้อศิลานี้เกิดจากพลังของสวรรค์และโลก ไร้ร่องรอยการสร้างจากฝีมือมนุษย์
ใต้หม้อศิลานี้มีภูเขาสูงตระหง่าน ไร้ซึ่งต้นไม้ใบหญ้าใด ๆ ปรากฏ
รอบ ๆ ภูเขาลูกนี้มีภูเขามากมายรายล้อม มองเห็นต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ช่างดูอุดมสมบูรณ์ มีตำหนักมากมายตั้งอยู่ระหว่างภูเขาน้อยใหญ่นั่น
ที่นี่มีพลังปราณมากมายมหาศาล พลังปราณบางส่วนยังรวมตัวกันกลายเป็นหมอกสีขาว ราวกับผ้าโปร่งบาง ๆ ที่ปกคลุมภูเขาน้อยใหญ่ นับว่าเป็นสถานที่บ่มเพาะชั้นเลิศ
“ช่างเป็นสถานที่ดีจริง ๆ!” ลู่เฉินพอใจมาก
หลังจากชมวิวทิวทัศน์ของโลกเบื้องบนแล้ว ลู่เฉินก็กลับเข้าไปยังตำหนักของผู้คุมกฎ เพราะเขามีเรื่องที่สำคัญกว่า นั่นคือการรับรางวัลจากการเอาชนะผู้คุมกฎ
ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักฝ่ายลงทัณฑ์ หม้อศิลา
การลาดตระเวนภายในสำนักหม้อศิลามักจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายลงทัณฑ์ เนื่องจากศิษย์ภายในมักจะรู้จักกฎเป็นอย่างดี การลาดตระเวนเช่นนี้จึงไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก
แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป
ยันต์สื่อสารสีทองมากมายราวกับหิ่งห้อยสีทอง บินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง พวกมันรายงานเรื่องเดียวกัน นั่นคือการปรากฏตัวของ “บุคคลไม่ทราบชื่อ” จำนวนมากที่ประตูชั้นในของสำนักหม้อศิลา
“เกิดอะไรขึ้น? หรือมีเซียนนอกรีตแอบเข้ามาในสำนักของพวกเรา?” รองผู้นำตำหนักลงทัณฑ์รีบสั่งให้เหล่าศิษย์ออกไปตรวจสอบและจับกุมคนแปลกหน้าพวกนั้น
ทันใดนั้น ร่างมากมายก็พุ่งทะยานออกไป
บนเส้นทางภูเขา เซียนหนุ่มคนหนึ่งหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย เขาสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น เซียนชายหญิงที่เดินผ่านมองดูเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินจากไป
“สหายเต๋า ไม่ทราบว่าตระกูลเกาอยู่ที่ใดหรือ?” เกาเซิ่งจื่อถามเซียนระดับก่อตั้งรากฐาน
“ผู้อาวุโส ตระกูลเกาไหนหรือขอรับ?”
“ตระกูลเกาแห่งสำนักหม้อศิลาไง!”
“อ้อ ๆ ๆ พวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้ เซียนตระกูลเกามักจะอยู่ในถ้ำที่ยอดเขาชิงเฟิง”
“ขอบใจ”
เกาเซิ่งจื่อเหาะขึ้นไปจนมาถึงยอดเขาชิงเฟิง ที่นี่มีตำหนักหลังใหญ่พร้อมหลังคาสีเหลืองและกำแพงสีแดงตั้งอยู่ท่ามกลางต้นสนโบราณ ช่างงดงามตา
เกาเซิ่งจื่อเดินเข้าไปและพบว่ามีเซียนหนุ่มสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู เขาเดินเข้าไปและกล่าวว่า “รีบไปรายงานว่าคุณชายเกาจิ่นจากตระกูลสามกลับมาแล้ว!”
“คุณชายตระกูลสาม? คุณชายคนไหนหรือขอรับ?” เซียนหนุ่มทั้งสองตกตะลึง “ผู้อาวุโส ป้าย…”
“ป้ายอะไรกัน? ข้าไม่มีป้ายใด ๆ ทั้งนั้น ข้าจะไปพบท่านเกาติ้งเซิง”
“ท่านจะไปพบผู้นำตระกูลเกาหรือ? ท่านต้องติดต่อเขาก่อน…”
“ไร้สาระ! ข้าคือคนของตระกูลเกา หลีกไป!”
ไม่นาน เกาเซิ่งจื่อก็ได้พบกับผู้นำตระกูลเกา ผู้นำตระกูลเกาประหลาดใจมาก “เจ้าทะลวงภพสำเร็จงั้นหรือ? ทำไมข้าถึงไม่ได้รับข่าวใด ๆ? แล้วทำไมพลังบ่มเพาะของเจ้ายังเป็นระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นสูงสุดอยู่?”
เกาเซิ่งจื่อกล่าวอย่างเขินอาย “เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน…เอ่อ ข้าแอบหนีออกมาจากโลกเบื้องล่าง”
“อะไรนะ!”
ภายในสำนักหม้อศิลา ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด บางคนบุกเข้าไปในหอตำราโดยไม่ได้รับอนุญาต บางคนขโมยโอสถในสวน บางคนวิ่งไปที่ประตูชั้นนอก หมายจะแอบหนีออกจากสำนักหม้อศิลา
ตำหนักลงทัณฑ์ทั้งภายในและภายนอกจับกุมคนได้เป็นจำนวนมาก คนเหล่านั้นอ้างว่าพวกเขามาจากโลกเบื้องล่าง และยังบอกอีกว่าผู้คุมกฎถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว
ณ หุบเขาเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในสำนักหม้อศิลา
ศาลาเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำตก เดิมทีที่นี่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ทันใดนั้นก็มีแสงวาบ ชายชราผมขาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นก็มีแสงวาบอีกครั้ง หญิงชราผมเงินก็ปรากฏขึ้นตามเช่นกัน
ไม่นานนัก ชายหญิงทั้งห้าคนก็นั่งลงในศาลานี้
“ประมุขหมิน ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่ทำไม? ข้ายังหลอมโอสถอยู่เลย!” หญิงชราถามด้วยความร้อนใจ
ชายชราผมขาวที่ปรากฏตัวคนแรกยิ้มแห้ง ๆ “ผู้อาวุโส ตอนนี้เรากำลังมีปัญหา โลกหม้อศิลาถูกเปิดออกจากข้างใน ตอนนี้เซียนจากโลกเบื้องล่างพากันหนีออกมา พวกเราจับได้แล้วสามร้อยคน และยังมีอีกมากมายที่ยังจับไม่ได้”
“อะไรนะ!” ทุกคนต่างตกใจ ชายชราอีกคนกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผู้คุมกฎตี้ห่าวมัวแต่ทำอะไรอยู่? แค่โลกใบเล็กก็ยังดูแลไม่ได้ แล้วจะให้เขาไปทำอะไรได้!”
“ข้าได้ยินจากเซียนที่ถูกจับได้ว่าผู้คุมกฎถูกเซียนจากโลกเบื้องล่างที่ชื่อลู่เฉินปราบไว้”
“สารเลว! มดปลวกโลกเบื้องล่างพวกนี้คิดจะก่อกบฏงั้นหรือ? ตี้ห่าวก็ไร้ประโยชน์ เซียนระดับนิพพานอย่างเขาจะถูกมดปลวกจากโลกเบื้องล่างปราบได้อย่างไร?”
“ร่างจริงของตี้ห่าวไปสำรวจอาณาจักรลับโบราณ ส่วนคนที่ดูแลหม้อศิลาเป็นเพียงแค่ร่างแยกของเขาเท่านั้น”
“ข้าคิดว่าพวกเราควรจะฆ่าลู่เฉินผู้นั้นเสีย ส่วนเซียนคนอื่น ๆ ก็ส่งกลับไปยังโลกเบื้องล่างซะ…” หญิงชราผมเงินกล่าว
ตอนนั้นเอง ก็มีแสงวาบ บัณฑิตวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น
“ประมุขเกาท่านก็มาด้วยเช่นกันหรือ มีเกิดเรื่องขึ้นกับหม้อศิลา…”
ยังไม่ทันที่ประมุขหมินจะพูดจบ ประมุขเกาก็พยักหน้าและกล่าว “ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว บุตรแห่งมังกรที่ตระกูลข้าส่งไปยังโลกเบื้องล่างกลับมาแล้ว เขาแอบหนีออกมา และได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ข้าฟัง ข้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเซียนโลกเบื้องล่างทั้งหมดหรอก”
“หือ?” ทุกคนมองไปที่เขา
ผู้นำตระกูลเกากล่าว “ลู่เฉินฝ่าทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ แต่ตี้ห่าวกลับแอบโจมตีเขา หลังจากถูกทำร้าย เขาก็ผูกใจเจ็บและไม่ยอมเปิดประตูสวรรค์ให้ จึงทำให้เซียนจากโลกเบื้องล่างต้องเปิดประตูสวรรค์โดยพลการ…”
หญิงชราขัดจังหวะ “มดปลวกโลกเบื้องล่างพวกนั้นหาที่ตาย! พวกมันคิดก่อกบฏ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ข้าก็ยังยืนยันให้ฆ่าหัวหน้าและลงโทษผู้ติดตาม! ต้องลงโทษพวกมันอย่างหนัก!”