บทที่ 697: ฉันเห็นหมดแล้ว
เงาดำรัดร่างชายที่กระดูกหักให้ลอยอยู่กลางอากาศ
"ทำ…ไม…"
เด็กผู้หญิงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ช่วยฉัน!ช่วยฉันด้วย!" ชายคนนั้นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อทุกคนเห็นสภาพของชายผู้นั้นต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะถอยหลัง
พวกเขาอยากช่วยก็จริง แต่เงื่อนไขคือต้องไม่ทำให้ตัวเองซวยไปด้วย
แต่ตอนนี้ดูจากสภาพแล้วคนที่มีพลังอาฆาตแรงกล้าตรงหน้านี้กลับเล่นงานชายคนนั้นจนกระดูกหักพวกเขากลัวว่าถ้าออกตัวช่วยอาจจะเป็นตัวเองที่ต้องเจอชะตากรรมเดียวกัน
ชายที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาช่วยใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษแววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและสิ้นหวัง
แต่เด็กผู้หญิงไม่รอให้เขาตอบ
เธอยกมือขึ้นทันทีก่อนที่ลูกบอลพลังงานสีดำขนาดใหญ่จะก่อตัวขึ้น
"มีคนบังคับฉัน!" ชายคนนั้นจ้องมองเด็กผู้หญิงอย่างหวาดกลัวและตะโกนออกมา
"ยังจำป้าลาติฟาได้ไหม? เธอบังคับฉัน! ฉันไม่อยากทำ! เธอเป็นคนสั่งให้ฉันราดน้ำมันพฤกษาปะการังใส่เสื้อผ้าของพวกเธอ! ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เธอควรไปหาต่างหากไม่ใช่ฉัน!"
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นทุกคนในที่นั้นถึงกับสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ความเย็นยะเยือกไหลผ่านเข้ามาในใจของทุกคน
จากที่ได้ยินหมายความว่าหมอนี่เป็นคนลงมือฆ่าลูกของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
….
สังเวียนออกัสต์
ผู้ชมเงียบงันไปชั่วครู่ก่อนที่เปลวเพลิงแห่งโทสะจะลุกโชนในดวงตา พวกเขาตะโกนด่าทอออกมาอย่างบ้าคลั่ง คำหยาบสารพัดจะนึกออกถูกพ่นออกมาไม่หยุด
"ค**เหอะ! ฉันว่าแล้วเชียวว่าหมอนี่ต้องมีอะไรผิดปกติ!"
"สัตว์นรกเอ้ย! แม้แต่ลูกตัวเองยังไม่เว้นเลยงั้นเหรอ?!"
"ขยะ! ไอ้เศษเดน! ทำไมถึงต้องมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยว่ะ?"
"ลาติฟาคือใคร?" มีคนหนึ่งถามพลางหันไปมองผู้ชมที่บอกว่ารู้จักชายคนนั้น
ผู้ชมคนนั้นมีท่าทางโกรธแค้นอย่างมาก "ก็เมียใหม่ของมันน่ะสิ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกมันสองคนจะเลวระยำได้ขนาดนี้!"
…
โรงพยาบาลเฟรดบิต
เฉียวซางถอนหายใจเงียบๆแล้วหันไปมองหมายเลข 98 "น้ำมันพฤกษาปะการังคืออะไรงั้นเหรอ?"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเช่นกัน "มันเป็นของเหลวที่สามารถดึงดูดปลาไหลพิษได้ ตามปกติแล้วสัตว์อสูรป่าจะเข้ามาในบ้านเรือนยากมาก แต่มีสัตว์อสูรบางชนิดที่อาศัยลักษณะเฉพาะตัวในการเข้าออกได้ตามอำเภอใจอย่างปลาไหลพิษ มันสามารถเข้าไปในห้องได้จากทุกที่ที่มีท่อน้ำ"
"ฉันเดาว่าตัวที่ทำให้เด็กผู้หญิงตกลงไปคงเป็นปลาไหลพิษทน"
หญิงสาวฟังคำพูดของคนรอบข้างไปด้วยจึงพอจะรู้ว่าสาเหตุการตายของเด็กผู้หญิงคืออะไร
ใช้สัตว์อสูรในการฆ่าคน…นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว…
เฉียวซางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความคิดที่จะสั่งให้ซุนเป่าพุ่งเข้าไปโจมตี
ผู้คนรอบข้างเริ่มได้สติต่างก็พากันด่าทอชายที่ถูกมัดอยู่
เฉียวซางรู้ดีว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะเก็บสะสมพลังงานอารมณ์ด้านลบแต่จู่ๆเธอก็ไม่อยากให้ซุนเป่าดูดซับพลังงานพวกนี้
เด็กผู้หญิงหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากนั้นชาโดว์บอลในมือก็ถูกขว้างลงไปโดยไม่ลังเล
"ฉันเป็นพ่อของแกนะ!"
ชายคนนั้นมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดเขาทำได้เพียงตะโกนร้องอย่างสิ้นหวัง
"เหี้*! มานึกได้เอาตอนนี้ว่าเป็นพ่อเนี่ยนะ?"
"ไอ้เวรเอ๊ย!"
"พอคิดว่าเมื่อกี้ฉันเกือบจะไปขวางไม่ให้พลังอาฆาตของเธอลงมือฉันแทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด!"
เสียงถ่มน้ำลายดังระงม
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ลูกบอลเงาดำจะกระแทกชายคนนั้นมันหยุดห่างจากเขาเพียง 0.5 เซนติเมตร
จากนั้น…
เกราะโปร่งแสงบางเบาก็ปรากฏขึ้นครอบคลุมร่างของชายคนนั้นไว้
ปัง!
เสียงระเบิดดังสนั่นลูกบอลเงาดำกระแทกเข้ากับร่างของเขาเต็มแรง
แต่เมื่อฝุ่นควันจางลง
ร่างของชายคนนั้น…
กลับยังอยู่ในสภาพเดิม!
ทุกคนราวกับตระหนักถึงอะไรบางอย่างก่อนจะหันไปมองทางเข้าโรงพยาบาล
สิ่งที่เห็นคือเหล่าสัตว์อสูรที่สวมเครื่องแบบตำรวจหลายตัวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏตัวขึ้นที่นั่น
ชายคนนั้นเงยหน้ามองตามสายตาของทุกคนหายใจติดขัดขึ้นอย่างฉับพลันบนใบหน้าฉายชัดถึงความปีติราวกับได้รับชีวิตใหม่
"ช่วยฉัน! ช่วยฉันเร็วเข้า!"
สัตว์อสูรป่าของเขตที่ 1 สามารถสื่อสารได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนหนึ่งจึงหยิบเครื่องกระจายเสียงขึ้นมาแล้วกล่าวว่า
"ภูตสะสมแค้นอย่าทำร้ายมนุษย์ไม่ว่าเรื่องอะไรเราสามารถพูดคุยกันได้"
แต่เด็กผู้หญิงไม่แม้แต่จะชายตามองเธอดวงตาเปล่งประกายสีม่วงก่อนที่คมมีดเงาดำหลายสายจะก่อตัวขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดลงไปยังร่างของชายคนนั้น
ในขณะเดียวกันเกราะโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นครอบคลุมตัวชายคนนั้นอีกครั้ง
คมมีดเงากระแทกใส่เขาเต็มแรงแต่กลับไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย
"นี่มันทักษะอะไร?" เฉียวซางขมวดคิ้ว
"เกราะแสง" หญิงสาวตอบ "เป็นทักษะระดับสูงของประเภทพลังจิต ดูจากที่ภูตสะสมแค้นไม่สามารถทะลวงเกราะแสงนี้ได้แสดงว่าผู้ที่ใช้ก็คงเป็นสัตว์อสูรระดับนายพลนั่นแหละ"
เมื่อได้ยินดังนั้นเฉียวซางจึงเหลือบมองไปยังกลุ่มตำรวจสายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่สัตว์อสูรประเภทแมวตัวหนึ่งที่สวมเครื่องแบบตำรวจ
ขนาดร่างของมันเล็กเพียง 60 เซนติเมตร ทั่วทั้งร่างเป็นสีขาวขณะนี้ดวงตากำลังเปล่งประกายสีน้ำเงิน
เธอเหลือบมองไปที่อุ้งมือของมันและก็เป็นไปตามคาดเห็นกำไลปรับขนาดถูกสวมเอาไว้อยู่
ทักษะนี่ดูแล้วป้องกันได้ดีทีเดียว…
ขณะที่เฉียวซางกำลังครุ่นคิดอยู่ๆสัตว์อสูรแมวตัวนั้นก็หายวับไปจากที่เดิมและไปปรากฏตรงหน้าของเด็กผู้หญิง
พร้อมกันนั้นเองสัตว์อสูรประเภทนกที่สวมเครื่องแบบตำรวจอีกตัวก็บินโฉบลงมาจากท้องฟ้าอย่างว่องไวคว้าตัวชายที่กระดูกหักไป
"เตี้ยนเตี้ยน"
สัตว์อสูรแมวร้องเรียกก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งสูงราวห้าเมตรจึงหยุด
"ทุกคนโปรดออกจากที่นี่โดยเร็ว" เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนกล่าว
ผู้คนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มทยอยถอยเข้าไปในโรงพยาบาล
"เธอไม่ไปเหรอ?" หญิงสาวที่กำลังจะเดินตามฝูงชนเห็นเฉียวซางยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจึงเอ่ยถาม
"ฉันขอดูก่อน" เฉียวซางจ้องไปทางชายที่ถูกพาตัวขึ้นไปบนฟ้า
หญิงสาวเหลือบมองตามสายตาของเฉียวซางคล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงตบบ่าเธอเบาๆแล้วกล่าวว่า
"อย่าสนใจเลยตำรวจมาจัดการแล้ว"
เฉียวซางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ฉันไม่ได้จะยุ่งอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าตำรวจจะจัดการกับหมอนั่นยังไงก็เท่านั้น"
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ขณะนั้นเองเฉียวซางก็นึกขึ้นได้บางอย่างเธอรีบส่งสายตาให้ซุนเป่า "รีบเข้าไปดูดซับพลังงานด้านลบของทุกคนให้หมดอย่าให้ใครชิงตัดหน้าไปก่อนนะ"
"ซุนซุน…"
ซุนเป่ารีบส่ายหัว ที่นี่อันตรายเกินไปมันไม่วางใจ
เฉียวซางรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมาก่อนจะยิ้มออกมา
"ไม่เป็นไรลู่เป่ายังอยู่ข้างหลังฉันอยู่เลย"
"ปิงลู่…"
ลู่เป่าโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าเปล่งเสียงร้องเบาๆ เป็นเชิงรับรองว่ามีมันอยู่ไม่ต้องห่วง
"ซุนซุน…"
ซุนเป่ามุ่ยหน้าไปเล็กน้อยก่อนจะเข้าสู่สภาวะล่องหนแล้วหายตัวไปจากที่เดิม
ในบริเวณที่ยังมีคนยืนอยู่เฉียวซางจึงไม่ได้ดูแปลกแยกนัก
ในขณะเดียวกันภูตสะสมแค้นและสัตว์อสูรแมวระดับนายพลก็เริ่มปะทะกัน
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
หลังจากปะทะกันไปได้สองกระบวนท่า สัตว์อสูรแมวก็ยกอุ้งมือหน้าซ้ายขึ้นแล้วกระแทกลงกับพื้น
แสงสีสันหลายสายพุ่งเข้าใส่เด็กผู้หญิงทันที
แต่เด็กผู้หญิงกลับจ้องมองแสงภาพลวงตานั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
แล้วจู่ๆก่อนที่แสงเหล่านั้นจะกระทบตัวเธอก็ค่อยๆหลับตาลง
จากนั้นร่างของเธอก็ล้มพับลงไปราวกับหมดสติไปในทันที
.....
เฉียวซางกำลังจดจ่ออยู่กับชายคนนั้น
แม้จะอยู่ห่างออกไปไกลแต่ด้วยการได้ยินที่เหนือกว่าคนทั่วไปเธอก็ยังสามารถจับบทสนทนาระหว่างตำรวจกับชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน
"นี่คือศพของลูกสาวคุณหรือเปล่า?"
เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นอย่างชัดแจ๋ว
"เธอตายไปแล้ว! นั่นคือภูตสะสมแค้นไม่ใช่ลูกสาวของฉัน! ขอร้องล่ะคุณต้องกำจัดมันให้ได้!"
"คุณไม่ต้องห่วงพวกเราจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างของลูกสาวคุณได้รับความเสียหายมากที่สุด" ตำรวจกล่าวปลอบโยน
"ฉันบอกแล้วไงว่าลูกสาวฉันตายไปแล้ว!"
ชายคนนั้นขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ "นั่นมันภูตสะสมแค้น!พวกคุณมีหน้าที่แค่โจมตีมันก็พอ!"
ตำรวจดูเหมือนจะคาดไม่ถึงกับคำพูดของเขาจึงเงียบไปชั่วครู่
....
ขณะนั้นเองเฉียวซางก็เพิ่งตระหนักว่าร่างของเด็กผู้หญิงนอนนิ่งอยู่กับพื้นราวกับเป็นศพ
ภูตสะสมแค้นได้ออกจากร่างของเธอแล้ว…
ทันใดนั้นเองเธอก็เข้าใจทุกอย่างทันทีหัวใจรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไรรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่สั่งให้ซุนเป่าควบคุมชายคนนั้นเพื่อให้รอดพ้นจากการโจมตีของภูตสะสมแค้น
"ซุนซุน~"
เสียงของซุนเป่าดังขึ้นข้างๆ
"ดูดซับเสร็จแล้วเหรอ?"เฉียวซางถาม
"ซุนซุน~"
ซุนเป่าพยักหน้า
แต่จู่ๆ มันก็หยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันสายตามามองเจ้านายของมัน
"ซุนซุน…"
ซุนเป่ารู้สึกเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
มันได้กลิ่นของพลังงานด้านลบจากร่างของเจ้านาย…
พลังงานนี้ควรเป็นสิ่งที่มันชอบแต่พอเป็นพลังด้านลบที่มาจากเจ้านายของมันเองซุนเป่ากลับไม่ชอบใจเลยสักนิด
"ซุนซุน~"
ซุนเป่าถูแก้มเข้ากับหน้าของเฉียวซางเบาๆเหมือนกำลังจะพยายามปลอบโยน
"ฉันไม่เป็นไร" เฉียวซางกล่าว
พูดจบเธอก็ก้าวไปข้างหน้าตั้งใจจะไปบอกตำรวจเรื่องของชายคนนั้น
แต่ยังไม่ทันเดินไปได้สองก้าว ร่างของเธอกลับหยุดชะงักกะทันหันทันที
ที่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตรชายคนนั้นดูเหมือนจะคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว
เขานอนแผ่ลงกับพื้นระบายความอัดอั้นกับตำรวจที่อยู่ข้างๆอย่างโล่งใจ
ตำรวจคุยกับเขาสองสามประโยคก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
ตอนนี้ชายคนนั้นกำลังนอนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้การป้องกันตัวเองโดยสิ้นเชิง
และในตอนนั้นเอง…
ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งก็ก้าวเดินเข้ามาจากมุมที่สายตาของเขามองไม่เห็น
ทว่ามันเป็นมุมที่เฉียวซางนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มันเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วงใบหน้าซีดขาวผิดปกติ เขาสวมเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินที่เปื้อนเลือด
"น้องสาวเธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหรือเปล่า?"
ทันใดนั้นตำรวจสองสามนายเดินเข้ามาหาเธอ
เฉียวซางปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะละสายตากลับมา
เธอพยักหน้าเล็กน้อย “ค่ะ ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่ะ”