บทที่ 685: ข้อเรียกร้อง
"ต้องมีพื้นที่กว้างอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยยูเลียนทันมากพอและที่สำคัญที่สุดต้องมีสนามฝึกกลางแจ้งส่วนตัวที่สามารถฝึกทักษะที่มีพลังโจมตีรุนแรงและระยะกว้างได้"
เฉียวซางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริมว่า
"ฉันก็อยากให้ห่างจากบ้านคนอื่นด้วยไม่อย่างนั้นเสียงจากฝั่งฉันคงไปทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนแน่ๆ"
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์หญิงนิ่งไปชั่วขณะหลังจากฟังข้อเรียกร้อง
นี่กำลังหาบ้านเดี่ยวส่วนตัวอยู่ใช่ไหม?
เธอแอบมองสัตว์อสูรที่ดูเหมือนนกขนาดราวหนึ่งเมตรตัวนั้นอย่างแนบเนียนก่อนจะกล่าวอย่างสุภาพว่า
"คุณลูกค้ารับได้ไหมถ้าจะเป็นบ้านที่มีแค่สนามฝึกในร่ม? สนามฝึกในร่มมีระบบเก็บเสียงดีไม่ว่าจะฝึกทักษะอะไรก็ไม่รบกวนเพื่อนบ้านแน่นอน"
แต่สนามฝึกในร่มมีข้อจำกัดเยอะมากไม่เหมือนสนามกลางแจ้งที่สามารถฝึกทักษะที่ทรงพลังได้ทุกประเภท ไม่ต้องพูดถึงหยาเป่าลำพังแค่ลู่เป่าที่มีทักษะเกี่ยวกับสภาพอากาศก็ใช้ฝึกไม่ได้แล้ว เฉียวซางจึงปฏิเสธทันที
เธอส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า
"สนามฝึกกลางแจ้งเป็นสิ่งที่ต้องมีค่ะ"
เมื่อได้ยินดังนั้นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็ยิ้มขอโทษก่อนจะกล่าวว่า
"บ้านที่ตรงตามข้อเรียกร้องของคุณได้ต้องเป็นบ้านเดี่ยวเท่านั้นซึ่งเจ้าของบ้านแบบนี้ไม่ค่อยปล่อยให้เช่าเลยค่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีรายการบ้านแบบที่คุณต้องการอยู่ในมือเลย"
"แต่ฉันมีบ้านแบบทาวน์โฮมสองหลังนะคะนอกจากจะอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยยูเลียนทันไปหน่อยและมีระยะห่างกับเพื่อนบ้านค่อนข้างใกล้แล้วข้อกำหนดอื่นๆ ก็ค่อนข้างตรงกับที่คุณต้องการคุณอยากลองไปดูไหม?"
แค่เสียงตอนที่หยาเป่าฝึกก็คงทำให้เพื่อนบ้านร้องเรียนทุกวันแล้ว…เฉียวซางปฏิเสธทันที
"ไม่เป็นไรค่ะ"
พูดจบเธอก็หันหลังเตรียมเดินออกไป
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์รีบก้าวไปขวางหน้าเธอพร้อมควักมือถือออกมาพูดอย่างร้อนรนว่า
"งั้นคุณทิ้งข้อมูลติดต่อไว้หน่อยได้ไหมคะ? ถ้ามีบ้านที่ตรงกับที่คุณลูกค้าต้องการฉันจะติดต่อไป"
"ได้ค่ะ"
เฉียวซางแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกับเธอเสร็จก็เดินออกจากสำนักงานอสังหาริมทรัพย์
จากนั้นเฉียวซางก็ไปหาตามสำนักงานนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ อีกหลายแห่ง
แม้พนักงานแต่ละที่จะแสดงความกระตือรือร้นดีมากแต่ก็ไม่มีที่ไหนมีบ้านที่ตรงตามข้อเรียกร้องของเธอเลย
สุดท้ายเฉียวซางทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องหาที่พักชั่วคราวที่มีสนามฝึกกลางแจ้งก่อนซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว
เวลา 19:00 น.
โรงแรมเวฟเวอร์ลีย์
ห้อง 3406
เฉียวซางนั่งพิงหัวเตียงพลางใช้มือถือส่งคำขอสมัครขอรับกำไลปรับขนาดอีกครั้ง
"ซุนซุน~"
ซุนเป่าปีนขึ้นไปเกาะกระจกหน้าต่างบานใหญ่ชื่นชมทิวทัศน์ของเขตที่ 1 ที่ถูกปกคลุมด้วยม่านราตรี
ทางด้านกงเป่านั้นกำลังฝึกใช้ทักษะกำแพงเหล็ก
ส่วนลู่เป่าอยู่ในห้องน้ำควบคุมพลังให้ใช้ลมเยือกแข็งแช่แข็งพื้นจากนั้นก็ใช้หางน้ำฟาดพื้นน้ำแข็งจนแตกเป็นชิ้นแล้วทำซ้ำไปมา
หลังจากส่งคำขอเรียบร้อยเฉียวซางก็วางมือถือลง
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอสั่นขึ้นมาเมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายวิดีโอคอลจากแม่
เธอกดรับก่อนจะปรับหน้าจอให้หันเข้าหาตัวเอง
ทันทีที่เชื่อมต่อภาพของแม่ที่มีแก้มแดงจัดอย่างเห็นได้ชัดก็ปรากฏขึ้นดูจากสภาพแล้วคงดื่มหนักไม่น้อย
"ลูกสาวสุดที่รัก~พี่ชายของแม่เขาอยากเห็นหน้าหนูหน่อยมาทักทายพี่เขาก่อนเร็ว!" เย่เซียงถิงพูดพลางยิ้มกว้าง
พูดจบภาพหน้าจอก็เปลี่ยนไป
ปรากฏเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ของคุณลุงหนึ่งที่โผล่เข้ามาใกล้กล้อง
"ซาง! ได้ยินว่าเธอได้โควตาเข้าเรียนที่สถาบันผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งจักรวรรดิจริงรึเปล่า?"
"จริงค่ะ" เฉียวซางตอบพร้อมรอยยิ้ม
"เซียงถิงเลี้ยงฉลองมาตั้งหลายวันแล้วคงไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกหรอก"
จากนั้นมือถือก็ถูกใครบางคนแย่งไปแล้วปรากฏใบหน้าผู้หญิงที่ดูคุ้นๆ เล็กน้อยขึ้นแทน
"ซาง ป้าเป็นภรรยาของลุงหนึ่งจำป้าได้ไหม?"
เฉียวซางกำลังจะพูดแต่จู่ๆ หน้าจอก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
"ซาง! ฉันยังไม่เคยเห็นใบรับรองเข้าศึกษาของสถาบันผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งจักรวรรดิเลยนะ! เธอกลับมาเมื่อไหร่ให้ฉันดูหน่อยสิ! ดูแค่รูปไม่พอหรอกอย่างน้อยขอให้ฉันได้สัมผัสมันหน่อย!"
"พอแล้วๆ เธอต้องอยู่ที่นั่นอีกตั้งครึ่งปีแน่ะ" เย่เซียงถิงดึงมือถือกลับมา
เธอมองลูกสาวบนหน้าจอด้วยรอยยิ้มที่หยุดไม่อยู่
จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้เธอหันไปพูดกับคนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
"พวกเธอกินกันไปก่อนนะฉันขอไปคุยทางนั้นแป๊บนึง"
"ไปเถอะ ไปเถอะ!"
"เดี๋ยวสิ! พวกเรายังไม่ได้ทักทายเฉียวซางเลยนะ!"
"ค่าโทรศัพท์ทางไกลมันแพงมากเลยนะ! เธอจะจ่ายเองเหรอ!?"
ฉากหลังในหน้าจอเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เสียงพูดคุยอึกทึกจากลำโพงก็ค่อยๆ เบาลงเฉียวซางมองออกว่าแม่เดินไปหาที่เงียบๆแล้ว
"แม่ค่ะ ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าช่วงนี้แม่ตั้งโต๊ะฉลองแทบทุกวันเลย?" พอเห็นว่ารอบข้างไม่มีคนแล้วเฉียวซางก็อดบ่นไม่ได้
"ลูกสอบติดสถาบันผู้ฝึกสัตว์อสูรแห่งจักรวรรดิได้นะ ถ้าแม่จะฉลองไปทั้งปีก็ยังไม่นับว่าเกินไปเลย" เย่เซียงถิงหัวเราะ" พอลูกกลับมาแม่ก็ต้องตั้งโต๊ะฉลองอีก"
"ไม่เอาดีกว่ามั้ง..." เฉียวซางรู้สึกต่อต้านนิดหน่อย
"ช่างเถอะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว" เย่เซียงถิงยิ้มพลางพูดขึ้น "วันนี้แม่โอนเงินไปให้ลูกแล้วนะเห็นหรือยัง?"
เฉียวซางนิ่งไปครู่หนึ่ง "โอนเงินให้หนูทำไมกันคะ? ตอนนี้หนูยังมีบัตรใบไม่จำกัดวงเงินอยู่นะ"
เย่เซียงถิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ก็ไม่ใช่ว่าทุกที่ที่ลูกไปจะใช้บัตรเครดิตได้นี่นา ถ้าบัญชีธนาคารของลูกมีเงินอยู่แม่ก็สบายใจขึ้นอีกนิดลูกเอาไปใช้ตามสบายเลยนะ แม่ทำธุรกิจไปได้สวยยังไงก็เลี้ยงลูกไหวถ้าเงินไม่พอก็บอกแม่ได้เสมอ"
ถ้าแม่รู้ว่าแค่ค่าอาหารของหยาเป่าในแต่ละวันต้องใช้เงินเท่าไหร่ละก็...คงไม่พูดแบบนี้แน่...
เฉียวซางถอนหายใจในใจนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกแม่เรื่องที่หยาเป่าพัฒนาแล้วเธออ้าปากเตรียมจะพูด
แต่ใครจะคิดว่าแม่กลับพูดขึ้นมาก่อน
"เอาไว้คุยกันวันหลังนะคุยสายแบบนี้มันเปลืองค่าโทร"
พูดจบก็ตัดสายทันที
เฉียวซาง: "..."
เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าตัวเองมีเงินเยอะทำธุรกิจไปได้สวยแต่กลับเสียดายค่าโทรศัพท์เนี่ยนะ...
เธออดบ่นในใจไม่ได้ขณะเดียวกันก็กดเปิดดูข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน
พอเห็นยอดเงินที่ถูกโอนเข้ามาเฉียวซางก็เงียบไป
หนึ่งล้าน...
พูดตามตรงตอนนี้บัตรที่เธอถืออยู่ยังไม่หมดอายุเงินล้านเดียวก็เป็นแค่ตัวเลขสำหรับเธอไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
แต่พอคิดว่านี่เป็นเงินที่แม่หามาเองมันก็ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป
เฉียวซางรู้สึกจมูกแสบๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกอยู่ดีๆก็รู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมา
เธอปิดกล่องข้อความก่อนจะนั่งขัดสมาธิเริ่มทำสมาธิ
เช้าวันต่อมา
เสียงมือถือสั่นสะเทือนกะทันหันดังไปทั่วห้อง
เฉียวซางที่ยังงัวเงียคลำหามือถืออยู่พักหนึ่งก่อนจะกดรับสาย
"ฮัลโหล?"
"เอ๋? คุณยังนอนอยู่เหรอคะ? งั้นฉันโทรหาคุณทีหลังดีกว่า"
เสียงจากลำโพงเป็นเสียงของผู้หญิงฟังดูคุ้นหูเล็กน้อย
เฉียวซางลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่งพอเห็นชื่อบนหน้าจอก็จำได้ว่าเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์จากสำนักงานแห่งแรกที่เธอไปเมื่อวาน
เธอสะลึมสะลือขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณพูดต่อเลย"
จังหวะนั้นเองแสงสีฟ้าส่องลงมาบนร่างของเธอ
เฉียวซางรู้สึกเหมือนสมองปลอดโปร่งขึ้นมาทันทีอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง
พอแสงสีฟ้าจางลงเฉียวซางหันไปมองด้านข้างด้วยความประหลาดใจ
ตามคาดเธอเห็นลู่เป่าอยู่ตรงนั้น
"ปิงลู่"
เห็นผู้ฝึกสัตว์อสูรของตัวเองตื่นเต็มตาลู่เป่าสะบัดหางหนึ่งครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำที่มีกระจกกั้นแล้วเริ่มฝึกทักษะของตัวเองต่อ
"ฮัลโหล? คุณเฉียวคุณยังฟังอยู่ไหมคะ?"
เสียงจากปลายสายทำให้เฉียวซางกลับมาตั้งสติอีกครั้ง
เธอพูดออกไปด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย
"ช่วยพูดอีกทีได้ไหมคะ?"
"ไม่มีปัญหาค่ะ" ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ตอบ "พอดีฉันเจอบ้านที่ตรงตามที่คุณต้องการพอดีเลยคุณสะดวกมาดูเมื่อไหร่คะ? ฉันจะพาคุณไปชมบ้าน"
เฉียวซางมองดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนจะพูดว่า
"งั้นนัดสิบโมงครึ่งก็แล้วกันค่ะ"
"ได้เลยค่ะ" ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ตอบพร้อมรอยยิ้ม "เดี๋ยวฉันจะส่งพิกัดให้คุณแค่ไปตามที่โลเคชันนี้ก็พอ"
"โอเค"
เฉียวซางวางสายก่อนจะเหลือบมองสีฟ้ารางๆที่เห็นผ่านกระจกจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าห้องน้ำ
แค่เข้าใกล้ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมา
"เมื่อคืนนี้แกไม่นอนเลยใช่ไหม? ฝึกทั้งคืนเลยเหรอ?" เฉียวซางถาม
"ปิงลู่"
ลู่เป่าตอบกลับทั้งที่ยังฝึกเกราะหนามน้ำแข็งอยู่พร้อมส่งเสียงแสดงความหมายว่า มันมีแสงแห่งการรักษาอยู่แล้วไม่ต้องนอนก็ไม่เป็นไร
เฉียวซางเผยสีหน้าอ่อนใจ
เธอรู้ดีว่าทำไมลู่เป่าถึงฝึกหนักขนาดนี้เพราะมันอยากแข็งแกร่งขึ้นไวๆ เพื่อพัฒนาให้ทันหยาเป่า
แต่การพัฒนาของลู่เป่าถือว่ายากที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรทั้งหมดของเธอ ถ้าไม่ใช้แต้มช่วยแล้วต้องพัฒนาไปตามกระบวนการปกติของสายพันธุ์พรายน้ำคราม เธอยังไม่มีเงื่อนงำเลยด้วยซ้ำว่าควรทำยังไง...
ดูท่าว่าลู่เป่าอาจจะต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนาน...
"ซุนซุน~"
ขณะที่เฉียวซางกำลังครุ่นคิดซุนเป่าก็ลอยเข้ามาพร้อมร้องเสียงใสแสดงออกว่ามันก็ไม่ต้องนอนเหมือนกัน
เฉียวซาง: "..."
คนอื่นไม่นอนเพราะฝึก!
แล้วแกล่ะ?!
เฉียวซางเหลือบมองไปที่จอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะที่ยังคงสว่างอยู่ก่อนจะชะงักคำพูดไปแล้วตัดสินใจเลี่ยงมองไปทางอื่นแทน
สองชั่วโมงต่อมา
ที่สนามฝึกกลางแจ้งเฉียวซางเก็บหยาเป่าที่เพิ่งกินเม็ดพลังงานเสร็จเข้าไปในตำราอสูรก่อนจะเปิดแผนที่นำทางและกระโดดขึ้นไปบนหลังกงเป่า
ที่ไม่ได้ขี่หยาเป่าไปก็เพราะว่าเธอไม่อยากให้มันไปปรากฏตัวต่อหน้าตัวแทนอสังหาริมทรัพย์กลัวว่าถ้าคนอื่นเห็นแล้วเกิดเปลี่ยนใจขึ้นราคาค่าเช่ากระทันหันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก
ถึงเธอจะมีบัตรวงเงินไม่จำกัดแต่ก็ไม่ได้อยากเป็นเป้าหมายให้โดนโก่งราคา
กลางอากาศกงเป่าบินด้วยความมั่นคง
"ฉันตัวหนักไหม?" เฉียวซางถาม
เอาตามจริงแล้วตอนนี้ตัวกงเป่ายังสูงไม่เท่าเธอเลยแต่พลังของสัตว์อสูรกับมนุษย์มันต่างกันอยู่แล้วสัตว์อสูรประเภทบินที่มีขนาดแค่เมตรกว่าๆ ก็สามารถบรรทุกคนบินได้สบาย
"กงเว่ย"
กงเป่าส่งเสียงตอบว่าไม่หนัก
เฉียวซางได้ยินก็ดีใจนั่นแปลว่าพลังของกงเป่าก็แข็งแกร่งดีอยู่
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกงเป่าก็บินมาถึงหน้าคฤหาสน์ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง
ผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับต้นหลิวถูกปลูกเป็นแนวเรียงรายริมทะเลสาบบรรยากาศดูร่มรื่นสบายตา
สัตว์อสูรขนาดกลางถึงใหญ่หลายตัวกำลังแบกเจ้าของของพวกมันเดินไปมาบนถนนรอบๆ คฤหาสน์
"ทางนี้ค่ะ!"
จากที่ไกลๆ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์หญิงผิวดำโบกมือเรียก
เฉียวซางเดินเข้าไปหาก่อนจะสังเกตเห็นว่าข้างๆเธอยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่สวมเดรสยาวสีเขียวอ่อนท่าทางน่าจะอายุราวยี่สิบต้นๆ ผมสีน้ำตาล
"ขอแนะนำให้รู้จักค่ะ ท่านนี้คือคุณมิเวอร์นาคฤหาสน์หลังนี้เป็นของพ่อแม่เธอแต่เธอเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด"ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ยิ้มแนะนำ
"สวัสดีค่ะ" มิเวอร์นายื่นมือออกมา
"ฉันชื่อเฉียวซางค่ะ"
เฉียวซางจับมือเธอเบาๆ
มิเวอร์นาเหลือบมองเหยี่ยวเกราะพิทักษ์ที่อยู่ข้างๆอย่างแนบเนียนก่อนจะถามขึ้น
"คุณตั้งใจจะเช่านานแค่ไหน?"
"หกเดือนค่ะ" เฉียวซางตอบ
"โอเคค่ะตามฉันมาเลย" มิเวอร์นายิ้มขณะเดินนำทางไป "คฤหาสน์หลังนี้พ่อแม่ฉันซื้อไว้เมื่อห้าปีก่อนตอนนั้นพวกเขาซื้อบ้านที่นี่ก็เพราะอยากให้ฉันได้สัมผัสบรรยากาศของมหาวิทยาลัยยูเลียนทันคิดว่าถ้าได้อยู่ใกล้ๆ อาจจะมีโอกาสรู้จักกับคนจากมหาวิทยาลัยพอถึงเวลาก็อาจจะสอบเข้าไปเรียนได้"
"แต่สุดท้ายก็สอบไม่ติดบ้านหลังนี้เลยปล่อยร้างอยู่แบบนี้มาตลอด"