ตอนที่แล้วบทที่ 220 แต่ตอนนี้ ฉันมีแฟนแล้ว...
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 222 วิธีการของคนเจ้าชู้ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ

บทที่ 221 คืนนี้ฉันไม่อยากกลับบ้าน


สิบห้านาทีต่อมา การทะเลาะของสามีภรรยาค่อยๆ สงบลง ด้วยวัยกลางคนแล้ว พละกำลังคงไม่เหมือนคนหนุ่มสาวที่ทะเลาะกันได้ทั้งวัน

แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครพูดกับใคร คนหนึ่งนั่งเงียบอยู่ในห้องนอน อีกคนอ่านข่าวอยู่ในห้องทำงานเพื่อสงบสติอารมณ์

มีเพียงป้าแม่บ้านที่กำลังนั่งยองๆ กวาดเศษแก้วที่แตกอย่างระมัดระวัง เสียง "ซู่ซู่ซู่" ก้องไปทั่วบ้าน ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในหนังสยองขวัญ

ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง "ปัง" ดังมาจากประตูกันขโมย เหมือนมีคนเดินออกไปข้างนอก

ซ่งจั้วหมินและเลี่ยวมั่นต่างขมวดคิ้วพร้อมกัน: เขา(เธอ)ออกไปทำไม?

ด้วยนิสัยชอบผัดผ่อน ซ่งจั้วหมินอ่านข่าวต่ออีกหนึ่งบทความ ส่วนเลี่ยวมั่นก็นั่งเหม่ออยู่บนเตียง สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงคนรัก ทั้งคู่จึงเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกันเพื่อสอบถามสถานการณ์

ผลคือพวกเขาเจอกันที่ระเบียงทางเดิน

ซ่งจั้วหมินมองเลี่ยวมั่น เลี่ยวมั่นมองซ่งจั้วหมิน ต่างคนต่างงุนงง จนในที่สุดซ่งจั้วหมินก็เอ่ยถามขึ้น "ไม่ใช่คุณที่ออกไปเหรอ?"

"ฉันจะออกไปทำไม!" เลี่ยวมั่นตอบอย่างหงุดหงิด

"ป้าแม่บ้านก็อยู่ที่บ้าน แล้วใครกันที่ออกไป..."

ทั้งคู่นึกขึ้นได้พร้อมกัน รีบวิ่งไปที่ห้องนอนของซ่งซือเหวย

เมื่อเปิดลูกบิดประตู บนเตียงมีชุดนอนที่เปลี่ยนออก บนโต๊ะมีหนังสือที่วางคว่ำอยู่ แต่ไม่เห็นตัวคน

เลี่ยวมั่นรีบโทรหาซ่งซือเหวยทันที ซ่งจั้วหมินยืนฟังอยู่ข้างๆ ทั้งคู่ต่างรู้สึกใจหายวาบ

ซ่งซือเหวยแทบไม่เคยออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าว

"ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด..."

โทรศัพท์กำลังดังอยู่ ซ่งจั้วหมินเหลือบมองลงมาโดยบังเอิญ จู่ๆ ก็เห็นรอยช้ำบนหลังมือของภรรยา

ลุงซ่งไม่ใช่คนทำ นี่เป็นรอยที่เลี่ยวมั่นบังเอิญทำร้ายตัวเองตอนที่โมโหขว้างข้าวของเมื่อครู่

แม้จะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเห็นหลังมือที่เคยขาวผ่องค่อยๆ บวมแดงขึ้นมา ซ่งจั้วหมินก็รู้สึกไม่สบายใจ

ผ่านไปสักพัก ซ่งซือเหวยก็รับสาย "แม่คะ"

เลี่ยวมั่นถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ขมวดคิ้วอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงเจือความตำหนิ "หนูออกไปทำไม?"

ทางฝั่งซ่งซือเหวยค่อนข้างวุ่นวาย ได้ยินเสียงรถวิ่งไปมาคล้ายกำลังยืนอยู่ริมถนน เธอตอบอย่างสงบ "หนูไปหาเฉินเจ๋อค่ะ"

"หนูไปหาเขาทำไม!" คิ้วเรียวบางของเลี่ยวมั่นขมวดแน่นขึ้น

แต่เมื่อซ่งจั้วหมินได้ยินว่าลูกสาวอยู่กับเฉินเจ๋อ เขาก็ถอนหายใจเบาๆ

การไปหาเฉินเจ๋อมันแปลกตรงไหน? พวกเขาเป็นแฟนกันนี่นา!

พวกเราทะเลาะกันที่บ้าน ลูกสาวต้องรู้สึกอึดอัดแน่ๆ การไปหาแฟนคุยให้สบายใจมันไม่ปกติตรงไหน?

"ไม่ได้ กลับมาเดี๋ยวนี้!" เลี่ยวมั่นไม่ยอม เธอไม่อยากให้ลูกสาวติดต่อกับเฉินเจ๋อต่อไปเลย

"หนูอยู่ไหน? แม่จะไปรับ!"

"ไม่กลับเหรอ? หนูขึ้นรถไปแล้วใช่ไหม?"

"ซ่งซือเหวย แม่บอกนะ ถ้าหนูไม่กลับ แม่จะแจ้งตำรวจ..."

เลี่ยวมั่นกำลังข่มขู่อยู่ แต่โทรศัพท์กลับถูกวางสายไปเสียอย่างนั้น

เสียงในโทรศัพท์หยุดกะทันหัน เหมือนถูกดึงจากโลกไปอยู่ดวงจันทร์ ทุกเสียงเงียบหายไปในพริบตา

"เหวยเหวยวางสายแม่?!" เลี่ยวมั่นเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ ตั้งแต่ลูกสาวเกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้

ซ่งจั้วหมินไม่รู้สึกแปลกใจเลย ลองดูสิว่าคุณพูดอะไรออกไป ถ้าเป็นผมก็คงวางสายเหมือนกัน

เลี่ยวมั่นดูจะไม่พอใจมาก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีกครั้ง

คราวนี้ซ่งซือเหวยไม่ได้วางสาย แต่ก็ไม่รับ ปล่อยให้เสียงเพลงรอสายดังอยู่สามสิบกว่าวินาที ก่อนที่สายจะตัดไปเอง

เลี่ยวมั่นไม่ยอมแพ้ โทรไปอีกครั้ง และก็ได้ยินเสียงรอสายอีกสามสิบกว่าวินาทีเช่นเดิม

...

เป็นแบบนี้ห้าหกครั้ง จนเลี่ยวมั่นกดเบอร์ "110" บนหน้าจอโทรศัพท์อย่างกะทันหัน แต่ถูกซ่งจั้วหมินที่ตาไวกว่าห้ามไว้ได้ทัน

"คุณจะทำอะไร?" ซ่งจั้วหมินตกใจ

"จะแจ้งตำรวจว่ามีคนลักพาตัวลูกสาว!" เลี่ยวมั่นก็ไม่ได้ตั้งใจจะกดโทรออกจริงๆ หรอก เธอแค่โมโหเท่านั้น

"อย่าทำเรื่องเหลวไหล!" ซ่งจั้วหมินเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อีกครั้ง เขาเตือนอย่างจริงจัง "ถ้าเขารู้ว่าเหวยเหวยแค่ไปเดทกับเฉินเจ๋อในฐานะแฟนกัน นั่นก็เท่ากับคุณสิ้นเปลืองทรัพยากรของสังคม แถมยังไม่คิดถึงความรู้สึกและหน้าตาของลูกสาวเลย"

"แล้วจะปล่อยให้พวกเขาออกไปตามลำพังแบบนี้เหรอ?" เลี่ยวมั่นย้อนถาม

ซ่งจั้วหมินคิดว่ามันช่างแปลกจริงๆ โดยปกติแล้วมักจะเป็นพ่อที่กังวลว่าลูกสาวจะเสียเปรียบเมื่ออยู่ข้างนอก แต่หลังจากที่เขาได้เจอครอบครัวของเฉินเจ๋อแล้ว จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างวางใจในตัวเฉินเจ๋อ แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของภรรยา และรู้จักนิสัยของเธอดี จึงได้แต่พูดปลอบด้วยความใจเย็น "เหวยเหวยโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอมีความรู้สึกและการเลือกของตัวเอง เราไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงทุกเรื่องได้ แบบนั้นมีแต่จะได้ผลตรงข้าม..."

"แต่ว่า!" เลี่ยวมั่นกำลังจะแย้ง

ทันใดนั้น ซ่งจั้วหมินก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาในใจ เขารู้สึกว่าไม่สามารถสื่อสารกับภรรยาได้ตามปกติอีกต่อไป

ซ่งจั้วหมินจึงโบกมือพูดว่า "ตอนนี้ถึงจะให้เหวยเหวยกลับมา ผมก็ไม่เห็นด้วย กลางวันแสกๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้? ผมมีเบอร์ติดต่อของเฉินเจ๋อ เดี๋ยวค่อยบอกให้พวกเขากลับบ้านเร็วๆ ก็พอ"

เลี่ยวมั่นชั่งใจอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมตกลง ไม่ใช่เพราะคำพูดของสามี แต่เพราะเธอรู้ว่าโอกาสที่จะเรียกลูกสาวกลับมาได้นั้นน้อยมาก

"ต้องกลับมาก่อนฟ้ามืด!"

นี่คือขอบเขตที่เลี่ยวมั่นยอมผ่อนปรนให้มากที่สุดแล้ว และเธอยังเพิ่มประโยคหนึ่งว่า "ทุกชั่วโมงต้องส่งข้อความมารายงานด้วย!"

ซ่งจั้วหมินส่ายหน้า เขาสามารถบัญชาการอยู่ภายนอกได้อย่างเด็ดขาด แต่กลับมีความรู้สึกไร้พลังเมื่ออยู่ที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ระงับเหตุการณ์ได้ชั่วคราว แม่บ้านก็เก็บกวาดเศษแก้วในห้องทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เธอถือถุงขยะเดินผ่านข้างๆ ซ่งจั้วหมิน ถามอย่างสุภาพและมีมารยาท "คุณซ่ง คืนนี้ทานข้าวที่บ้านไหมคะ จะได้เตรียมกับข้าวไว้"

โอกาสที่ซ่งจั้วหมินจะทานข้าวที่บ้านในหนึ่งสัปดาห์นั้นน้อยมาก โดยเฉพาะในวันที่ทะเลาะกับภรรยา ปกติก็จะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากบ้านไปเลย

แม้แต่เลี่ยวมั่นก็เตรียมใจไว้แล้วว่าสามีจะไม่อยู่ทานข้าวที่บ้าน เธอหมุนตัวเดินกลับห้องนอนไป

แต่ซ่งจั้วหมินมองเห็นรอยช้ำที่หลังมือของภรรยาชัดเจน ในใจลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า "คืนนี้ผมทานที่บ้าน"

ศาสตราจารย์เลี่ยวที่กำลังเดินอยู่ในระเบียง ชะงักฝีเท้าเบาๆ

......

บนรถแท็กซี่ที่ถนนเค่อหยุน เฉินเจ๋อและซ่งซือเหวยนั่งอยู่เบาะหลัง

เฉินเจ๋อเห็นข้อความตอนบ่าย จึงรีบเรียกแท็กซี่มารับซ่งซือเหวย ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปสอบที่กรมการขนส่ง

ซ่งซือเหวยดูเหมือนไม่อยากพูดคุย หรือพูดอีกอย่างคือเธอก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างไร จึงนั่งเงียบๆ อยู่ข้างหน้าต่าง ปล่อยให้สายลมเย็นพัดผมยาวสยาย

บางครั้งก็รับโทรศัพท์สาย หลังจากนั้นถ้ามีเสียงโทรศัพท์อีก เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน

"ศาสตราจารย์เลี่ยวเหรอ?" เฉินเจ๋อถามอยู่ข้างๆ

ซ่งซือเหวยพยักหน้าเชยคางกลมมน

เฉินเจ๋อเม้มปาก ไม่รับโทรศัพท์แบบนี้ ศาสตราจารย์เลี่ยวคงกังวลมากแน่ๆ

เฉินเจ๋อเคยพบกับศาสตราจารย์เลี่ยวมาก่อน ทั้งสวยและมีกลิ่นอายของนักวิชาการ แต่รอยย่นตื้นๆ ระหว่างคิ้วนั้น ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนที่มีบุคลิกขี้กังวล

เพราะความกังวล จึงต้องควบคุมคำพูดและการกระทำของลูก

หากวันใดที่ลูกหลุดพ้นจากการควบคุม พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ดีใจที่ลูกโตแล้ว แต่จะจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งความกังวลจนไม่สามารถถอนตัวขึ้นมาได้

นอกเสียจากว่าพ่อแม่เหล่านี้จะตระหนักได้ทันทีว่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ลูกก็จะไม่มีวันห่างไกลจากพวกเขา บางทีถึงจะสามารถก้าวข้ามความกังวลนี้ไปได้

ดังนั้น ศาสตราจารย์เลี่ยวจึงเพียงแค่ควบคุมภายนอกเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจลูกสาวของตัวเองเลย

พี่สวีท เธอกำลังอยู่ในช่วงปลายวัยสาวที่ดื้อรั้นอยู่นะ!

"ติ๊ง~"

ขณะที่เฉินเจ๋อกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีข้อความเข้ามา เป็นข้อความจากซ่งจั้วหมิน

ซ่งจั้วหมิน: เฉินเจ๋อ หนูชอบทานอะไร? เดี๋ยวตอนเย็นลุงจะให้ป้าทำให้ พวกหนูกลับมาทานข้าวที่บ้านนะ

เฉินเจ๋อช้อนตามองแวบเดียวก็เข้าใจ ลุงซ่งไม่ได้เชิญเขาไปทานข้าวเป็นพิเศษ แต่เป็นการเตือนประเด็น "กลับบ้านมาทานข้าว"

เฉินเจ๋อยื่นโทรศัพท์ให้ซ่งซือเหวยดู แกว่งๆ พลางพูดว่า "เดี๋ยวสอบเสร็จแล้วเรากลับกันนะ"

เฉินเจ๋อตั้งใจว่าจะพาซ่งซือเหวยเดินเล่นสักหน่อย ให้เธออารมณ์ดีขึ้น

ซ่งซือเหวยอ่านข้อความจบ ไม่พูดอะไรแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง มองเมฆลอย แม่น้ำ นกบิน... ทิวทัศน์เหล่านี้ผ่านสายตาเธอไปทีละนิด

ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เธอก็สอดผมข้างแก้มไว้หลังหู พูดกับเฉินเจ๋อว่า "คืนนี้ฉันไม่อยากกลับ"

"อะไรนะ?" หัวใจของเฉินเจ๋อกระตุกวูบ สบตากับดวงตาเย็นชาและดูสับสนเล็กน้อยของซ่งซือเหวย

เขาตัดสินใจถามให้ชัดเจน ไม่อยากไปถึงโรงแรมแล้วโดนไล่ออกมา

"เธอพกบัตรประชาชนมาไหม? ฉันพกมาเพื่อสอบ" เฉินเจ๋อถาม

"พกบัตรประชาชน?" ซ่งซือเหวยงงเล็กน้อย แต่ก็รู้ทันความหมายของเฉินเจ๋อ มุมปากกระตุก ราวกับส่งเสียง "ฮึ" เบาๆ

"คืนนี้ ฉันแค่ไม่อยากกลับบ้านเร็วเท่านั้นแหละ!" ซ่งซือเหวยแก้ไขคำพูดเมื่อครู่

"อ่า... ฮ่าๆ... งั้นเหรอ..." เฉินเจ๋อถอนหายใจอย่างเสียดายปนโล่งใจ ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้เลย แล้วก็ถอนหายใจอย่างงงๆ อีกที จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมตัวหรอก

…..

(จบบท)

แล้วเอ็งจะเตรียมตัวอะไร เอ็งมีแฟนแล้ววว!! กำหมัดด5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด