ตอนที่ 38 กับดักพิฆาต ร่างแยกขั้นก่อแกน
เฮยหวง (หมาดำเฒ่า) เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเริ่มได้ผล จึงรุกเร้าต่อไป
“สวี่เฮยเอ๋ย สวี่เฮย… เจ้ามันปล่อยให้พวกมันเผาหมูที่เจ้าเลี้ยง เผาแพะป่าของเจ้า เผาภูเขาของเจ้า เผาสัตว์ปีกของเจ้า! เจ้าไม่แค้นหรือไง? ไม่อยากแก้แค้นจริง ๆ หรือ?”
“หรือเจ้ายังจะยอมเป็นหมาขี้แพ้ไร้บ้านไปชั่วชีวิต?”
หมาดำเฒ่าใส่ไฟไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งคึกคะนอง
สวี่เฮยหันมาจ้องอย่างเยียบเย็น “หมาคือเจ้ามิใช่หรือ”
“เออ ก็ยังงั้นแหละ เอาเป็นว่าถามจริง ๆ เจ้าจะล้างแค้นไหม?”
เฮยหวงก็ยังตื๊อ
สวี่เฮยนิ่งคิดนิดหนึ่ง “เจ้าบอกว่ามีโอกาสสำเร็จห้าส่วนมันน้อยไปนะ”
“ข้าบอกนั้นคือโอกาสที่ข้าลุยคนเดียวห้าส่วน ถ้าเจ้าร่วมด้วยก็เพิ่มขึ้นอีกสิ”
เฮยหวงพูดพลางยิ้มเยาะ
สวี่เฮยนิ่งไปสักพัก ก่อนหยิบ “เกล็ดดำทอง” อันหนึ่งวางลงบนพื้น
“ถ้ารวม ‘ของนี้’ เข้าไปด้วย เจ้าคิดว่าจะเพิ่มโอกาสอีกเท่าไร?”
นี่คือเกล็ดดำทองบริเวณหางของสวี่เฮยที่เขาเคยถอดเก็บไว้ในถุงเก็บของ เขาพบว่าเกล็ดที่เพิ่งดึงออกใหม่ ๆ จะคงความคมและพลังไว้ได้ระยะหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่าน มันจะเสื่อมลงเหลือเพียงกึ่งหนึ่ง
กระนั้นต่อให้เหลือครึ่งหนึ่ง ก็ยังถือเป็นอาวุธธรรมชาติที่แหลมคม ไม่ธรรมดา เกล็ดอันนี้เพิ่งดึงออกเมื่อวาน ยังคมเกินครึ่งดี
เฮยหวงหยิบมาลองขูดอุ้งเท้าตัวเอง รอยเลือดผุดขึ้นจนเขาตาเป็นประกาย
“เจ๋ง! ถ้าเพิ่มอาวุธนี้ โอกาสสำเร็จน่าจะเจ็ดส่วน เอ้อ แปดส่วนเลย!”
เฮยหวงดีใจ
“ตกลง ข้าจะคอยร่วมมือช่วยสร้างโอกาสเพิ่ม หรือเติมเชื้อไฟตามสถานการณ์” สวี่เฮยว่า
“งั้นก็เกินเก้าส่วนแล้วสิ!”
เฮยหวงหัวเราะอย่างพอใจ
ณ หุบหมื่นงู
“เสวียนหยางจื่อ” มาถึงแล้ว ใช้ญาณกวาดตรวจทั่วหุบเขา ความตื่นเต้นฉายชัดในสายตา
“สิบคะแนน! ไม่สิ เกินสิบด้วยซ้ำ นี่มันดินแดนเพาะงูชัด ๆ!”
“ทุกฤดูใบไม้ผลิ เหล่างูนับแสนจะหลั่งไหลมาที่นี่… จะแจ่มไปไหน!”
เขาดีใจอย่างออกนอกหน้า
ตรวจซ้ำ ๆ บันทึกข้อมูลในหยกบันทึกพร้อมให้คะแนนเต็ม
“ได้เวลา ส่งหยกนี่กลับไปรายงานให้ตัวจริงทราบเสียที”
ชายกลางคนยิ้ม
แล้วทันใดนั้น เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ตวัดตาไปยังพื้นที่ด้านหลัง
“เหอะ ยังมีใครสักคนแอบตาม? คิดว่าข้าจะไม่รู้หรอกหรือ!”
เพียงพริบตา ร่างเขาหายวับไปปรากฏบนยอดเขาลูกหนึ่ง
ตรงนั้นดูไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ว่า…มีรูปแบบอาคมครึ่งหนึ่งถูกวาดไว้บนพื้น ดูท่าคล้าย “ค่ายกล” แต่ยังทำไม่เสร็จ
“พวกไม่ยอมเผยตัว!”
เสวียนหยางจื่อกระแทกเท้าลงพื้น
“ตุ้ม!!”
เสียงร้อง “โอ๊ย!!” ดังก้องจากใต้เขา ตามด้วยหินระเบิด เผยให้เห็นร่าง “หมาดำ” ตัวหนึ่งกระเด็นขึ้นมา ก่อนลงแผ่หลาบนพื้น
“ฮึ แค่หมาตัวหนึ่งหรือนี่? นายของเจ้าหายไปไหนแล้ว?”
เขาชูมือร่ายแรงดึง หมาดำลอยคว้างกลางอากาศ
หมาดำเพียงแสยะยิ้มปริศนา
“ปัง!!”
จู่ ๆ ร่างหมาดำนั้นก็ระเบิดเป็นเนื้อเละกระจาย
“ภาพลวงหรือ?”
เสวียนหยางจื่อขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่านี่อาจเป็นภาพมายา (幻阵) หรือค่ายกลลวง
เขาลองตรวจญาณ พบว่าถูกขัดขวางเสียแล้ว เกือบตัดสินว่าทั้งหมดคือการล่อหลอก
“ถือว่ายังดีที่ข้ารู้ละว่าอาจมีศัตรูแกร่งซ่อนตัวอยู่ งั้นภารกิจเสร็จแล้ว ข้าส่งข้อมูลไปให้ตัวจริงก่อนแล้วกัน…” คิดได้ก็รีบขว้างหยกบันทึกขึ้นฟ้า ให้ลอยพุ่งออกไปไกลที่สุด
(ภารกิจของร่างแยกนี้เป็นแค่การเก็บข้อมูล ถ้าตายก็ไม่สำคัญ ขอแค่ข้อมูลบินกลับถึงมือ “ตัวจริง” ก็พอ)
“พวกมันฉลาดใช้ค่ายกลลวงอย่างเนียน… แสดงว่าพลังไม่ธรรมดาทีเดียว”
ขณะเขากำลังจะเอ่ย พลันมีเสียงเยียบเย็นดังใกล้หู
“เจ้าคิดว่าตัวเองเห็นแค่ภาพลวงอย่างงั้นรึ?”
หมาดำเมื่อครู่ที่ระเบิดเป็นเศษเนื้อ กลับรวมตัวเป็นตัวอีกครั้ง แถมในอุ้งเท้ามี “เกล็ดดำทอง” ด้วย
“ฉวับ!”
วูบเดียวคมเกล็ดพาดผ่าน คอของเสวียนหยางจื่อพลันขาดกระเด็น! แววตาเขายังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“มันระเบิดร่างจริง ๆ ไม่ใช่ภาพลวงสินะ!”
เฮยหวง (หมาดำ) แย้มยิ้มสมใจ
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างไร้ศีรษะของเสวียนหยางจื่อกลับกระตุกมือคว้าคอหมาดำอย่างรวดเร็ว
“อั่ก!”
เฮยหวงลอยคอถูกบีบ ยกขึ้นในอากาศดื้อ ๆ
ลำตัวไร้หัว ส่วนหัวกลิ้งอยู่บนพื้น… กลับยิ้มเยาะ
“ข้าเป็นเพียง ‘ร่างไม้’ หัวหลุดไม่ทำให้ตายดอก… กลยุทธ์ของเจ้า ข้าให้แค่หกคะแนน พอผ่าน”
ที่รอยคอไม่มีเลือด มีแต่เนื้อไม้ล้วน ๆ
เฮยหวงหน้าเสีย ลิ้นจุกปาก
“ฉวับ! ฉวับ! ฉวับ!”
ทันใดนั้น เกล็ดดำทองอีกหลายชิ้นที่ซ่อนอยู่ก็พุ่งเข้ามา ตัดหัวร่างแยกเป็นสองซีก ตัดแขนขาเป็นเสี่ยง ๆ จนร่างไม้แหลกยับ จากนั้น…
“ไฟบอล!”
สวี่เฮยปรากฏตัว เป่าปากพ่นไฟลงใส่เศษไม้ เผาเสียงดังสวบ มีเสียงกรีดร้องเหมือนเศษวิญญาณโดนเผา
ไฟผลาญอยู่นาน พลังวิญญาณหรือจิตใด ๆ ในร่างแยกก็ถูกเผาจนดับสนิท เหลือแต่ขี้เถ้า
เฮยหวงร่วงตูมลงพื้น หอบหนักใบหน้าซีดเผือด พึมพำฉุนเฉียว
“ข้าประเมินพลาดเล็กน้อย… นี่เป็น ‘ร่างไม้’ เกรดสูง ราคาไม่ถูกแน่ เอามาใช้สแกนพื้นที่นี่… ฟุ่มเฟือยจริง!”
สวี่เฮยไม่สนใจฟังต่อ พ่นไฟซ้ำรอบสองจนเศษไม้ไหม้เกลี้ยง
“หยุดเถอะ มันตายแล้ว!”
เฮยหวงเอ็ด
สวี่เฮยจึงหยุดการเผา แล้วกลืนเกล็ดดำทองหลายชิ้นกลับเข้าร่าง หันไปพูดกับเฮยหวง
“นี่หรือนะ ที่เจ้าบอกว่า ‘โอกาสแปดส่วน’? ทำไมมันดูไม่ค่อยเก่งเท่าไร?”
เฮยหวงบ่นเถียง
“ก็เพราะข้าใช้ค่ายกลตัดญาณสิ ไม่งั้นเจ้าจะแอบลอบกัดง่ายหรือ? อีกอย่างข้าทำให้หยกบันทึกมันไม่ทันออกไปแล้วไง”
“ถ้าเจ้าไม่มา ข้าก็จัดการได้สบาย ๆ!”
มันยังคงเกทับ
สวี่เฮยเลิกเถียง หันมองบนท้องฟ้า
ปรากฏว่าหยกบันทึกที่อีกฝ่ายขว้างไปเมื่อกี้ เหมือนชนกำแพงล่องหนบางอย่าง ไม่ได้พ้นไปไกล เฮยหวงทำมือเรียกมันกลับ
ข้างในหยกนั้นมีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับพื้นที่และเหตุการณ์ทั้งหมด หากโดนส่งถึง “ตัวจริง” จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
สวี่เฮยอ่านข้อมูลจนจบ ก็เผาทิ้งเป็นเถ้า
“เท่านี้เรียกว่าปลอดภัยแล้วใช่ไหม?”
สวี่เฮยยังกังวล
“ไม่ทั้งหมดหรอก สวี่เฮย ต่อให้ข้อมูลไม่ถูกส่งไป ‘ตัวจริง’ ก็คงสัมผัสได้ว่าร่างแยกตายตรงนี้ … อาจจะมาด้วยตัวเองแน่นอน”
เฮยหวงตอบ
ไม่ทันขาดคำ สวี่เฮยก็หายวับไป ไม่เหลือแม้แต่เงา
“…โอ้ย!”
เฮยหวงยืนงงเป็นไก่ตาแตก