บทที่ 673: คำเตือน
สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการก็คือลาวาเพลิงปีศาจ ถ้ามาที่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว… เฉียวซางคิดพลางถามออกไปด้วยท่าทีเรียบเฉย
“หลังจากทำสำเร็จแล้ว พวกเราจะไปเจอกันที่ไหน?”
ชายผิวดำวัยกลางคนยิ้มแล้วตอบว่า
“สระน้ำเฮย์ทัวก็แล้วกัน ถ้าถึงพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าแล้วเธอยังไม่เห็นฉันล่ะก็แปลว่าฉันล้มเหลวแล้ว”
เฉียวซางพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
เธอรู้จักสระน้ำเฮย์ทัวดี มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเขตที่ 19 อยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟโคเทีย ตอนที่เธอเข้าพักในโรงแรมโซตา พนักงานยังเคยแนะนำที่นี่ให้ด้วยซ้ำ
เด็กนี่พูดง่ายแฮะ… ชายผิวดำวัยกลางคนพึงพอใจและเดินจากไป
เขาเดินไปหาชายผิวขาววัยกลางคนที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความภูมิใจเล็กน้อย
“ตกลงไปหนึ่งคนแล้ว”
ชายผิวขาวที่ก่อนหน้านี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ตอนนี้กลับเงียบลง “แค่เด็กตัวเล็กๆ จะช่วยอะไรได้?”
“นี่นายไม่เข้าใจอะไรเลย” ชายผิวดำตอบกลับ “เด็กคนนั้นถึงจะอุ้มสัตว์อสูรเอาไว้ แต่สัตว์อสูรตัวนั้นฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ นี่ต้องเป็นสายพันธุ์หายากชัวร์ แถมที่กรงเล็บมันยังมีกำไลปรับขนาดติดอยู่ด้วย”
“ดูยังไงก็ต้องมีที่มาไม่ธรรมดา บางทีอาจช่วยถ่วงพวกเจ้าหน้าที่ทางการไว้ได้บ้าง”
ชายผิวขาวมองไปยังสัตว์อสูรที่มีขนสีขาวเป็นหลักซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
“ถ้าหากที่มามันไม่ธรรมดาจริงๆ ทำไมถึงต้องมาหาลาวาเพลิงปีศาจด้วยตัวเองล่ะ?”
“พวกตระกูลผู้ฝึกสัตว์อสูรบางตระกูลก็เป็นแบบนี้แหละ” ชายผิวดำโบกมือไปมา “บ้านให้มาก็ไม่เอา อยากจะอ้างว่า อยากได้ด้วยตัวเองอะไรทำนองนั้น”
เขาพูดเสริม “แต่เอาเถอะ ถ้าถ่วงพวกมันไว้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยฉันก็คิดว่า มีเพิ่มมาอีกคนก็นับว่าเป็นกำไรอยู่ดี ยังไงสุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเองอยู่แล้ว”
ขณะที่พูดกันอยู่ทันใดนั้นเองเสียง "เตียวเตียว" ก็ดังขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า
ชายผิวดำหันไปมองร่างหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปแปดเมตร สายตาเขาสว่างวาบขึ้นมาทันที “ไม่คุยกับนายแล้วล่ะ มีผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มีสัตว์อสูรประเภทผีโผล่มาอีกคนแล้ว”
ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รีบเดินตรงไปยังร่างนั้นอย่างกระตือรือร้น
การที่ภูเขาไฟปะทุและปรากฏลาวาเพลิงปีศาจในตอนกลางคืนไม่ใช่ความลับอะไร ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มีสัตว์อสูรประเภทผีซึ่งมักจะไม่ได้พบเจอได้ง่ายๆ กลับมารวมตัวและปรากฏตัวที่นี่กันเต็มไปหมด โดยส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่หวังว่าจะมีโอกาสได้ลาวาเพลิงปีศาจมาไว้ในมือสักส่วนหนึ่ง
ตราบใดที่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรประเภทผี เขาก็ถือว่าเป็นเป้าหมายร่วมมือได้ทั้งนั้น
ก็แค่ต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือสินะ…
ห่างออกไปสิบเมตร เฉียวซางฟังบทสนทนาของพวกเขาโดยไม่ได้แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปมากนัก
เธอทำทีเป็นเดินออกไปจากจุดเดิม ดูเหมือนกำลังมองหาตำแหน่งที่ดีกว่าในการชมภูเขาไฟโคเทีย แต่ความจริงแล้วเป็นการหลีกเลี่ยง ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ได้รับพลังจากสัญญาย้อนกลับทั้งสองคนเพื่อไม่ให้พวกเขาได้ยินความเคลื่อนไหวของเธอ
“ซุนซุน~”
ซุนเป่าปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงร้องเบาๆเพื่อบอกว่า ข้างกายชายคนนั้น มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในสภาพล่องหน
“ฉันรู้” เฉียวซางไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรประเภทผีและเสียง "เตียวเตียว" ที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ก็น่าจะเป็นเสียงร้องของสัตว์อสูรประเภทผีตัวนั้น
จะลงมือดีไหม…
เฉียวซางตกอยู่ในภวังค์ความคิด
พูดตามตรง ถ้าอีกฝ่ายมีแค่คนเดียวเธอคงไม่กังวลเท่าไหร่ แต่ถ้านับรวมผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มีผลึกอาถรรพ์ระดับ SS เข้าไปอีกคน มันก็ทำให้เธอเริ่มไม่มั่นใจ
แต่ถ้าไม่แย่งจากพวกนั้น แล้วเธอจะไปหาวิธีเอาลาวาเพลิงปีศาจมายังไง…
เฉียวซางคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ตัดสินใจว่ายังไงหยาเป่าก็ต้องมาก่อน ส่วนเรื่องลาวาเพลิงปีศาจค่อยดูสถานการณ์อีกที
เมื่อคิดได้ เธอก็หันไปถาม “หยาเป่า มาที่นี่แล้วรู้สึกอะไรบ้างไหม?”
“ย่าห์ ย่าห์!”
หยาเป่าพยักหน้ารัวๆ มันรู้สึกตื่นเต้นมาก!
เฉียวซางชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมถึงตื่นเต้นล่ะ?”
“ย่าห์ ย่าห์!”
หยาเป่ากระดิกหางไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เพราะที่นี่… เป็นสถานที่ที่มันจะวิวัฒนาการได้!
เฉียวซาง “……”
เธอนึกย้อนถึงคำพูดที่เพิ่งพูดกับหยาเป่าไปเมื่อครู่…
“แล้วนอกจากเรื่องนี้ล่ะ?” เฉียวซางถามต่อ “พลังในร่างของแกรู้สึกอะไรบ้างไหม?”
“ย่าห์…”
หยาเป่าหลับตาแล้วลองสำรวจพลังในร่างกายของตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวอย่างซื่อสัตย์
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ดูท่าจะต้องรอให้ภูเขาไฟปะทุแล้วค่อยลองเพิ่มพลังให้หยาเป่าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น…
เมื่อนึกได้ เธอก็ประสานมือเพื่อเรียกกงเป่าออกมา
ภูเขาไฟโคเทียเป็นหนึ่งในภูเขาไฟสองลูกของอัลติเมทสตาร์ที่สามารถปะทุลาวาสีน้ำเงินได้ในตอนกลางคืน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยาก ถ้ามันปะทุขึ้นมาจริงๆก็ควรให้กงเป่าได้เห็นกับตาสักครั้ง
“กงเว่ย”
กงเป่าเหลือบมองรอบๆ มันรู้ว่าเจ้าของกำลังรอให้ภูเขาไฟปะทุ จึงไปยืนฝึกกำแพงเหล็กระหว่างรอ
เฉียวซาง มองแล้วก็อดรู้สึกพอใจไม่ได้
ตั้งแต่เหตุการณ์ถูกลอบโจมตีครั้งก่อน กงเป่าก็เริ่มให้ความสำคัญกับทักษะป้องกันมากขึ้น
สมกับเป็นสัตว์อสูรที่วิวัฒนาการผ่านสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มันยังคงผูกพันกับเธอจริงๆ…
เวลาก็ค่อยๆผ่านไป
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทันใดนั้นสัตว์อสูรป่าที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันแตกตื่นและวิ่งหนี
พื้นดินสั่นสะเทือน มวลเมฆดำเบื้องบนหมุนวนโหมกระหน่ำ
โครมมมม!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง ลาวาเดือดร้อนแรงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกรเพลิงที่กำลังพุ่งขึ้นฟ้า มันนำพาคลื่นพลังแห่งการทำลายล้างมาเต็มเปี่ยม
ภูเขาไฟปะทุแล้ว!
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่มันอย่างพร้อมเพรียงกัน!
นี่สินะ… การปะทุของภูเขาไฟ…
เฉียวซางจ้องมองภาพของลาวาสีแดงที่พวยพุ่งขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆไหลลงมาตามปากปล่อง หลอมรวมกลายเป็นทะเลลาวาที่สั่นสะเทือนชวนให้หวาดหวั่น
ไม่ใช่ลาวาสีน้ำเงิน…
เธอสะบัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป แล้วหันกลับมาโฟกัสที่เรื่องสำคัญ
“หยาเป่า แกรู้สึกถึงพลังอะไรที่เปลี่ยนแปลงไหม?”
“ย่าห์…”
หยาเป่าจ้องมองไปยังทะเลลาวาสีแดงตรงหน้า มันเหมือนถูกดึงดูดโดยสัญชาตญาณ
ภาพทั้งหมดถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงฉาน โลกของมันเหมือนถูกย้อมไปด้วยสีของเปลวเพลิง
หัวใจของมันเต้นแรง ตึก… ตึก… ตึก… มันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา
เฉียวซางเห็นว่ามันไม่ตอบอะไร แต่จากสีหน้าท่าทางของมันก็รู้ทันทีว่า ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ยังไม่ได้เพิ่มแต้มพลังเลย แต่หยาเป่ากลับมีปฏิกิริยาต่อการปะทุของภูเขาไฟแบบนี้… ดูท่าว่าภูเขาไฟจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการวิวัฒนาการของมันจริงๆ
เมื่อนึกได้เช่นนั้น เธอก็ตัดสินใจไม่รบกวนมันอีก แล้วจึงนำจิตเข้าสู่ตำราอสูรตั้งใจจะเพิ่มคะแนนระดับให้สักหน่อย เพื่อดูว่าหยาเป่าจะมีปฏิกิริยาอะไรเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
แต่ในขณะเดียวกัน…
หยาเป่ายังคงจ้องมองภูเขาไฟอย่างแน่วแน่
จู่ๆ มันก็รู้สึกถึงพลังปริศนาบางอย่างที่กำลังเรียกร้องมันให้เข้าไปใกล้มากขึ้น…
“ย่าห์ ย่าห์……”
อยากเข้าไปใกล้…
ใกล้กว่านี้อีก…
ทันใดนั้น หยาเป่าก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของเฉียวซางแล้ววิ่งตรงไปยังท้องฟ้า
ร่างกายของมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพุ่งตรงไปทางภูเขาไฟ
ขนสีขาวของมันสะดุดตาอย่างยิ่งท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงและเถ้าถ่านสีดำ
ผู้คนที่อยู่รอบๆ สังเกตเห็นมันแทบจะทันที และเสียงอุทานก็ดังก้องไปทั่ว
“พระเจ้า! ดูนั่นสิ! มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปหาภูเขาไฟ!”
“เฮ้ย! นั่นตัวอะไร? ฉันไม่เคยเห็นสัตว์อสูรแบบนี้มาก่อนเลย!”
“หรือว่าจะเป็นสัตว์อสูรในตำนาน!? เช็คดูสิ!”
“หาไม่เจอ! พระเจ้า! ฉันค้นหามันไม่เจอเลย!”
“เดี๋ยวนะ! พวกนายไม่เห็นเหรอ? ที่กรงเล็บของมันมีกำไลปรับขนาดกับสายรัดข้อมือระบุตัวตนอยู่ด้วย!”
“ตกลงมันคือตัวอะไรแน่? เจ้าของมันอยู่ไหน? ทำไมมันถึงพุ่งเข้าหาภูเขาไฟตอนนี้!? มันไม่รู้หรือไงว่าอันตรายขนาดไหน!?”
ผู้คนเริ่มมองไปรอบๆ พยายามตามหาผู้ฝึกสัตว์อสูรของเจ้าสัตว์ปริศนาตัวนี้
ในขณะเดียวกัน…
เหนือท้องฟ้า เจ้าหน้าที่ของทางการที่ขี่อยู่บนนกปากแหลมไฟหลายคนก็มองเห็นสัตว์อสูรตัวนี้เช่นกัน พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจเพราะมันเป็นสัตว์อสูรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่สายตาเฉียบคม มองเห็นกำไลปรับขนาดที่อยู่บนร่างของมัน และทันใดนั้นก็หยิบเครื่องขยายเสียงขึ้นมา
“ขอเตือน! ห้ามเข้าใกล้ภูเขาไฟโคเทีย!”