ตอนที่แล้วตอนที่ 201 รับเข้าตระกูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 203 ข่าวร้ายจากเกาเซิ่งจื่อ

ตอนที่ 202 ลู่ผิงอันคือบุตรแห่งสวรรค์(ฟรี)


ตัวอักษรสีแดงสดเขียนคำว่า “สุขสันต์วันวิวาห์” ประดับประดาห้องหอด้วยดอกไม้นานาพันธุ์และแสงเทียนสว่างไสว

ลู่เฉินทำพิธีตามธรรมเนียมเสร็จสิ้น จึงพาเจ้าสาวเข้าห้องหอ หลังจากเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว แสงเทียนสะท้อนใบหน้างดงามของเจียงเยว่เอ๋อร์ที่ราวกับนางฟ้า นางดูสวยงามยิ่งนัก

ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี จ้องมองลู่เฉินอย่างอ่อนโยน

ลู่เฉินยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของนาง

เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วยี่สิบปี ความคิดถึงและความปรารถนาทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย เพียงแค่จุมพิตก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดได้

แสงเทียนสั่นไหว เงาของคนสองคนทับซ้อนกัน…

ในห้องนอนอีกห้องหนึ่งของจวนอ๋องหนาน หวงฉีหลินมองดูแสงเทียนเงียบๆ ถึงแม้ว่านางจะรู้มานานแล้วว่าจะมีคนมาเป็นฮูหยินของลู่เฉิน แต่วันนี้เมื่อมันมาถึงจริง ๆ ความรู้สึกของนางซับซ้อนเกินจะเข้าใจ

พริบตาเดียวก็ผ่านพ้นไปหนึ่งคืน

หวงฉีหลินเคยเป็นสาวใช้มาก่อน นางจึงตื่นแต่เช้าทุกวัน ขณะที่นางกำลังจะลุกออกจากเตียง ประตูก็ถูกเปิดออก ลู่เฉินเดินเข้ามา

“ท่านพี่” หวงฉีหลินประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าลู่เฉินจะตื่นเช้าและมาหานางเช่นนี้

ลู่เฉินยิ้ม “ข้ายังอยากจะนอนต่ออีกหน่อย แต่คิดว่าเจ้าคงจะกังวลใจไม่น้อย จึงรีบมาหา อย่าได้กังวลเลย เยว่เอ๋อร์เป็นเซียน นางจะตั้งใจเรื่องบ่มเพาะ ต่อไปนี้เรื่องในจวนก็ให้เจ้าดูแลจัดการ”

“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้เสียหน่อย” หวงฉีหลินหน้าแดง แต่ในใจกลับยินดีมาก

“ต่อไปนี้เจ้าก็ต้องตั้งใจด้วยเช่นกัน”

“เจ้าค่ะ” หวงฉีหลินกอดลู่เฉินพลางซบใบหน้าลงบนอกของเขา

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน ก็ถึงวันที่ลู่เหนียนเฉินจะต้องเข้าสู่ตระกูลลู่

ลู่โฉ่วอี๋เปิดหอประจำตระกูล ต้อนรับลู่เหนียนเฉินที่หน้าประตู ทำพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ และจารึกชื่อของลู่เหนียนเฉินลงบนแผ่นป้าย นับแต่นี้ไป เจียงเหนียนเฉินได้เปลี่ยนเป็นลู่เหนียนเฉินอย่างเป็นทางการ กลายเป็นคนของตระกูลลู่อย่างชอบธรรม

ลู่โฉ่วอี๋ยังออกราชโองการแต่งตั้งลู่เหนียนเฉินเป็น “องค์รัชทายาท” และเป็นผู้สืบบัลลังก์ของไท่ห้าว

เมื่อราชโองการนี้ประกาศออกไป ทุกคนบนโลกก็ได้รู้ความจริง “พวกเจ้าได้ยินหรือยังว่าเจียงเหนียนเฉิน ฮ่องเต้แห่งต้าเฉียน แท้จริงแล้วเป็นบุตรชายของคุณชายเจ็ด! โอ้สวรรค์ มีเรื่องแบบนี้ด้วย!”

“ข้าก็ได้ยินมา! ตอนนี้เขาเปลี่ยนแซ่เป็นลู่เหนียนเฉินแล้ว!”

“เช่นนั้นลู่เหนียนเฉินผู้นี้ก็เป็นทั้งฮ่องเต้แห่งต้าเฉียนและองค์รัชทายาทแห่งไท่ห้าว…ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งนัก! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ไท่ห้าวและต้าเฉียนจะไม่กลายเป็นแคว้นของปู่กับหลานหรือ?”

“ฮ่า ๆ ๆ เป็นแคว้นของปู่กับหลานจริง ๆ ด้วย! ข้าได้ยินมาว่าทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันชั่วนิรันดร์!”

“ข้าคิดว่าตั้งแต่นี้ไป พวกเราคงรวมเป็นแคว้นเดียวกัน”

“เดิมทีก็เป็นแคว้นเดียวกันอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ลู่โฉ่วอี๋ยังคงครองบัลลังก์อยู่ รอให้เขาวางมือเมื่อไหร่ ก็สามารถรวมแคว้นได้อย่างเป็นทางการ”

“โลกนี้นี่ช่างแปลกประหลาด สรรพสิ่งล้วนแตกแยกแล้วรวมกัน รวมกันแล้วก็กลับไปแตกแยกใหม่”

สำหรับชาวไท่ห่าว เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความตกใจอะไรให้พวกเขามากนัก แต่สำหรับชาวต้าเฉียน มันช่างน่าตกใจยิ่ง

ที่แท้เจียงเหนียนเฉินเป็นคนของตระกูลลู่ ตอนนี้เปลี่ยนแซ่เป็นลู่เหนียนเฉินแล้วด้วย นั่นหมายความว่าราชวงศ์ต้าเฉียนจะไม่มีแซ่เจียงอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นแซ่ลู่แทน!

เป็นไปได้อย่างไร?

โดยเฉพาะเหล่าเชื้อพระวงศ์ของฮ่องเต้ พวกเขารู้สึกไม่พอใจ หากราชวงศ์ต้าเฉียนแซ่ลู่ แล้วพวกเขาที่แซ่เจียงจะทำอย่างไรต่อ?

ตอนนั้นเอง เหล่าเชื้อพระวงศ์หลายคนจึงตัดสินใจที่จะก่อกบฏ

ในเมื่อลู่เหนียนเฉินไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะสถาปนาฮ่องเต้คนใหม่เสียเลย

แต่ลู่เหนียนเฉินได้เตรียมการรับมือไว้ก่อนแล้ว ทันทีที่ใครเริ่มมีความเคลื่อนไหว จะมีการยกทัพไปปราบปรามทันที จับกุมผู้ที่คิดก่อกบฏทั้งหมด

ถึงแม้ว่าต้าเฉียนจะวุ่นวายอยู่สองสามวัน แต่ก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ส่วนชาวบ้าน พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าฮ่องเต้จะแซ่เจียงหรือลู่

วันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ 22 แห่งรัชศกหง

ลู่เหนียนเฉินมองดูเวลา เห็นว่าถึงเวลาสมควรที่ต้องกลับ เขาจึงไปพบกับลู่เฉินเพื่อกล่าวลา ก่อนจากไป เขาก็ถามอีกครั้ง “ท่านพ่อ ทำไมข้าไม่เห็นอาลู่ที่คอยช่วยเหลือข้าเลย?”

ลู่เฉินหัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นปล่อยหุ่นเชิดออกมา

ลู่เหนียนเฉินสัมผัสและพบว่ามันเป็นเพียงหุ่นเชิด

ลู่เฉินกล่าว “หุ่นเชิดตัวนี้มีระดับสูงมาก พลังเทียบเท่าเซียนวิญญาณแรกก่อตั้ง ขอเพียงเจ้าใส่พลังวิญญาณเข้าไป ก็สามารถควบคุมมันได้”

ลู่เหนียนเฉินเพิ่งเข้าใจ “ข้าว่าแล้วว่าอาลู่ดูไม่เหมือนผู้ติดตามทั่วไป แต่ดูเหมือนท่านพ่อมากกว่า ที่แท้ก็คือจิตสำนึกของท่านนี่เอง”

ลู่เฉินยิ้มและพยักหน้า “ข้าไม่ไว้ใจให้ใครอื่นมาดูแลลูกชายของข้าหรอกนะ”

ลู่เหนียนเฉินซาบซึ้งใจมาก ที่แท้ตลอดสิบเก้าปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับบิดา แต่บิดาก็คอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด

“ท่านพ่อ!” ลู่เหนียนเฉินเรียกเขาด้วยความตื้นตันใจ

ลู่เฉินพยักหน้า ตบไหล่ของเขาเบา ๆ “ถึงแม้การเป็นฮ่องเต้จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลัง การบ่มเพาะจึงสำคัญกว่า ข้ามาคิด ๆ ดูแล้ว ข้ากับเยว่เอ๋อร์มีพรสวรรค์ที่ดี แต่ทำไมเจ้าถึงมีเพียงรากวิญญาณสี่ธาตุ แท้จริงแล้ว…”

“หือ?” ลู่เหนียนเฉินเงยหน้าขึ้นมองลู่เฉิน

ลู่เฉินพูดต่อ “เจ้ามีพลังวิญญาณโดยกำเนิด และยังเรียนรู้วิทยายุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว ข้าเดาว่าเจ้าไม่ใช่ผู้มีรากวิญญาณสี่ธาตุ แต่เป็นรากวิญญาณยุทธ์! เจ้าเกิดมาเพื่อฝึกยุทธ์ ดังนั้นเจ้าต้องเดินเส้นทางนี้ต่อไป บางทีวันหนึ่งเจ้าอาจจะพบว่าวิทยายุทธ์ของเจ้าไม่ด้อยไปกว่าเซียนผู้มีรากวิญญาณสวรรค์และรากวิญญาณสองธาตุ!”

“อย่างนี้นี่เอง!” ดวงตาของลู่เหนียนเฉินเป็นประกาย

เขามีกำลังใจขึ้นมาทันที “ท่านพ่อ ข้าจะไม่ละเลยการบ่มเพาะ ข้าจะก้าวเดินในเส้นทางนี้ต่อไป!”

ลู่เฉินมอบหุ่นเชิดลู่เอ๋อร์ให้เขา “หุ่นเชิดตัวนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ตอนนี้ข้าขอมอบมันให้เจ้า ด้วยพลังปราณของเจ้า เจ้าจะสามารถควบคุมมันได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีพลังเทียบเท่าเซียนวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับสถานการณ์คับขัน”

“ขอบพระคุณท่านพ่อ!” ลู่เหนียนเฉินคุกเข่าลงอีกครั้ง

“ไม่ต้องเกรงใจ ไปกราบลาแม่และปู่ย่าของเจ้าได้แล้ว จากนั้นก็รีบกลับเถิด”

“ขอรับ”

ลู่เหนียนเฉินกล่าวลาคนอื่น ๆ ก่อนจะเดินทางกลับเมืองหลวงต้าเฉียนเพียงลำพัง ส่วนเรื่องความวุ่นวาย ณ ที่นั่น เขาไม่ได้สนใจอะไร

สำหรับลู่เฉิน หลังจากแต่งงาน เขาก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพียงแต่มีสีสันมากขึ้น

เขานำตำราคู่บ่มเพาะที่จี้อู๋ซวงมอบให้มาให้เจียงเยว่เอ๋อร์ศึกษา ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันและคิดค้นท่วงท่าใหม่ ๆ มากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การบ่มเพาะเช่นนี้ พลังบ่มเพาะของเจียงเยว่เอ๋อร์ยังพัฒนาขึ้นเล็กน้อยด้วย

“ไม่คิดเลยว่าการทำเช่นนั้นจะสามารถเพิ่มพลังบ่มเพาะได้!” เจียงเยว่เอ๋อร์ตกตะลึง

ลู่เฉินหัวเราะ “ไม่เป็นจะแปลก สำนักเหอหวนก็ทำแบบนี้มิใช่หรือ?”

เจียงเยว่เอ๋อร์หน้าแดงด้วยความเขินอาย “อย่าเอาเจ้าพวกสำนักเหอหวนมาเปรียบเทียบ”

“ทำไมจะเปรียบเทียบไม่ได้?” ลู่เฉินยิ้ม “ที่จริงแล้ว หวงฉีหลินก็เคยฝึกวิชานี้กับข้า ทำไมเราไม่ชวนนางมาฝึกด้วยกันไปเลย? พวกเราจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน”

“ออกไปเลยนะ!” เจียงเยว่เอ๋อร์อายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี

ทว่านางทนคำร้องของลู่เฉินไม่ไหว จึงยอมให้หวงฉีหลินมาร่วมวงด้วย พวกเขาร่วมฝึกฝนด้วยกัน ลู่เฉินมีความสุขมากที่ได้อยู่กับภรรยาทั้งสอง

ลู่เฉินใช้ชีวิตอย่างสำราญใจ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียวก็เข้าสู่เดือนมีนาคม ฤดูใบไม้ผลิ

จี้อู๋ซวง เพื่อนเก่าของลู่เฉิน ก็กลับมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยเพื่อมาดูผลเก้าภพ

“สหายเต๋าลู่ ข้าคอยช่วยบุตรชายของเจ้าบ่มเพาะอยู่แท้ ๆ  แต่เจ้ากลับแอบแต่งงานมีภรรยาเสียได้” จี้อู๋ซวงมองลู่เฉินด้วยดวงตาอันงดงาม แต่ถ้อยคำกลับแฝงความขมขื่น

ลู่เฉินพอจะรู้ความในใจของนาง จี้อู๋ซวงมาหาเขาทุกปี ไม่รู้ว่านางมาเพื่อดูผลเก้าภพหรือมาหาเขากันแน่ แต่เขาก็ยังคงมีเรื่องที่ต้องกังวล

เขาได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ “ขอบพระคุณเซียนจี้ที่ช่วยดูแลผิงอัน เขาเป็นอย่างไรบ้างที่แดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ย?”

จี้อู๋ซวงกล่าวอย่างหัวเสีย “ข้าคิดมาตลอดว่าผิงอันมีรากวิญญาณสามธาตุ แต่เมื่อไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยข้าถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วเขามีรากวิญญาณสวรรค์!”

ลู่ผิงอันอ้างมาตลอดว่าเขามีเพียงรากวิญญาณสามธาตุ เพราะกลัวคนอื่นจะคิดร้ายตนเอง ตอนนี้เขาโตขึ้นแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

จี้อู๋ซวงกล่าวเสริม “ท่านปู่สนใจในตัวเขานัก ตอนนี้เขาเป็นศิษย์เอกของท่านปู่ ได้รับความเอ็นดูอย่างมาก ในอนาคตเขาต้องได้เป็นบุตรแห่งสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยอย่างแน่นอน”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด