ตอนที่แล้วOS ตอนที่ 62 เทพแห่งความมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน

OS ตอนที่ 63 ภาพเสี้ยวหนึ่งจากอดีต


เทพแห่งความตาย อาบาดอน และเทพีแห่งชีวิต เกอา จำเป็นต้องเร่งมือให้มากที่สุดในการทำภารกิจของพวกเขาให้ลุล่วง เพราะร่างมนุษย์ที่พวกเขาจุติลงมานั้นมีขีดจำกัดในการใช้งาน และไม่อาจรองรับพลังของเทพได้นานนัก

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ในอาณาจักรมนุษย์ได้นานกว่านี้ แต่การคงอยู่เป็นเวลานานจะส่งผลให้ร่างของโฮสต์ต้องเผชิญกับภาระที่หนักหน่วงขึ้น และยังทำให้อ่อนแอลงอีกด้วย

อันที่จริง พวกเขาสามารถอัญเชิญส่วนหนึ่งของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มายังอาณาจักรมนุษย์ได้เพียงไม่กี่นาที แต่การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้พลังมานาถูกปนเปื้อน หรือก่อให้เกิดรอยแยกในห้วงเวลาและอวกาศของอาณาจักรมนุษย์

เหตุผลที่แท้จริงที่เหล่าเทพขึ้นสวรรค์ หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือการสร้างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก็เพื่อเลี้ยงดูผู้อยู่อาศัยในจักรวาล และฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเหล่าเทพแห่งความมืดหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อคอร์รัปแทนท์

ตัดภาพมาที่เด็กหนุ่มทั้งสองบนอาณาจักรของเทพเจ้าคู่แฝด ปาราอิโซ

ระบบแจ้งเตือนปรากฏขึ้นต่อหน้าสองเพื่อนรัก และจิตใจของพวกเขาก็เริ่มนึกถึงความทรงจำในอดีต

[คุณได้สัมผัสถึงเจตจำนงของเทพแห่งความตาย อาบาดอนอย่างลึกซึ้ง พระองค์ทรงอนุญาตให้คุณมองเห็นอดีตได้]

[คุณได้สัมผัสถึงความปรารถนาของเทพีแห่งชีวิต ไกอาอย่างลึกซึ้ง เธอได้อนุญาตให้คุณมองเห็นอดีตได้]

ราวกับว่าพวกเขากำลังรับชมภาพยนตร์สงคราม ตรงหน้าของพวกเขา ควันดำลอยคละคลุ้ง เสียงกรีดร้องและเสียงอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่ว บนพื้นเต็มไปด้วยร่างของผู้ล่วงลับจำนวนมากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้ ท่ามกลางความโกลาหลนั้น พวกเขาสังเกตเห็นเหล่าผู้อยู่อาศัย ซึ่งสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นมนุษย์

นอกจากมนุษย์แล้วยังมีเผ่าพันธุ์อื่น เช่น ไนท์เอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ แอสโมเดียน เทวดา ปีศาจ ภูตธาตุ ยักษ์ หรือแม้แต่มังกร พวกเขาต่างต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างที่ไม่อาจบรรยายได้ และรูปลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ถูกล่อลวงด้วยพลังที่เทพแห่งความมืด ซึ่งแปลงร่างจนมีสภาพบิดเบี้ยวผิดจากตัวตนเดิมของพวกเขา เรียกได้ว่ามันคือหายนะอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ เหล่าทวยเทพจึงค้นพบทางออกของสงครามครั้งนี้ พวกเขาตัดสินใจสร้างบาเรียอันแข็งแกร่งขึ้นมา ซึ่งมันทนทานจนแม้แต่เหล่าเทพเจ้าก็ไม่อาจทำลายมันได้

บาเรียที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะทำหน้าที่แยกเหล่าเทพเจ้าออกจากผู้อยู่อาศัยทั่วไปในโลกที่เทพเจ้าคู่แฝดได้ก่อร่างขึ้น มันเป็นเกราะกำบังที่ต้องอาศัยพลังงานมหาศาลในการหล่อเลี้ยง

ด้วยเหตุนี้ ดวงวิญญาณของเหล่านักรบผู้ล่วงลับยอมสละพลังชีวิตของพวกเขาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยไม่ลังเล อีกทั้งเหล่าเทพเจ้าก็พร้อมที่จะมอบพลังศักดิ์สิทธิ์แทบทั้งหมดของพวกเขา เพื่อทำให้บาเรียนี้แข็งแกร่งพอที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล

เมื่อเทพเจ้าคู่แฝดสร้างบาเรียสำเร็จ พลังอันยิ่งใหญ่นี้ก็ขับไล่ทั้งเหล่าทวยเทพและเทพแห่งความมืดออกจากอาณาจักรของมนุษย์ แม้ว่าเทพแห่งความมืด ซึ่งทรงพลังเหนือกว่า จะพยายามทำลายบาเรียอย่างสุดความสามารถ แต่กลับไม่อาจสร้างรอยร้าวแม้แต่น้อย มันกลายเป็นกำแพงที่แน่นหนา แยกมนุษย์ออกจากอำนาจของเหล่าทวยเทพอย่างสมบูรณ์

ตอนนั้นเอง ก่อนที่เทพเจ้าคู่แฝดจะถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรมนุษย์ พวกเขาใช้พลังที่เหลือเท่าที่รวบรวมได้ และปิดผนึกนักสู้ที่มีพลังมากที่สุดของกองทัพของเทพแห่งความมืดเอาไว้

โทเทมที่พวกเขาใช้ปิดผนึกนั้นดูเหมือนแผ่นหินชนิดหนึ่งที่มีรูปของเซฟิรอธอยู่ด้านหนึ่ง และรูปของคลิฟฟอธอยู่ด้านหนึ่ง

เมื่อกองทัพของเทพแห่งความมืดขาดซึ่งนักสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาจึงเริ่มศิโรราบต่อหน้ากองทัพที่เหลือของเหล่าเทพแห่งแพนดีโมเนียม ส่งผลให้พวกที่เหลือรอดแทบจะสูญพันธุ์ บางส่วนเลือกที่จะซ่อนตัวจากโลกภายนอก ขณะที่บางส่วนกลับแฝงตัวกลมกลืนไปกับกองทัพแพนดีโมเนียม โดยเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมเพื่อแก้แค้น

ส่วนสุดท้ายของการย้อนอดีตคือแผ่นจารึกที่แบ่งออกเป็นสามส่วนและมอบให้กับชาวแอสโมเดียนสามคน หนึ่งในนั้นอีควิน็อกซ์คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนมอบโบราณวัตถุให้กับเขา

พวกเขาได้รับมอบหมายให้ซ่อนโบราณวัตถุไว้ให้พ้นจากสายตาของเหล่าคอร์รัปแทนท์ เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสามจึงออกเดินทางเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง

ไม่นานนิมิตของทั้งคู่สิ้นสุดลง และเมื่อพวกเขามองกลับไปที่ลูกแก้วคริสตัล พวกเขาก็เห็นเทพเจ้าคู่แฝดอาบาดอนกับเกอากำลังร่ายคาถา

...

ในช่วงเวลาที่อีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์กำลังดำดิ่งอยู่ในภาพความทรงจำในอดีต การต่อสู้ของเทพเจ้าคู่แฝดก็กำลังเริ่มต้นขึ้น

ลำนำวิญญาณสีเงินเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายทางจากสถานการณ์ที่ยากลำบากของเธอ เนื่องจากเธอรับรู้ว่าผู้ช่วยเหลือของเธอกำลังเข้ามาใกล้แล้ว เธอเพียงแค่ต้องการเวลาอีกไม่นานเท่านั้น

เธอจึงเริ่มฟื้นฟูทักษะการเคลื่อนไหวของตนเอง ซึ่งหมายความว่าสถานะเหนื่อยล้าใกล้จะหมดลงแล้ว

ขณะที่เธอเริ่มวิ่งไปข้างหน้า จู่ ๆ ก็มีมือที่ทำจากวิญญาณโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินและจับเธอไว้อย่างแน่นหนา เธอแทบจะขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เธอมองไปที่แหล่งกำเนิดของคาถาที่มัดเธอไว้ด้วยแววตาอันโกรธเกรี้ยว

“เงื้อมมือแห่งความตาย” อาบาดอนพึมพำ

“เทพแห่งความตาย! ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ!” ลำนำวิญญาณสีเงินพูดขณะที่เธอกำลังดิ้นรน แต่เสียงของเธอฟังดูแหบแห้ง เนื่องจากบาดแผลที่คอของเธอ

“เจ้าควรยอมรับการลงโทษจากเทพเจ้าของเจ้า แม้ว่าข้าจะรักทุกสรรพสิ่ง แต่ข้าก็ทนไม่ได้กับการทำลายล้างที่เจ้านำพามา ดังนั้น อย่าถือสาข้าเลย...”

“อา... ขอให้พลังแห่งชีวิต จงสถิตแด่ข้า... อ้อมกอดแห่งธรรมชาติ” เกอาร่ายคาถา

ทันทีที่เกอาร่ายมนตร์อ้อมกอดแห่งธรรมชาติ เถาวัลย์พืชจำนวนมากก็เริ่มรัดร่างกายของลำนำวิญญาณสีเงิน และเธอดิ้นรนไม่ได้อีกต่อไป แม้แต่ปากของเธอยังถูกปิดไว้ ทำให้เธอไม่สามารถเปล่าเสียงใด ๆ ออกมาได้เลย

แม้ว่าเธอจะยังสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ แต่ความแค้นในใจของเธอก็ฉายชัดออกมาชัดเจน ดั่งดวงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา เธอสาบานในใจว่าเมื่อเธอกลับชาติมาเกิดใหม่ เธอจะฆ่าทุกสรรพสิ่งที่ขวางหน้า ไม่ให้เหลือแม้แต่เงา

“ดูสิ น้องพี่ ดูเหมือนว่าเธอจะวางแผนแก้แค้นอีกแล้ว เธอผสานความเคียดแค้นของเธอเข้ากับวิญญาณของเธอเพื่อให้การกลับชาติมาเกิดใหม่ ช่างน่าสงสารจริง ๆ อดีตทูตของโบสถ์แห่งความตายกลับตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ ข้ารู้สึกละอายใจที่มองคนไม่ขาดจริง ๆ” อาบาดอนพูดด้วยความเสียใจ

“ท่านพี่ ไว้เราจะคุยเรื่องการตัดสินใจผิดของท่านพี่ในภายหลัง เราควรจะจบเรื่องนี้ได้แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีแขกมาทำลายงานเลี้ยงของเรา” เกอาพูดอย่างไม่ใส่ใจ

จริง ๆ แล้วเทพเจ้าคู่แฝดไม่ได้ลงมาเพราะกังวลเรื่องลำนำวิญญาณสีเงิน แต่พวกเขาลงมาเพื่อจัดการเทพแห่งความมืดที่สิงสู่ร่างของเธอเท่านั้น

ก่อนที่เทพเจ้าคู่แฝดจะสร้างบาเรียสำเร็จ เทพแห่งความมืดก็เริ่มทำการตอบโต้เช่นกัน โดยใช้วิธีการสิงสู่สิ่งมีชีวิตเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากบาเรีย แต่มีเพียงเทพแห่งความมืดบางองค์เท่านั้นที่สามารถหลบหลีกผลกระทบเหล่านั้นได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม การสิงสู่สิ่งมีชีวิตกลับทำให้พลังของพวกเขาในฐานะเทพแห่งความมืดลดลงอย่างมาก นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องแลกเพื่อที่จะคงอยู่ในโลกนี้ต่อไป

เมื่อเทพเจ้าคู่แฝดรู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงสั่งให้ผู้กล้าของพวกเขาตามล่าเทพแห่งความมืดที่สิงสู่สิ่งมีชีวิต และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่บางส่วนก็ยังคงอยู่

ถัดจากนั้น วันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนมาถึงยุคปัจจุบัน พลังที่เทพเจ้าคู่แฝดส่งมาได้น้อยลง ส่งผลให้เหล่าผู้ติดตามของเหล่าเทพเจ้าแทบจะไม่ได้ยิน หรือได้รับข้อความศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเลย นั่นเป็นสาเหตุที่เทพเจ้าคู่แฝดจึงสร้างเครื่องรางแห่งความโกลาหลขึ้นมา และรอเวลาเพื่อให้ผู้กล้าของพวกเขาปรากฏตัว

เหล่าเทพเจ้าคู่แฝดรอคอยมาหลายศตวรรษจนกระทั่งมีคนผ่านเกณฑ์เบื้องต้นเพื่อที่จะเป็นผู้กล้าของพวกเขา พวกเขาไม่สนใจว่าผู้กล้าของพวกเขาจะอ่อนแอเพียงใด เพราะดูเหมือนว่าเหล่าเทพแห่งความมืดที่สิงสู่สิ่งมีชีวิตจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

พวกเทพแห่งความมืดกำลังวางแผนการบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแตกต่างจากสมัยที่พวกเขาอวดพลังของพวกเขาต่อเหล่าเทพเจ้าแห่งแพนดีโมเนียม ด้วยเหตุนี้ เทพเจ้าคู่แฝดจึงต้องฟูมฟักผู้กล้าของพวกเขาเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่กำลังคืบคลานเข้ามา

...

ตัดภาพกลับมาที่สองเพื่อนซี้

พวกเขาทั้งสองคนเห็นอาบาดอนและเกอากำลังรวบรวมพลังงานมหาศาลไว้ในมือ พวกเขาเริ่มใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์บนอาณาจักรมนุษย์ แม้แต่ลำนำวิญญาณสีเงินยังสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของพลังงานที่ทั้งสองรวบรวมไว้

ลำนำวิญญาณสีเงินดิ้นรนราวกับว่าชีวิตของเธอขึ้นอยู่กับมัน และเมื่อเธอไม่สามารถหลุดพ้นได้ เธอก็เริ่มแสดงท่าทีสิ้นหวังออกมา

‘ความรู้สึกนี้เป็นแบบนี้กับผู้คนที่ฉันทรมานรึเปล่า?’ ลำนำวิญญาณสีเงินคิด

จากนั้น ดวงตาของเธอก็เริ่มบ้าคลั่ง เธอเสียสติและเริ่มใช้จิตวิญญาณของเธอเป็นสื่อกลางในการสร้างบาเรียเวทมนตร์

อาบาดอนเห็นสิ่งที่เธอทำและพึมพำว่า ‘เด็กโง่’ เขารู้ว่าลำนำวิญญาณสีเงินกำลังทำอะไรอยู่ และเขาไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป เพราะทันทีที่เธอลงนามสัญญากับเทพแห่งความมืด จิตวิญญาณของเธอก็ไม่เป็นของตัวเธอเองอีกต่อไป

เธอคงไม่ได้สังเกตเห็น แต่อาบาดอนและเกอาสังเกตเห็น วิญญาณของเธอถูกปนเปื้อนด้วยเทพความมืดที่เธอทำสัญญาไว้แล้ว และเทพเจ้าคู่แฝดจะใช้การเชื่อมต่อนั้นเพื่อสร้างความเสียหายให้กับเทพแห่งความมืดองค์นั้น

ด้วยสภาพวิญญาณของเธอ พวกเขาสามารถอนุมานได้ว่าเทพแห่งความมืดนั้นแบ่งวิญญาณประมาณหนึ่งในสี่ของตนไว้ในลำนำวิญญาณสีเงินเพื่อใช้เธอเป็นภาชนะ ตอนนี้ เทพแห่งความมืดที่เป็นเจ้าของวิญญาณกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เพราะมันสัมผัสได้ว่าวิญญาณของตนกำลังถูกคุกคาม

“การที่เทพแห่งความมืดนั้นมาที่นี่ นั่นหมายความว่าเทพแห่งความมืดนั้นได้ใส่แก่นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนเข้าไปในตัวเธอด้วย”

เกอาบอกกับอาบาดอนด้วยโทรจิต

“ดูเหมือนว่ามันเต็มใจที่จะเสียสละร่างปัจจุบันของมันเพียงเพื่อจะได้ร่างของลำนำวิญญาณสีเงิน เธอจะเป็นภาชนะที่สมบูรณ์แบบ เพราะเธอเป็นทูตของเทพ เมื่อร่างกายของเธอได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ มันจะมาพร้อมกับพลังในการต่อกรกับพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายที่แผนการที่เขาเฝ้าฝันไว้ มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง”

อาบาดอนตอบกลับด้วยโทรจิต

จริง ๆ แล้ว ในช่วงเวลาที่เทพเจ้าคู่แฝดลงมา พวกเขาก็ร่ายคาถาที่พวกเขาจะใช้แล้ว เพราะการร่ายมันตั้งแต่ต้น มันใช้เวลานานเกินกว่าที่ร่างกายของโฮสต์จะรับไหว

ถึงแม่คาถาจะใช้เวลาเตรียมการอันยาวนาน แต่ผลลัพธ์ของมันก็คุ้มค่ามาก มันจะไม่เพียงแต่ทำให้การฟื้นคืนชีพของลำนำวิญญาณสีเงินเป็นโมฆะเท่านั้น แต่มันยังลบล้างการมีอยู่ของเทพแห่งความมืดไปอีกด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด