ตอนที่แล้วCD บทที่ 580 ผู้ชมเกรดต่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน

CD บทที่ 581 ผู้เชี่ยวชาญด้านความไร้ยางอาย


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?’

เมื่อมองดูผู้ชายร่างกำยำเหล่านั้น จ้าวหยู่ก็รู้สึกประหลาดใจ

‘พวกอันธพาลในจินผิงไปกินดีหมีมาจากไหน พวกเขารู้ว่าฉันเป็นตำรวจ แต่พวกเขาก็ยังกล้าทำร้ายฉันอย่างงั้นเหรอ?’

‘แต่แบบนี้ก็เข้าทางฉันเลยสิ ฮ่า ๆ!!!’

จ้าวหยู่ถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความฮึกเหิม

ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นนักสืบพิเศษ เขาแทบไม่มีโอกาสได้ระบายความโกรธแบบที่เคยทำมาก่อนเลย ดังนั้นเพลิงโทสะได้สะสมอยู่ในใจเขาตั้งแต่คดีฆาตกรรมไล่ล่าเรื่อยมา แต่ด้วยเหตุไม่คาดฝัน คนกลุ่มนี้เข้ามาเผชิญหน้ากับเขา ราวกับว่าถูกส่งมาให้เขาระบายอารมณ์ที่อัดอั้นมานาน

โดยไม่พูดอะไรให้มากความ การต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที ชายทั้งสองพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเหวี่ยงไม้หน้าสามใส่จ้าวหยู่ จ้าวหยู่ที่อยากสู้จนเนื้อเต้น เขาหมุนตัวและเอนตัวไปด้านข้าง หลบการโจมตีของพวกเขาได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วเขาก็กระแทกไหล่เข้ากับชายคนหนึ่งอย่างเต็มแรง ทำให้ชายคนนั้นเสียสมดุลและเอนตัวไปด้านข้างจนเกือบล้มลง

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายจากอีกฝั่งของเขา ด้วยแขนของเขา จากนั้น เขาก็คว้ากระบองเหล็กอันหนึ่งแล้วฟาดอย่างเต็มแรง และบังคับให้อันธพาลคนที่สองจนมุม

ในตอนแรก จ้าวหยู่คิดว่าเขาสามารถจัดการพวกเขาได้โดยไม่บาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาต่อสู้กัน เขาได้รับบาดเจ็บที่หลังและไหล่ค่อนข้างหนักพอสมควร

ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เพราะศัตรูเหล่านี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการฝึกฝนการต่อสู้มาเป็นอย่างดีด้วย คนเหล่านี้ไม่ใช่พวกอันธพาลธรรมดาอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เหมี่ยวอิงจากไป จ้าวหยู่ก็เริ่มละเลยการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ จึงทำให้เขาขาดความคล่องตัวและความชำนาญในการต่อสู้ไปมาก

เมื่อเริ่มต้นการต่อสู้ เขาจึงไม่สามารถใช้ทักษะที่เคยเรียนมาได้อย่างคล่องแคล่ว แต่กลับต้องอาศัยวิธีการต่อสู้แบบนักเลงตามธรรมชาติของตัวเองในการต่อกรกับคู่ต่อสู้ ซึ่งทำให้การต่อสู้นั้นเต็มไปด้วยความดุเดือดและไร้ระเบียบ แต่กลับได้ผลในที่สุด

ทักษะการต่อสู้แบบอันธพาลดังกล่าวอาศัยสัญชาตญาณอันโหดร้ายของเขาเอง ดังนั้นเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาโจมตี เขาก็ตอบโต้ด้วยการโจมตีที่รุนแรงกว่ากลับไป

วิธีการต่อสู้แบบนี้ถือว่าน่าประทับใจมาก แต่การต่อสู้แบบนี้มักจะจบลงด้วยการบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย

จ้าวหยู่ค่อย ๆ ตระหนักได้ว่าหากเขายังคงสู้ต่อไปแบบนี้ แม้ว่าในที่สุดเขาจะชนะ แต่เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ดังนั้นดูเหมือนว่าทักษะที่เหมี่ยวอิงเคยสอนให้เขาในอดีตจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

จากการตระหนักรู้ในเรื่องนี้ จ้าวหยู่ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ของตนเอง เขาเริ่มนำทักษะที่เหมี่ยวอิงเคยสอนมาใช้ทีละขั้น โดยค่อยๆ ปรับสมดุลระหว่างพละกำลังและเทคนิคอย่างมีกลยุทธ์ ทำให้เขาค่อยๆ ฟื้นฟูทักษะที่เคยละเลยไป และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการต่อสู้

เนื่องจากจ้าวหยู่เป็นนักสู้ที่มีความสามารถและประสบการณ์ เขากลับมาผงาดได้อีกครั้งเมื่อเขานำวิธีการใหม่มาใช้ เหมือนกับการได้รับลมหายใจใหม่

เขากำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ ทุกการบิดข้อมือ การกดไหล่ ฟาดขา เตะหมุนวน หรือแม้แต่การจับทุ่ม ทุกท่วงท่าล้วนเปี่ยมไปด้วยความละเอียดอ่อน

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังใหม่ที่พลุ่งพล่านในตัวเอง ในที่สุด จ้าวหยู่ก็สามารถจัดการกับพวกอันธพาลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ในเวลานั้นพวกอันธพาลก็พ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย พวกเขาทั้งหมดถูกจ่าวหยูทุบตีและต้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

ชายสองคนที่ถูกใส่กุญแจมือไม่คาดคิดเลยว่าจ้าวหยู่จะแข็งแกร่งจนสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีข้อได้เปรียบอีกต่อไป พวกเขาก็รีบหันหลัง และวิ่งไปที่รถตู้คันใหม่เพื่อหลบหนี

จ้าวหยู่คว้ากระบองเหล็กแล้วขว้างใส่พวกเขา กระบองเหล็กตกลงบนกระจกหน้ารถตรงหน้าที่นั่งผู้โดยสาร

เพล้ง!

หลังจากได้ยินเสียงดังโครม กระจกก็แตกกระจายไปทั่ว ทั้งสองคนตกใจกลัวจนแทบไม่สามารถขยับตัวได้

จากนั้น จ้าวหยู่ก็คว้าร่างของอันธพาลคนหนึ่งจากพื้นแล้วยกเขาขึ้นเหนือหัว เขาคำรามแล้วโยนเขาไปที่ด้านข้างของรถตู้

โครม!

 

คน ๆ นั้นกระแทกเข้ากับรถตู้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกองบนพื้น กระจกหน้าต่างรถแตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงของกระจกแตกดังก้องไปทั่ว

ขณะเดียวกัน ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ สถานที่ถูกปิดล้อมอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเคยเห็นใครดุร้ายเท่าจ้าวหยู่มาก่อน ทุกคนต่างตกตะลึงและยืนงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

หวี้หว่อ หวี้หว่อ หวี้หว่อ

ในที่สุด รถตำรวจก็มาถึง อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นชายร่างกำยำคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น พวกเขาก็สับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

จ้าวหยู่จับพวกเขาทั้งสองกลับมาและตบพวกเขาสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็คำราม

"ไอ้เวรเอ๊ย! แกอยากตายรึไง!? รู้ตัวไหมว่าแกเชี่ยวรถใคร! รีบโทรหาเจ้านายของแกแล้วให้เขามาชดใช้ให้ฉันเดี๋ยวนี้! ค่าไฟรถฉันอย่างน้อยสองแสน และนั่นก็แค่ข้างเดียวเท่านั้น!"

ชายทั้งสองที่ถูกใส่กุญแจมือถูกตีอย่างรุนแรง พวกเขาพยายามอ้อนวอนจ้าวหยู่ แต่เสียงของพวกเขาอู้อี้เสียจนฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

“ฮีโร่! ฮีโร่ของฉัน!” ทันใดนั้น ชายเปลือยกายที่ถูกมัดไว้ก่อนหน้านี้ก็วิ่งไปข้างหน้าจ้าวหยู่ และกอดต้นขาของเขา

“ไสหัวไปซะ!”

จ้าวหยู่พูดพร้อมกับเตะชายคนนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากชายคนนั้นอยู่ในสภาพเปลือยกาย ซึ่งเขารู้สึกไม่ดีที่คนที่อยู่ในสภาพนั้นมาเกาะแกะเขา

“คุณบอกเงินเดือนที่คุณต้องการมาได้เลย” ชายคนนั้นก็ยังเข้ามาหาจ้าวหยู่อย่างไม่ละอาย พร้อมกับพูดว่า “ฉันอยากจ้างคุณมาเป็นบอดี้การ์ดของฉัน ฉันขอรับรองว่าคุณจะมีอนาคตที่สดใส”

จ้าวหยู่จ้องมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างละเอียด แม้ว่าเลือดจะไหลจากศีรษะของเขา แต่ผิวพรรณของชายหนุ่มกลับยังดูดี และไร้ร่องรอยความเสียหายจากอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงมีบางสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ แม้ในสถานการณ์นี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้จ้าวหยู่ไม่ได้ช่วยอะไรชายหนุ่มเลย แต่ชายหนุ่มกลับสามารถแก้มัดตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา

“พี่ชาย ขอบคุณมากที่จัดการไอ้พวกสารเลวพวกนี้!” จากนั้น เขาก็ยกขาขึ้น และเตะคนที่ใส่กุญแจมืออยู่คนหนึ่งแล้วพูดว่า “แกกล้าดียังไงมายุ่งกับฉัน ฉันคือหม่าเหล่าตานแห่งถนนจินผิงนะเว้ย!”

“หม่าเหล่าตาน!” ทันใดนั้น ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาพูดขึ้น

แม้ว่าเธอจะหลุดจากเชือกแล้ว แต่เธอก็ยังหาอะไรที่เหมาะสมมาคลุมตัวไม่ได้ ในขณะนั้นเอง เธอโกรธและวิ่งเข้าไปหาชายคนนั้นและตะโกนใส่

“ฉันขอเลิกกับคุณ! การคบกับคุณ มันทำให้ฉันเกือบตาย! แล้วดูนี่สิ…” เธอกางแขนออกและหันไปพูดกับฝูงชนที่มามุงดู “ศักดิ์ศรีของฉันต้องสูญสิ้นไปเพราะคุณ! จากนี้ไปฉันจะมองหน้าใครอีกได้!?”

เสียงของเธอแหลมและเต็มไปด้วยความโกรธ ทุกคำที่พูดเหมือนจะทะลุผ่านความรู้สึกเจ็บปวดที่เธอเก็บไว้ในใจมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

แชะ แชะ แชะ

ดูเหมือนว่าทุกอย่างได้รับการวางแผนไว้ล่วงหน้า ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างหยิบกล้องขึ้นมาอีกครั้ง และแสงแฟลชก็เริ่มสาดส่อง เมื่อพวกเขาถ่ายภาพเพิ่มเติม ขณะที่พวกเขาทำเช่นนั้น ตำรวจจราจรก็เข้ามาล้อมรอบพวกเขาทันที และห้ามไม่ให้ฝูงชนถ่ายรูปเพิ่มเติม

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะนะ ที่รัก” ชายที่ชื่อหม่าเหล่าตานพยายามปลอบเธอ จากนั้นก็หันไปพูดกับฝูงชนว่า “ไม่มีอะไรต้องอายหรอก เราไปถ่ายรูปกันเถอะ พรุ่งนี้เราจะโด่งดัง และมีผู้ติดตามมากมาย!”

จ้าวหยู่สบถด่าในใจและคิดว่า

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!? ทำไมเขาถึงหน้าหนาแบบนี้!? ขนาดยืนเปลือยกายในที่สาธารณะแล้วยังจะกล้าพูดจาล้อเล่นอีก!’

“ฮีโร่ของฉัน! มาคุยเรื่องธุรกิจกันต่อเถอะ!” หม่าเหล่าตานพูดกับจ้าวหยู่ “วันนี้คุณช่วยฉันไว้ ฉันจะต้องตอบแทนคุณ! เราไปดื่มที่ร้านอาหารทรีเดลคาซีกันเถอะ คุณสะดวกรึเปล่า?”

“ไอ้เวรเอ๊ย!” จ้าวหยู่ตะโกนออกมา เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะบ้า เขารีบหยิบบัตรประจำตัวตำรวจออกมาแล้วตะโกนว่า “หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ!”

ขณะที่จ้าวหยู่ตะโกน พวกอันธพาลที่นอนกองอยู่บนพื้นก็ดูหวาดกลัวมากขึ้น บางคนถึงกับอยากหันหลังแล้ววิ่งหนี อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือกระดูกหัก จึงไม่มีใครสามารถหลบหนีได้

“ตำรวจเหรอ? เยี่ยมไปเลย!” หม่าเหล่าตานรีบทำความเคารพอย่างติดตลก จากนั้นก็บอกจ้าวหยู่ว่า “รีบจับพวกเขาทั้งหมด แล้วโยนพวกเขาเข้าคุกซะ พวกเขาทั้งหมดมาจากบริษัทสินเชื่อเหอเซิง พวกเขาเห็นว่าพ่อของฉันหายตัวไป จึงพยายามจับตัวฉันเพื่อแก้แค้น ดังนั้น ฉันจึงอยากฟ้องพวกเขาในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย… และพวกเขายังทำให้แฟนของฉันต้องอับอายในที่สาธารณะอีกด้วย!”

ขณะที่เขาดูหม่าเหล่าตานพูดพล่ามไปเรื่อย ๆ จ้าวหยู่ก็พูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ตอบกลับว่า

“คุณรีบไปใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะแจ้งข้อหาคุณในข้อหาอนาจาร!”

“ไม่เป็นไร จริงสิ เหมยลี่” เขาหันไปเรียกผู้หญิงที่ชื่อเหมยลี่อย่างชัดเจน หม่าเหล่าตานบอกเธอว่า “รีบ ๆ โพสท่าซะ ปล่อยให้ทุกคนถ่ายรูปคุณสิ ด้วยหุ่นสุดฮอตของคุณ อาจมีคนที่จ้างคุณเป็นนางแบบก็ได้!”

“ไอ้สวะเอ๊ย! แกมันหน้าไม่อาย! ฮึ่ม!” ผู้หญิงคนนั้นชูนิ้วกลางให้หม่าเหล่าตานแล้วหันหลังเดินเข้าไปหาฝูงชน จากนั้นก็มีตำรวจคนหนึ่งทนไม่ไหว เขาจึงยื่นเสื้อผ้าให้เธอเพื่อปกปิดร่างกาย

จากนั้น คนอื่นก็โยนเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งไปให้หม่าเหล่าตาน แต่หม่าเหล่าตานยังคงยืนกรานที่จะเปลือยกายอยู่

ในตอนแรก จ้าวหยู่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคู่รักคู่นี้เลย เขาเพียงแค่ต้องการรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เพื่อที่พวกเขาจะได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาได้ แต่ทันใดนั้น เขาก็จำบางอย่างที่หม่าเหล่าตานพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้… ซึ่งคำพูดนั้นยังคงติดอยู่ในใจเขา

‘บางครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญเสมอไป’

คำพูดนั้นทำให้จ้าวหยู่เริ่มคิดทบทวน และรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่าที่เขาคิด

จ้าวหยู่รีบเข้าควบคุมหม่าเหล่าตานอย่างรวดเร็วและถามว่า

"คุณบอกว่าคุณมาจากถนนจินผิงใช่ไหม?"

“ทำไม? คุณรู้สึกกลัวฉายาของฉันงั้นเหรอ?” หม่าเหล่าตานรู้สึกภูมิใจในตัวเองขณะพูดว่า “ใช่แล้ว ถนนจินผิง! ที่นั่นเป็นถิ่นของพ่อของฉัน!”

จ้าวหยู่จับเขาไว้แน่นและถามว่า

“ถ้าอย่างนั้น… เคยได้คนที่ชื่อ ชุ่ยหลี่จู บ้างมั้ย!? คุณรู้จักเธอรึเปล่า!?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด