บทที่ 2 ญาติพี่น้อง
เมืองลั่วเฉิง หมู่บ้านจงหยาง
เฉินซัวกับหวังฮุ่ยหลิงยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง บนกำแพงสีครีมด้านนอกมีป้ายไม้แท้เขียนว่า "หมู่บ้านจงหยาง บ้านเลขที่ 33 ขอให้สงบสุข"
หวังฮุ่ยหลิงพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "ตอนที่บ้านพี่ชายนายเพิ่งย้ายมา พี่สะใภ้ก็ชวนพวกเราไปกินบาร์บีคิวที่บ้านบ่อยๆ ทำเหมือนมีแต่บ้านเขาที่เป็นบ้านหรูมีสวน อวดไปทั่ว!"
"ตอนนี้เธอก็มีบ้านหรูแล้วไม่ใช่เหรอ" เฉินซัวพูดอย่างภาคภูมิใจ "ถ้าไม่ใช่เพราะผัวเธอฉลาด เธอจะได้อยู่บ้านหรูแบบนี้เหรอ?"
หวังฮุ่ยหลิงเกาะแขนเฉินซัวด้วยความดีใจ "ดูทำเป็นเก่งไปได้!"
เฉินซัวใช้ลายนิ้วมือเปิดประตู พอประตูเปิดออกก็เห็นห้องโถงสูงโปร่งพร้อมโคมไฟคริสตัล ภายในห้องมีโซฟาหนังแท้นำเข้าจากอิตาลี
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะกลางคือรูปถ่ายขาวดำของพ่อแม่เฉินจี้ ด้านหน้ายังมีผลไม้สดวางอยู่
หวังฮุ่ยหลิงบ่นอย่างไม่พอใจ "ทำไมเอารูปคนตายมาวางในห้องรับแขกแบบนี้ เฉินจี้ไม่รู้จักมารยาทหรือไง ไม่รู้สึกขนลุกบ้างเหรอ? ถึงเขาจะไม่รู้สึกอะไร แต่แขกที่มาเห็นจะรู้สึกยังไง?"
เสียงดังโครม! เฉินซัวจัดการโยนรูปถ่ายลงถังขยะอย่างไม่ไยดี
ตอนนั้นเขาอยากร่วมทุนทำธุรกิจใหญ่ จึงขอยืมเงินพี่ชายสี่ล้านหยวน แต่พี่ชายกลับบอกว่าเขาไม่เหมาะกับธุรกิจใหญ่ ให้แค่สองแสนหยวนไปเปิดร้านสะดวกซื้อเล็กๆ เหมือนคิดว่าเขาเป็นขอทาน
หวังฮุ่ยหลิงนั่งลงบนโซฟาหนัง ลูบนั่นลูบนี่ไปทั่ว เธอมองทีวีจอแอลซีดีขนาด 100 นิ้วตรงข้าม พูดอย่างดีใจ "ดูซีรี่ส์ที่นี่คงสบายมากเลย พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนเทพเจ้าจริงๆ"
"จะดูทีวีอะไรตอนนี้ รีบขึ้นไปหาโฉนดบ้านดีกว่า ฉันจำได้ว่าพวกเขายังซื้อทองคำเก็บไว้ด้วย หาให้เจอ"
บนผนังระเบียงชั้นสองติดเต็มไปด้วยใบประกาศเกียรติคุณ "นักเรียนดีเด่น" "รางวัลชนะเลิศการแข่งขันหมากล้อมเมืองลั่วเฉิง" ล้วนเป็นของเฉินจี้
หวังฮุ่ยหลิงเห็นภาพเหล่านั้นก็แสยะปาก "ทุกครั้งที่มาที่นี่ พี่สะใภ้ก็ต้องลากฉันขึ้นมาดูชั้นสองนี่ อวดไม่เลิก รีบเอาลงไปทิ้งซะ เห็นแล้วรำคาญ"
หวังฮุ่ยหลิงรีบถอดใบประกาศทั้งหมดโยนทิ้งที่พื้น ไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว
พอเปิดประตูห้องนอนแต่ละห้อง ในห้องนอนของเฉินจี้เต็มไปด้วยหนังสือกองสูง ส่วนใหญ่เป็นหนังสือความรู้ทั่วไปด้านการทหาร นิยายสืบสวน สอบสวน จารกรรม และหนังสือความรู้เฉพาะทางมากมาย
บนโต๊ะยังมีจดหมายตอบรับเข้าเรียนจากวิทยาลัยภาษาต่างประเทศของกองทัพบกวางอยู่
เฉินซัวกับหวังฮุ่ยหลิงค้นหาในห้องไปทั่ว พร้อมกับเก็บกวาดข้าวของของครอบครัวเฉินจี้ออกไปทิ้ง ราวกับว่าต้องกำจัดร่องรอยพวกนี้ออกไปให้หมด บ้านถึงจะเป็นของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
ในห้องรับแขก เฉินซัวเกาหนังศีรษะที่ผมร่วงไปมาก "เอ๊ะ โฉนดบ้านอยู่ไหน? เอกสารกรรมสิทธิ์ของเฉินจี้เก็บไว้ที่ไหน?"
"เขาอาจจะเดาอะไรได้บ้าง เลยเอาโฉนดไปซ่อนไว้ข้างนอกรึเปล่า?"
"คงไม่หรอกมั้ง หมอหลิวบอกว่าเขายังคิดว่าพวกเราหวังดีกับเขาอยู่เลย"
หวังฮุ่ยหลิงรีบพูด "พวกเราก็หวังดีกับเขาจริงๆ นั่นแหละ! หลังจากพ่อแม่เขาจากไป เขาก็ขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องมีปัญหาแน่ๆ ตัดขาดจากสังคมไปหมดแล้ว!"
ดิ้ง ด่อง
เสียงกริ่งดังขึ้น
เฉินซัวชะงัก "ดึกป่านนี้แล้ว ใครกันนะ?"
เขาเดินไปเปิดประตู ด้านนอกเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดจีนสีดำ ผิวคล้ำ ผมสั้นเกรียนดูเฉียบขาด "เฉินจี้อยู่ไหม?"
เฉินซัวมองอย่างสงสัย "เฉินจี้ไม่อยู่บ้าน มีธุระอะไรคุยกับผมได้ ผมเป็นน้าของเขาเอง"
"น้าเหรอ?" ชายวัยกลางคนผลักเฉินซัวเดินเข้ามา ตอนนี้เฉินซัวถึงเห็นว่าด้านหลังเขายังมีคนอีกคน
คนคนนั้นหัวล้านเลี่ยน แต่มีแผลเป็นยาวกว่าสิบเซนติเมตร เหมือนตัวกิ้งกือที่ทอดยาวจากกลางกระหม่อมไปถึงท้ายทอย
"คุณเป็นใครกันแน่?" หวังฮุ่ยหลิงถอยหลังด้วยความกลัว "พวกเราจะแจ้งตำรวจนะ!"
ชายวัยกลางคนมองไปรอบห้องอย่างไม่สนใจคนอื่น "เพื่อนๆ ชอบเรียกผมว่าเผาเกอ ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้บ้างเล็กๆ น้อยๆ คนข้างหลังนี่เป็นน้องชายผม เอ้อร์เตา อย่าตกใจไป แผลเป็นของเอ้อร์เตาดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วแค่พลาดตกจากที่สูงตอนทำงานก่อสร้าง ตอนนี้สมองไม่ค่อยดี ทำอะไรตรงไปตรงมาหน่อย"
เผาเกอพูดต่อ "ที่พวกเรามาที่นี่ เพราะเฉินจี้เอาบ้านหลังนี้มาจำนอง เขาโทรมาบอกบ่ายนี้ว่าไม่มีเงินจ่าย ให้ผมมายึดบ้าน"
"อะไรนะ?!" หวังฮุ่ยหลิงตกใจสุดขีด "เขาเอาบ้านไปจำนองได้ยังไง บ้านหลังนี้เป็นของพวกเรานะ!"
"อ้อ?" เผาเกอพูดอย่างใจเย็น "ในโฉนดเขียนชื่อเฉินจี้ เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ?"
"เขาจำนองไปเท่าไหร่?" เฉินซัวถามอย่างตื่นตระหนก
"หนึ่งล้านห้าแสนหยวน" เผาเกอนั่งอย่างสบายอารมณ์บนโซฟา "พวกเราทำธุรกิจมีหลักการ ถ้าลูกค้าจ่ายทั้งต้นทั้งดอกได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ผมสนใจบ้านหลังนี้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเงิน บ้านเป็นของผม"
"ไม่ได้!" หวังฮุ่ยหลิงร้องเสียงแหลม "เฉินจี้เป็นคนไข้จิตเวช สัญญาจำนองที่เขาเซ็นใช้ไม่ได้"
คำพูดนี้ก็เตือนสติเฉินซัว เขารีบพูด "ใช่ เฉินจี้เป็นคนไข้จิตเวช เรามีใบวินิจฉัยของเขาอยู่นี่!"
เผาเกอขมวดคิ้ว
เขาดูวันที่ในใบวินิจฉัยของเฉินซัว แล้วหัวเราะอย่างโกรธๆ เฉินจี้นัดให้เขามายึดบ้านคืนนี้ แต่กลับแอบทำใบวินิจฉัยออกมา ชัดเจนว่าต้องการหลอกเขา ไม่มีเงินจ่ายหนี้ก็เข้าใจได้ แต่คิดว่าเขาโง่ก็เกินไปแล้ว "ที่แท้ก็รอผมอยู่ตรงนี้ พวกคุณวางแผนกันจะเล่นงานผมสินะ คุกเข่า"
"อะไรนะ?" เฉินซัวแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับคำสองคำสุดท้าย
เอ้อร์เตา "พี่เผาเกอ คุกเข่าตรงไหน?"
"คุกเข่าตรงหน้าฉัน"
ก่อนที่เฉินซัวกับหวังฮุ่ยหลิงจะทันได้ตั้งตัว เอ้อร์เตาก็ลากทั้งสองคนมาหน้าเผาเกอ เตะที่ข้อพับเข่าคนละที ทั้งสองคนก็คุกเข่าลงตรงหน้าเผาเกอทันที
เผาเกอก้มลงมองหน้าเฉินซัว "ผมคลุกคลีในวงการสังคมมาหลายปี อะไรไม่เคยเจอ พวกคุณคิดว็าจะมาเล่นงานผมได้? หักนิ้วมือสักนิ้วแล้วค่อยคุยกันดีๆ"
เอ้อร์เตา "หักนิ้วไหน?"
"นิ้วชี้"
เอ้อร์เตา "หักตรงข้อไหน?"
เผาเกอเกาคิ้วอย่างเซ็ง "ข้อที่สองแล้วกัน"
บทสนทนาของทั้งสองคนช่างประหลาด เอ้อร์เตาทำอะไรตามขั้นตอนไม่มีพลาด เผาเกอสั่งอะไร เขาก็ทำอย่างนั้น
มือของเอ้อร์เตาราวกับคีมเหล็กจับนิ้วชี้ของเฉินซัว เสียงกร๊อบดังขึ้นพร้อมกับหักข้อที่สองอย่างแม่นยำ
"อ๊าก!" เฉินซัวร้องด้วยความเจ็บปวด
"ฉันจะแจ้งตำรวจ!" หวังฮุ่ยหลิงตะโกน
เผาเกอ "เอ้อร์เตา ตบเธอ"
"ตบแรงแค่ไหน?"
เผาเกอหัวเราะเย็น "ตบให้เห็นย่าทวดเลย"
เอ้อร์เตาครุ่นคิดสองวินาที ก่อนจะตวัดมือตบเต็มแรง ตบจนหวังฮุ่ยหลิงตาลาย
หลังจากตบเสร็จ เอ้อร์เตาสังเกตสีหน้าของหวังฮุ่ยหลิง แล้วหันไปบอกเผาเกออย่างจริงจัง "น่าจะเห็นแล้วครับ"
เผาเกอหยิบใบวินิจฉัยจากมือเฉินซัว "ผมเป็นคนทำงานมีเหตุผล เมื่อเฉินจี้บอกว่าไม่มีเงินจ่าย บ้านก็เป็นของผม ตามหลักการแล้วเรื่องควรจบแค่นี้ แต่ว่า ผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาหลอกที่สุด พวกคุณวางแผนหลอกผม ก็ต้องรับผลของการหลอกผม"
"ไม่ใช่!" เฉินซัวค่อยๆ เข้าใจ "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่! เรื่องนี้ไม่ใช่พวกเราวางแผนหลอกคุณ แต่เป็นเฉินจี้ที่วางแผนหลอกคุณ พวกเราก็โดนหลอกด้วย!"
"อ้อ?"
เฉินซัวเหงื่อเย็นผุดที่หน้าผากด้วยความเจ็บปวด "เฉินจี้บอกว่าเขาไม่มีเงินจ่าย เลยนัดให้คุณมายึดบ้าน แต่ตามที่ผมรู้มา พ่อแม่เขาทิ้งเงินไว้ให้อย่างน้อยสามสิบล้านหยวน! ดังนั้นเขาไม่มีทางขาดเงิน ไม่จำเป็นต้องจำนองบ้านหลังนี้ และไม่มีทางที่จะไม่มีเงินจ่ายคุณ!"
คำพูดนี้ทำให้เผาเกอแปลกใจ เฉินจี้ไม่ได้ขาดเงิน?
ในขณะที่วิเคราะห์ สมองของเฉินซัวก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้น: การแสดงทั้งหมดของเฉินจี้ที่โรงพยาบาลจิตเวชชิงซานในตอนบ่ายล้วนเป็นการแสดง เพื่อให้พวกเขาเอาใบวินิจฉัยมายั่วโทสะเผาเกอ ส่วนตัวเฉินจี้เองก็หลบอยู่ในโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เฉินจี้ไม่เลือกธนาคารที่ถูกกฎหมาย แต่กลับเลือกคนโหดในวงการมืดมารับบ้าน!
เผาเกอครุ่นคิด "เฉินจี้? ผมเห็นเขาดูซื่อๆ ขี้อายนะ อย่าบอกนะว่าคุณกำลังหลอกผม"
เขานึกถึงความประทับใจแรกที่มีต่อเฉินจี้ ตอนเซ็นสัญญาเฉินจี้ดูขี้อายพูดน้อยมาก
นักเรียนที่เติบโตในเรือนกระจกแบบนี้ จะมีความคิดวางแผนหลอกทุกคนได้ยังไง?
เฉินซัวเห็นเขาลังเล จึงอธิบายต่อ "คุณไม่เห็นหรือว่าเขาหลอกผมด้วย ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาไปทำสัญญาจำนองกับคุณ นี่ยังไม่พอจะอธิบายอะไรหรือ? แล้วคุณก็อยากได้บ้านหลังนี้ใช่ไหม เขามีเงินพร้อมจ่ายคุณได้ตลอดเวลา รอให้คุณจัดการผมเสร็จแล้วเขาค่อยไถ่บ้านคืน คุณก็ได้แค่ดอกเบี้ยนิดหน่อย! เขากำลังเล่นงานคุณ!"
เผาเกอยิ้มจาง "ตามที่คุณพูด ผมโดนเด็กมัธยมคนหนึ่งใช้งานงั้นสิ?"
"เขาไม่ใช่เด็กมัธยมแล้ว เขาสอบติดวิทยาลัยภาษาต่างประเทศของกองทัพบกผ่านโควต้าพิเศษแล้ว"
เผาเกอเลิกคิ้ว "โรงเรียนนี้ไม่ได้สอนแค่ภาษาต่างประเทศนะ คนที่จบออกมาล้วนเป็นทูตทหารประจำต่างประเทศ... น่าสนใจ ตอนนี้เฉินจี้อยู่ที่ไหน?"
"อยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน!"
(จบบทที่ 2)