บทที่ 15 ตายล่ะ เขาเป็นอาจารย์ของข้านี่นา!
"ขอประมุขสำนักโปรดสงบพระทัย" รองเฒ่าขมวดคิ้วแน่น "ผู้อาวุโสใหญ่เป็นยอดฝีมือระดับจินกังขั้นเก้า การที่จะสังหารท่านได้โดยไร้เสียงนั้นมีความเป็นไปได้เพียงไม่กี่กรณี..."
"หนึ่ง ผู้อาวุโสใหญ่อาจถูกผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันรุมโจมตี แต่ข้อนี้เราสามารถตัดทิ้งได้ เพราะสำนักอินซาของเราไม่มีศัตรูคู่อาฆาตใดในอาณาเขตของแคว้นหนานเจา"
"สอง ผู้อาวุโสใหญ่อาจเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเซินโหยว!"
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่ประมุขสำนักซือถูเฟิงก็สงบลงไม่น้อย
ระดับเซินโหยว?
หากไปล่วงเกินยอดฝีมือระดับนี้เข้า มันก็ยุ่งยากหน่อยนะ
แม้ซือถูเฟิงจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซินโหยว แต่ก็เพียงขั้นหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งสิบปีที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ก้าวหน้า เหลือเพียงก้าวเดียวก็จะทะลวงสู่เซินโหยวขั้นสอง
ทั่วทั้งแคว้นหนานเจา แทบจะหายอดฝีมือระดับเซินโหยวไม่ได้กี่คน
แม้แต่ราชวงศ์แคว้นหนานเจา บรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงเซินโหยวขั้นหนึ่งเท่านั้น
แต่ปัญหาก็คือ ยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นหนึ่งไม่น่าจะทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่มีโอกาสส่งสัญญาณถึงสำนัก
ยอดฝีมือระดับจินกังขั้นเก้าเมื่อเผชิญหน้ากับเซินโหยวขั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็มีโอกาสรอด 10% และการส่งสัญญาณย่อมทำได้แน่นอน
นั่นหมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นสอง หรืออาจถึงขั้นสาม!
"ท่านรองพูดถูก" ซือถูเฟิงใจเย็นลงไม่น้อย วิเคราะห์ว่า "ผู้อาวุโสใหญ่พาซูโม่ไปที่แคว้นเฟิงโม่ ท่านลองไปสืบที่ราชสำนักแคว้นหนานเจาดู ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เรื่องใหญ่ขนาดนี้ราชสำนักต้องรู้แน่..."
แม้ซือถูเฟิงจะโกรธแค้น แต่ก็ยังมีสติ
หากจริงๆ ไปล่วงเกินยอดฝีมือระดับนี้เข้า สำนักอินซาของเขาก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะรับมืออย่างไร
วันนั้นเอง รองเฒ่าก็ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นหนานเจา
ที่ราชสำนักแคว้นหนานเจา
"ฝ่าบาท รองเฒ่าแห่งสำนักอินซาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ"
"จงนำตัวเข้ามา"
"เชิญรองเฒ่าเข้าเฝ้า..."
ฮ่องเต้แคว้นหนานเจาหรี่ตา พึมพำว่า "มาเร็วนัก ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักอินซาตายที่เมืองเจี้ยวเยว่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่..."
"องค์ชายใหญ่ของแคว้นเรานับเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สูงสุดในรอบหลายปี"
"หากราชโอรสสามารถก้าวสู่ระดับเซินโหยวได้ สำนักอินซาก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกเขาอีก"
"แต่ตอนนี้เราก็ไม่ต้องปวดหัวแล้ว สำนักอินซาไปล่วงเกินอะไรใครเข้า พอให้พวกเขาได้ชิมรสบ้าง"
สำหรับราชสำนัก สำนักอินซาก็สร้างความปวดหัวให้พวกเขาไม่น้อย
ต่างจากสำนักเทียนเจี้ยนที่สันโดษอยู่ในเทือกเขาหมื่นลี้ สำนักอินซาตั้งมั่นอยู่ในแคว้นหนานเจาเป็นอิทธิพลใหญ่ ถือเป็นมังกรที่ข้ามแม่น้ำมา
รองเฒ่ากล่าว "ฝ่าบาท ผู้น้อยมาครั้งนี้ตามคำสั่งประมุขสำนัก เพื่อสอบถามเรื่องของผู้อาวุโสใหญ่..."
ฮ่องเต้แสดงสีหน้าประหลาด "รองเฒ่า ท่านยังไม่ได้ยินข่าวลือหรือ?"
"ข่าวลือ?"
"ที่ฝ่าบาทตรัสถึงคือ...?"
รองเฒ่าทำหน้างุนงง มองฮ่องเต้ถาม
"ตระกูลซูในเมืองเจี้ยวเยว่ถูกล้างตระกูลในคืนเดียว ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักอินซาก็เป็นบุตรชายคนโตตระกูลซูไม่ใช่หรือ?"
"ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นข้าจะบอกให้ ตอนนี้ตระกูลกู่ครองอำนาจเด็ดขาดในเมืองเจี้ยวเยว่ และตระกูลกู่ก็ประกาศออกมาแล้วว่า ให้สำนักอินซาสลายตัวภายในสิบวัน มิเช่นนั้นจะไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว!"
"อะไรนะ? มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?"
"มีหรือไม่ ท่านลองไปดูที่เมืองเจี้ยวเยว่เองก็แล้วกัน แม้แต่ในเมืองหลวงก็มีข่าวลือเช่นนี้..."
เมื่อได้ยินดังนั้น รองเฒ่ารู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระหม่อม ลุกขึ้นกล่าว "ขอบพระทัยฝ่าบาท ผู้น้อยขอทูลลา"
"วูบ" เสียงหนึ่งดังขึ้น รองเฒ่าก็หายวับไป
"ฮ่ะๆ" ฮ่องเต้ยกมุมปากขึ้น พึมพำว่า "ดินแดนลับหิมะใกล้จะเปิดแล้ว หากสำนักอินซาล่มสลายจริง ก็จะมีคู่แข่งน้อยลงอีกหนึ่ง"
อีกด้านหนึ่ง
รองเฒ่าเร่งเดินทางมาถึงใกล้เมืองเจี้ยวเยว่
ผู้ที่กล้าประกาศว่าจะไม่ไว้ชีวิตสำนักอินซาแม้แต่คนเดียว ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นสองขึ้นไปแน่ มิเช่นนั้นคงไม่กล้าโอหังถึงเพียงนี้
รองเฒ่าไม่กล้าสืบสวนอย่างเปิดเผย แฝงตัวเข้าเมืองเจี้ยวเยว่เพียงชั่วยาม ก็ได้ยินเรื่องราวหลากหลายเวอร์ชันจากโรงเหล้าและร้านน้ำชา ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับตระกูลกู่ทั้งสิ้น...
ไม่นาน รองเฒ่าก็กลับมาถึงสำนักอินซา
"บัดซบ!"
"มันเป็นใครกัน?"
"แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นสองขึ้นไป ก็ช่างดูถูกคนเกินไปแล้ว!"
"ข้าอยากรู้นักว่า ไอ้คนผู้นี้จะทำให้สำนักอินซาของข้าไม่เหลือใครได้อย่างไร!"
ซือถูเฟิงได้ฟังข่าว สีหน้าดำมืดราวกับจะหยดน้ำได้
"ประมุขสำนัก ข้าน้อยกล้าฟันธง ผู้นี้ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นสองหรือสาม ไม่มีทางเกินเซินโหยวขั้นห้าแน่!"
"ทั้งในแคว้นหนานเจาและจักรวรรดิฮุ่ยเยว่ที่อยู่ติดกัน รวมถึงดินแดนรอบข้าง ไม่มียอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นห้าขึ้นไป"
"ข้าน้อยสงสัยว่าที่ผู้นี้ออกหน้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เป็นการจงใจสร้างข่าวลือกดดัน ให้พวกเราต้องกลืนความขมข่ื่น..."
"รองเฒ่าพูดถูก แต่เราก็ต้องระวังตัว ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเก้าวัน ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ พวกเราต้องหาทางรับมือ"
"ข้าเข้าใจ" ซือถูเฟิงเปล่งประกายเย็นเยียบในดวงตา กล่าวว่า
"ค่ายกลปกป้องสำนักของเราสามารถต้านทานยอดฝีมือระดับเซินโหยวขั้นสี่หรือแม้แต่ขั้นห้าได้ อีกทั้งเพื่อนเก่าของข้าหลายคนก็จะมาช่วย หากมันกล้ามาจริง ข้าจะให้มันชดใช้ด้วยเลือด!"
...
ที่เมืองเจี้ยวเยว่
"ศิษย์ ช่วงนี้ฝึกฝนมีข้อสงสัยอะไรหรือไม่?"
"อาจารย์ สิ่งที่ท่านสอนครั้งก่อนศิษย์ยังไม่เข้าใจทั้งหมดเลย นี่อาจารย์กำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ?" กู่ชิงหานมองหลี่มู่โจวที่กำลังนำสมุนไพรล้ำค่าใส่ลงในบ่อน้ำ ถามอย่างสงสัย
เนื้อหานิยายเรื่องนี้เผยแพร่เฉพาะบนเว็บไซต์ Thai-Novel และ My Novel เท่านั้น
"การฝึกฝนนั้น สำคัญที่การผ่อนหนักผ่อนเบา" หลี่มู่โจวมองกู่ชิงหานที่งดงามดั่งภาพวาด กล่าวว่า "นี่คือน้ำอาบวิเศษที่อาจารย์เตรียมให้เจ้า แหวนเก็บของของผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักอินซามีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย พอดีได้ใช้ประโยชน์"
ขณะพูด หลี่มู่โจวก็เทยาเม็ดระดับสูงหลายขวดลงในน้ำอาบวิเศษ
สมุนไพรและยาเม็ดทั้งหมดที่ใส่ลงไปถูกพลังของหลี่มู่โจวหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำอาบ
จากนั้นหลี่มู่โจวก็หยิบดอกไม้วิเศษออกมาทีละดอก โปรยกลีบดอกไม้ลงในน้ำอาบ
"อาจารย์ดีกับชิงหานเหลือเกิน"
กู่ชิงหานรู้สึกขนหัวลุก หัวใจหวานซาบซ่านราวกับกินน้ำผึ้ง
น้ำอาบวิเศษถังนี้หากคิดมูลค่าแล้ว เพียงพอที่จะซื้อทรัพย์สินของตระกูลใหญ่ได้หลายตระกูล
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่มู่โจวยิ้มเผยฟันขาว "เข้าไปเถิด"
กู่ชิงหานตอบรับเบาๆ รองเท้าที่เท้าหลุดออกเอง มือเอื้อมไปที่เข็มขัดที่เอว
"กระแอม กระแอม"
"อาจารย์ขอตัวก่อน"
"ชิงหาน เจ้าค่อยๆ แช่ รอจนดูดซึมพลังยาทั้งหมดแล้วค่อยออกจากน้ำ..."
หลี่มู่โจวหน้าแดง หากกู่ชิงหานจะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขา ช่างไม่เหมาะสมเลย
พูดจบ หลี่มู่โจวก็ "วูบ" หายวับไป พร้อมกับค่ายกลที่ปกคลุมห้องโดยอัตโนมัติ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นแอบมอง
การให้กู่ชิงหานแช่น้ำอาบวิเศษก็เพื่อให้นางเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว เตรียมรับมือกับดินแดนลับหิมะที่กำลังจะเปิด
มองแผ่นหลังของอาจารย์ที่หนีไป กู่ชิงหานพึมพำ "อาจารย์ช่างเป็นคนดีจริงๆ..."
ในบ่อน้ำอาบวิเศษ
กู่ชิงหานดูดซึมพลังยาอย่างเต็มที่ ร่างงามไร้ที่ติในน้ำเห็นๆ หายๆ หน้าอกขาวผ่องลอยอยู่บนผิวน้ำ...
ในช่วงหนึ่ง ความรู้สึกสบายแล่นไปทั่วร่าง มือข้างหนึ่งของนางไม่รู้ตัวลูบไล้หน้าอกที่ลอยขึ้นของตน ปล่อยเสียงครางแผ่วเบาด้วยความสุขสม
"ถ้าอาจารย์มาแช่ด้วยกันก็คงดี..."
"ตายล่ะ เขาเป็นอาจารย์ของข้านี่นา"
"กู่ชิงหาน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่...?"
กู่ชิงหานสะดุ้งตื่น ความแดงระเรื่อแล่นจากแก้มไปถึงลำคอ
(จบบท)