ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 การเดินทางข้ามเวลา

บทที่ 1 รายงานโลกปัจจุบัน


บทที่ 1 

“มู่หรงฟู่คุณยินดีที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อข้า รวมถึงชีวิตของคุณหรือเปล่า?” ข้างถนนแห่งหนึ่ง หญิงสาวที่แต่งกายเรียบง่ายแต่มีความงดงามไร้ที่ติถามขึ้นด้วย

น้ำเสียงอ่อนโยน

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอ ชื่อมู่หรงฟู่ตอบโดยไม่ลังเลว่า “ผมยินดีครับ”

ทันใดนั้น ใบหน้าของหญิงสาวก็เปล่งประกายดุจดอกไม้แรกแย้ม แก้มขาวเนียนเผยลักยิ้มเล็กๆ ดวงตาสดใสเปี่ยมด้วยความสุข

แม้ว่าคำถามจะดูเชยและคำตอบยากที่จะพิสูจน์ได้ แต่ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกสุขใจและพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก

มู่หรงฟู่เห็นหญิงสาวมีความไร้เดียงสาเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร เขากระชับแขนที่โอบเอวบางของเธอไว้แน่นขึ้น เมื่อมองเห็นความงดงามของเธอในขณะนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าไปใกล้

หญิงสาวรับรู้ถึงความตั้งใจของเขา ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่เธอก็หลับตาลงและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงแตรรถ “ปี๊น…ปี๊น…ปี๊น…” ดังขึ้นอย่างแสบแก้วหู มู่หรงฟู่ตกใจ รีบเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังพุ่งมาจากระยะไกลด้วยความเร็วสูง

มู่หรงฟู่ที่ตกใจแทบจะสบถออกมา พวกเขายืนอยู่บนทางเท้า ห่างจากถนนตั้งไกล ทำไมต้องบีบแตรด้วย ตั้งใจมาก่อกวนหรือไง

เสียงแตร “ปี๊น…ปี๊น…ปี๊น…” ยิ่งดังเร่งเร้ามากขึ้น มู่หรงฟู่หันไปมองรอบๆ และพบว่าเด็กคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนนห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่เมตร

รถบรรทุกอยู่ใกล้เด็กมากแล้ว เสียงเบรกดัง “เอี๊ยด…เอี๊ยด…เอี๊ยด” แต่ความเร็วของรถไม่ได้ลดลงเลย เด็กดูเหมือนจะตกใจจนขยับตัวไม่ได้ ยืนนิ่งอยู่กับที่

หากมู่หรงฟู่วิ่งเข้าไปช่วยในตอนนั้น เขาอาจช่วยเด็กได้ แต่เขาก็ต้องเสี่ยงชีวิตอย่างมาก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละทิ้งความคิดนั้นในใจ

ขณะที่รถบรรทุกกำลังจะชนเด็ก รถก็หักเลี้ยวอย่างกะทันหัน มุ่งตรงมาทางมู่หรงฟู่และหญิงสาวแทน

มู่หรงฟู่ตั้งท่าวิ่งหนีทันที แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงผลักมหาศาลที่พยายามดันเขาออกจากจุดนั้น เมื่อก้มมองก็พบว่าเป็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาที่กำลังผลักเขาออกไป

มู่หรงฟู่ไม่มีเวลาคิด เขาใช้แรงถีบตัวและผลักหญิงสาวออกไปแทน

ทุกอย่างรอบตัวพลันมืดสนิท ความคิดสุดท้ายในหัวของเขาคือ “ไม่คิดเลยว่ากรรมจะตามมาทันเร็วขนาดนี้”

วันต่อมา หนังสือพิมพ์ในเมืองลงข่าวพาดหัวว่า “นักศึกษามหาวิทยาลัยยอมสละชีวิตเพื่อช่วยแฟนสาว หญิงสาวปฏิญาณว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต!”

กลางดึก ท่ามกลางสายฟ้าฟาดและลมพายุในห้องมืดมิดที่มีเพียงแสงเทียนริบหรี่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับตาอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวราวกับใกล้สิ้นใจ

จู่ๆ เสียงร้อง “อ๊าก” ดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม มู่หรงฟู่เริ่มได้สติกลับมา แต่เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกบดขยี้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แม้แต่จะลืมตาก็ยังเป็นไปไม่ได้

“ฟู๋เอ๋อร์…ฟู๋เอ๋อร์…” เสียงผู้หญิงดังขึ้นข้างหู

“ฟู๋เอ๋อร์? ใครเรียกข้าแบบนี้?” มู่หรงฟู่รู้สึกแปลกใจในความมึนงง แต่เมื่อคิดว่ามีคนอยู่ด้วย เขาก็โล่งใจว่า “อย่างน้อยข้าก็รอดชีวิตมาได้”

“โอ๊ย! เจ็บมาก!” จู่ๆ มู่หรงฟู่ร้องออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับมีหนอนนับพันไชเข้าไปในสมอง เขากำหมัดทุบหัวตัวเองโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด

เสียงข้างหูดังขึ้นอีกว่า “ฟู๋เอ๋อร์ อดทนหน่อย หมอเทวดาบอกว่าเจ็บแค่สักพักแล้วจะดีขึ้น” แต่มู่หรงฟู่ที่กำลังเจ็บปวดสุดขีดไม่สามารถคิดอะไรได้เลย เพียงแค่ต้องการให้ความเจ็บปวดนี้หมดไป

จู่ๆ เขารู้สึกว่ามือและเท้าของเขาถูกกดไว้แน่นจนขยับไม่ได้ หลังจากดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หมดสติไปอีกครั้ง

ในขณะนั้น หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังจับมือและเท้าของมู่หรงฟู่ไว้แน่น เมื่อเห็นเขาหมดสติไป สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นกังวล นางหันไปมองชายชราเครายาวที่ยืนอยู่หน้าเตียง

ชายชราลูบเคราอย่างใจเย็นก่อนจะกล่าวว่า “โรคของคุณชายซับซ้อนมาก เริ่มจากฝึกวรยุทธ์จนธาตุไฟเข้าแทรก ต่อด้วยความเย็นแทรกซึม และสุดท้ายยังมีสาเหตุบางอย่างที่ไม่ทราบแน่ชัดทำให้หมดสติ”

ชายชราหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าตรวจดูเส้นลมปราณและอวัยวะภายในแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติ แม้จะไม่รู้สาเหตุของโรค แต่เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาได้ก็แสดงว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว หากข้ารักษาต่อไปย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับค่ารักษานั้น…” เขาหยุดพูดแล้วมองหญิงวัยกลางคนด้วยสายตาเรียบเฉย

หญิงวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันแล้วกล่าวว่า “ตกลง! หากหมอเทวดารักษาลูกชายข้าได้ ข้ายอมจ่ายค่ารักษา!” ชายชรายิ้มพลางพยักหน้า

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มู่หรงฟู่ค่อยๆ ได้สติอีกครั้ง คราวนี้เขาสามารถลืมตาได้แล้ว สิ่งแรกที่เห็นกลับไม่ใช่เพดานสีขาวในโรงพยาบาล แต่เป็นคานไม้ที่ดูเก่าแก่ เขาหมุนดวงตาสำรวจรอบๆ พบว่านี่คือห้องที่มีบรรยากาศแบบโบราณ

“นี่มันโรงพยาบาลอะไรเนี่ย? ยังมีห้องพักแบบนี้ด้วย?” มู่หรงฟู่คิดในใจด้วยความสงสัย

เสียงประตูไม้ดัง “เอี๊ยด” เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง มือถือถาดไม้ใบหนึ่ง

เด็กหญิงมองมาที่เตียง เมื่อเห็นว่ามู่หรงฟู่ลืมตาแล้ว นางก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจว่า “คุณชาย คุณตื่นแล้ว!”

“คุณชาย?” มู่หรงฟู่รู้สึกงุนงง แม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ถึงกับยากจน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดที่ใครจะเรียกเขาว่า “คุณชาย”

เขามองเด็กหญิงอย่างละเอียด นางดูอายุประมาณแปดหรือเก้าขวบ ใบหน้ากลมเล็กน่ารัก มีรอยยิ้มสดใส สวมชุดสีแดงที่ดูสดใสชวนมอง

มู่หรงฟู่พยายามลุกขึ้นนั่ง แต่กลับพบว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง เขาพยายามจะพูด แต่รู้สึกเหมือนลำคอถูกอุดไว้จนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้

เด็กหญิงเดินเข้ามาใกล้เตียง เห็นมู่หรงฟู่ขยับปากเหมือนจะพูด นางก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณชาย หิวหรือเจ้าค่ะ? เดี๋ยวข้าน้อยจะป้อนน้ำแกงให้ท่าน”

เด็กหญิงใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของมู่หรงฟู่เบาๆ แล้วค่อยๆ แย้มริมฝีปากของเขา อีกมือหนึ่งตักน้ำแกงด้วยช้อนไม้ เป่าเบาๆ เพื่อให้เย็นลง จากนั้นจึงลองแตะน้ำแกงด้วยลิ้นเล็กๆ ของนางเพื่อเช็คอุณหภูมิ ก่อนจะป้อนน้ำแกงให้มู่หรงฟู่ช้าๆ

“เด็กคนนี้เป็นใครกัน? ตัวแค่นี้แต่ดูเอาใจใส่มาก!” มู่หรงฟู่คิดอย่างแปลกใจ

น้ำแกงไหลเข้าปาก เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันรสชาติเป็นอย่างไร แต่ไม่นานก็รู้สึกอุ่นวาบในท้อง คล้ายมีพลังงานบางอย่างไหลวนอยู่ในนั้นก่อนจะหายไป

ดวงตาของมู่หรงฟู่เปล่งประกาย รู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีแรงขึ้นมาบ้าง เขาอยากดื่มน้ำแกงทั้งหมดในรวดเดียว

เด็กหญิงสังเกตเห็นท่าทางรีบร้อนของเขา นางพูดขึ้นว่า “คุณชาย อย่ารีบสิ เดี๋ยวก็สำลักหรอกเจ้าค่ะ!”

แต่เมื่อเห็นมู่หรงฟู่ดูมีความอยากอาหาร นางก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “นี่เป็นน้ำแกงถ้วยสุดท้ายแล้วเจ้าค่ะ ถ้าคุณชายยังไม่ฟื้นขึ้นมา ฮูหยินคงต้องไปตามหมอเทวดามาอีก”

ไม่นาน น้ำแกงก็หมด มู่หรงฟู่กระแอมเบาๆ รู้สึกว่าลำคอไม่ติดขัดอีกต่อไป เขาจึงพูดว่า “เจ้า…เจ้าเป็นใคร? แล้วที่นี่คือที่ไหน?”

เด็กหญิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ข้าน้อยคืออาจูเจ้าค่ะ ที่นี่ก็ห้องของคุณชายไงล่ะ”

“ข้าหมายถึง ที่นี่โรงพยาบาลอะไร?” มู่หรงฟู่ยังไม่แน่ใจว่าเขารู้จักอาจูหรือไม่ แต่คิดว่าควรหาคำตอบว่าเขาอยู่โรงพยาบาลไหนก่อน

“โรงพยาบาล?” อาจูไม่เข้าใจสิ่งที่มู่หรงฟู่พูด แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ที่ไหน” นางจึงตอบว่า “ที่นี่คือเหยียนจื่ออู่ เรือนซานเหอเจ้าค่ะ ส่วนเรือนเล็กของคุณชายยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยเจ้าค่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด