ตอนที่ 1061 ครอบครองกลุ่มบริษัทอันดับ 5 ของโลก
[การ์ดเตือนภัยแผนการร้ายระดับกลาง 1 ใบ (สามารถเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับวิกฤตขนาดใหญ่ที่มุ่งเป้าผู้เล่นได้ 2 ครั้ง) ราคา 189 หยวน]
“ของดีแบบนี้ต้องรีบซื้อเลย”
เย่เฉิน กดซื้อทันที
[ติ๊ง]
[การ์ดเตือนภัยแผนการร้ายระดับกลาง ซื้อสำเร็จ (การ์ดถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเป้(ไอเทม)ของผู้เล่น โปรดตรวจสอบ)]
ในวินาทีต่อมา เกมก็ได้แจ้งเตือนว่า เย่เฉิน ซื้อสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน ก็เคยได้ [การ์ดเตือนภัยแผนการร้ายระดับต้น] จากร้านค้าในเกมอยู่หลายครั้ง
[การ์ดเตือนภัยแผนการร้ายระดับต้น] เหล่านั้นทำงานได้ดีมาก และช่วยให้ เย่เฉิน แก้ปัญหามาไม่น้อย
แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะมันเป็นเพียงระดับต้น จึงสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แต่ [การ์ดเตือนภัยแผนการร้ายระดับกลาง] นี้สามารถเตือนล่วงหน้าได้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งช่วยให้ เย่เฉิน นั้นลดปัญหา และประหยัดแรงไปได้มาก
หากมองในมุมหนึ่ง มันเป็นไอเท็มที่สำคัญมาก!!!
ส่วนสินค้ารายการที่สามที่ เย่เฉิน เล็งไว้นั้น ก็ค่อนข้างคุ้นเคย
[การ์ดเพิ่มความสามารถต้านทานโรค 15% ราคา 200 หยวน (ใช้ได้เฉพาะผู้เล่น ไม่สามารถมอบให้ผู้อื่นได้)]
การ์ดไอเท็มนี้..แน่นอนว่า เย่เฉิน ต้องซื้อให้ได้
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้รับการ์ดเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคนี้ แต่เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ครั้งนี้เพิ่มขึ้นถึง 15% ในครั้งเดียว
สุดยอดมาก!!!
การมีสุขภาพที่ดี และปราศจากโรคภัย มันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ท้ายที่สุดแล้วต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่ป่วย
แต่ถ้ามีไอเท็ม [การ์ดเพิ่มความสามารถต้านทานโรค] นี้ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ..ความสามารถในการต้านทานโรคของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งทำให้ เย่เฉิน รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ
“ซื้อ”
[ติ๊ง]
[การ์ดเพิ่มความสามารถต้านทานโรค 15% ซื้อสำเร็จ (ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเป้(ไอเท็ม)ของคุณแล้ว โปรดตรวจสอบ)]
เกมแจ้งเตือนว่า เย่เฉิน ซื้อ [การ์ดเพิ่มความสามารถต้านทานโรค] สำเร็จแล้ว
เย่เฉิน ยังคงเลือกดูสินค้าภายในร้านค้าระดับเจ็ดดาว และไม่นานก็เลือกสินค้ารายการที่สี่ได้อย่างรวดเร็ว
[หุ้น 10% ของ Ferrari Group ราคา 185 หยวน]
หุ้นของ Ferrari Group แม้จะไม่ใช่สินค้าใหม่อะไร แต่มีความสำคัญมาก
ตอนนี้ เย่เฉิน ถือหุ้นของ Ferrari Group 15% อยู่แล้ว และยังมีรางวัลจากภารกิจท้าทายระยะยาวที่จะได้รับเพิ่มอีก 70% ซึ่งจะทำให้เขาถือหุ้นรวมสูงถึง 85%
เมื่อทำภารกิจท้าทายระยะยาวสำเร็จ เย่เฉิน จะยังขาดหุ้นในมืออีกเพียง 15% เท่านั้นเพื่อเป็นเจ้าของ Ferrari Group ทั้งหมด 100% เต็ม
หากเขาซื้อหุ้น 10% ในครั้งนี้ ก็จะเหลืออีกเพียง 5% สุดท้าย
หุ้นอีกแค่ 5% เท่านั้น ง่ายมาก!!!
เมื่อถึงเวลานั้น เขาแค่ใช้เส้นสาย และทรัพยากรของตัวเอง ก็สามารถซื้อต่อจากโลกแห่งความจริงได้โดยไม่ต้องพึ่งเกม
และเมื่อภารกิจท้าทายระยะยาวสำเร็จ Ferrari Group ก็จะเปลี่ยนนามสกุลเป็น ‘เย่’ ได้อย่างสมบูรณ์!!!
“ซื้อ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่เฉิน ก็กดซื้อทันที
[ติ๊ง]
[หุ้น 10% ของ Ferrari Group ซื้อสำเร็จ]
ซื้อสำเร็จ!!!
ตอนนี้ เย่เฉิน ได้ซื้อไปแล้วสี่รายการ ทำให้เหลือโควต้าในการซื้อของอีกเพียงสามรายการสำหรับวันนี้
สำหรับสามรายการสุดท้าย เย่เฉิน ต้องคิดให้รอบคอบ!!!
เย่เฉิน มองสินค้าที่เหลืออยู่ในร้านค้าระดับเจ็ดดาวครบทุกรายการ หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกสามรายการสุดท้ายที่ต้องซื้อ
โดยเฉพาะสองรายการสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ซึ่งทำให้ เย่เฉิน รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษมาก…
รายการที่ห้าที่ เย่เฉิน ตัดสินใจซื้อก็คือ..
[หุ้น 8% ของบริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป(新鸿基地产集团) ราคา 200 หยวน]
บริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของประเทศ
ผู้ก่อตั้งบริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป คือหนึ่งในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งเกาะฮ่องกง – ตระกูลกัว
จนถึงปัจจุบัน มูลค่าตลาดของบริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป พุ่งสูงถึงสามแสนล้านหยวน!!!
ซึ่งหุ้น 8% ของบริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปนี้ มีมูลค่าสูงกว่า 2 หมื่นล้านหยวน!!!
ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เคยสร้างอาคารที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น ศูนย์การเงินนานาชาติเซี่ยงไฮ้, ศูนย์การเงินนานาชาติจิงหลิง, อินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์(ตึกการค้าโลก), มิลลิเนียม ซิตี้(ฮ่องกง) เป็นต้น
โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง ‘เหิง(恒)…’ มูลค่าตลาดลดลงหลายแสนล้าน และ ‘กุย(桂)…’ ผลกำไรลดลงถึง 90%
แต่ในทางกลับกัน ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป กลับยังเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง และมีกำไรต่อปีนับ หมื่นล้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก
ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน เองก็เคยได้รับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง แต่มูลค่าตลาดเพียงแค่ไม่กี่แสนล้าน ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีประโยชน์แล้ว
หาก เย่เฉิน ซื้อหุ้นของ ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เอาไว้ ต่อไปหากต้องการใช้บริการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปขอให้บริษัทอื่นช่วยให้วุ่นวายอีก
“ซื้อ”
[ติ๊ง]
[หุ้น 8% ของบริษัท ซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ซื้อสำเร็จ (สัญญาการซื้อขายถูกจัดเก็บไว้ที่ห้องหนังสือในคฤหาสน์ของคุณ โปรดตรวจสอบ)]
ซื้อสำเร็จ!!!
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เย่เฉิน กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของซันฮุงไค พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปแล้ว!!!
ต่อไปคือรายการที่หก…
และนี่คือรายการที่มีมูลค่ามากสุดเท่าที่เคยปรากฏในร้านค้าระดับเจ็ดดาว!!!
[หุ้น 6% ของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยอันดับที่ 5 ของโลก – Kering Group พร้อมตำแหน่งกรรมการบริษัท Kering Group ราคา 220 หยวน]
เมื่อพูดถึง Kering Group บางคนอาจไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้
แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ในเครือของบริษัท Kering Group นี้ หลายคนต้องรู้จักแน่นอน
ในฐานะ Kering Group เป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และมีแบรนด์ในเครือเช่น Gucci, Balenciaga, Saint Laurent, Boucheron และแบรนด์ดังอื่นๆ อีกมากมาย!!!
ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด มูลค่าตลาดของ Kering Group สูงถึง 600,000 ล้าน!!!
ในเวลานั้น Kering Group เป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แม้ว่าในปัจจุบัน Kering Group อาจไม่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต และตกมาอยู่ในอันดับ 5 ของโลก แต่มูลค่าตลาดของบริษัทก็ยังสูงถึง กว่า 400,000 ล้าน!!!
ซึ่ง 6% ของสัดส่วนหุ้นที่ เย่เฉิน กำลังจะซื้อนั้น มีมูลค่าประมาณ 20,000-30,000 ล้าน
ก่อนหน้านี้ ในเกมเคยมีการขายหุ้นของแบรนด์หรูระดับโลก อย่างเช่น Patek Philippe, Cartier เป็นต้น
แต่ครั้งนี้ พอร้านค้าถูกอัปเกรดเป็นระดับเจ็ดดาว เกมก็ปล่อยหุ้นของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกมาให้ซื้อโดยตรงในร้านค้าเกม!!!
ข้อดีของการอัปเกรดนี้ ไม่ต้องพูดถึงก็รู้!!!
ถ้า เย่เฉิน ซื้อ Kering Group ได้ เงินอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่เครือข่ายอิทธิพล และความสัมพันธ์ของ เย่เฉิน จะขยายตัวอย่างมหาศาล!!!
Kering Group ก่อตั้งมาแล้ว 60 ปี เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด และหาก เย่เฉิน สามารถเข้าถือหุ้น และเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทของกลุ่มนี้..เครือข่ายของเขาจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Patek Philippe หรือ Cartier ในกลุ่มบริษัทใหญ่เหล่านี้ เย่เฉิน อาจถูกมองว่าเป็นแค่ผู้เล่นรายเล็กๆ เท่านั้น
แต่ตอนนี้ เมื่อเกมเริ่มเสนอหุ้นของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยขนาดใหญ่ เย่เฉิน เองก็เริ่มมีอำนาจต่อรองกับบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้แล้ว!!!
และตอนนี้ แค่ใช้ 220 หยวน เขาก็สามารถซื้อ 6% ของหุ้น Kering Group แถมยังได้เป็นกรรมการบริษัทอีกด้วย!!!
ในราคานี้ จะมัวรออะไรอีก!?
นี่มันคือโอกาสทองชัดๆ!!!
ซื้อเลย!!!