ฟาร์มขั้นเทพกับประตูมิติตามใจนึก ตอนที่ 256 พันธมิตร
ฟาร์มขั้นเทพกับประตูมิติตามใจนึก ตอนที่ 256 พันธมิตร
“หมายความว่า เพราะฉัน คน ๆ นั้นจึงอิจฉาอย่างนั้นเหรอ?” หงอี้ถามอย่างจนใจ
ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
คนผู้นี้ เป็นฝ่ายเสนอให้ร่วมมือกับเขาเอง มันเกี่ยวอะไรกับเขา
“ก็ประมาณนั้น!”
“แต่... นายก็แย่งตำแหน่งของเขามาก่อน” หลิงอิ่งกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ
“ฉันไม่ได้แย่ง ใครจะไปแย่งตำแหน่งที่ฟาร์มจักรวาลมอบให้ได้” หงอี้กล่าวอย่างใจเย็น
“หมอนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน?”
หงอี้ถาม
ไม่ใช่ว่าเทพเจ้าในจักรวาลนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากหรอกหรือ?
ที่นี่กลับมีมากกว่าหนึ่งพันตน
แต่เมื่อคิดถึงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ดาวเคราะห์นับไม่ถ้วน เวลาหลายปี มีเทพเจ้าแค่หนึ่งพันตน ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่
เหมือนจะน้อยมากจริง ๆ
“ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือระดับแปดขั้นปลาย!”
“เขาสามารถเป็นนักสู้อวกาศได้อย่างแน่นอน!” หลิงอิ่งกล่าวอย่างช้า ๆ
“ระดับแปดขั้นปลาย ความสามารถพิเศษ...” หงอี้ครุ่นคิดในใจ
ว่ากันว่าเขาเป็นราชันผู้มาใหม่จักรวาลได้แค่ห้าปี
หมายความว่าปีนี้เขามีอายุแค่ยี่สิบเอ็ดปี!
สมกับเป็นราชันผู้มาใหม่จักรวาล
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นราชันผู้มาใหม่จักรวาลที่ทำลายสถิติห้าร้อยปี
แค่ระดับแปดขั้นปลาย หงอี้ไม่ได้กังวลมากนัก
ในเรื่องไพ่ตาย หงอี้ไม่เชื่อว่าราชันคนเก่าจะมีมากกว่าเขา
“มีข้อมูลโดยละเอียดของเขาไหม?”
“ความสามารถที่เปิดเผย” หงอี้ถาม
“หาง่ายมาก”
“แต่ฉันรวบรวมไว้ให้แล้ว”
“จะมอบให้นาย” หลิงอิ่งกล่าว
“ตกลง ขอบคุณมาก” หงอี้ยิ้มเล็กน้อย
หญิงสาวเผ่าเงาผู้นี้ ดูเหมือนจะอยากร่วมมือกับเขามากจริง ๆ
“การร่วมมือของพวกเรา?”
หลิงอิ่งถาม
“ได้!”
หงอี้พยักหน้า ตอบตกลงทันที
“ดี!”
“อีกเจ็ดวัน พวกเราจะเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณด้วยกัน!” หลิงอิ่งตื่นเต้นมาก
“พูดตามตรง ฉันก็ไม่เคยเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณ โชคของนายดีมาก พอดีกับช่วงเวลาที่ซากปรักหักพังโบราณเปิด”
“ในซากปรักหักพังโบราณมีอะไร?”
หงอี้ถาม
“ว่ากันว่าซากปรักหักพังโบราณส่วนใหญ่จะเป็นสนามรบโบราณ!”
“ทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุด คือต้นกำเนิดเทพ สามารถเร่งการพัฒนาและวิวัฒนาการของเทพเจ้าได้!”
“แน่นอน ถ้าโชคดีเจอสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเทพ ก็ถือว่าโชคดีมาก” ถึงแม้หลิงอิ่งจะอธิบายให้หงอี้ฟัง แต่เธอกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าหงอี้
“ต้นกำเนิดเทพ!!”
“สามารถเร่งวิวัฒนาการของเทพเจ้าได้!”
หงอี้ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
ดูเหมือนว่า ครั้งนี้เขามาถูกที่แล้ว
“จริงสิ พื้นที่ของเผ่าเงาพวกเธอเป็นแบบไหน?”
หงอี้ถามด้วยความอยากรู้อย่างมาก
“มิติอัพเกรด!”
“ตราบใดที่พวกเราสามารถอัพเกรดสายพันธุ์ใหม่ได้ พวกเราก็จะได้รับรางวัลการอัพเกรดจักรวาล!”
“จากนั้น ก็ให้อัพเกรดสายพันธุ์ที่พวกเราอัพเกรด วิวัฒนาการ ก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน!”
หลิงอิ่งอธิบาย
“ยากมากสินะ!?”
หงอี้ตกตะลึง อัพเกรดสายพันธุ์ใหม่? เวรเอ๊ย!
“สำหรับพวกเรา การทำนาทำฟาร์มก็ยากมากเช่นกัน!” หลิงอิ่งยิ้ม “แค่พรสวรรค์ทางสายเลือดต่างกันเท่านั้นเอง”
“จริงด้วย...”
หงอี้พยักหน้าเห็นด้วย
“ต้องการให้ฉันพานายไปเดินเล่นหรือไม่?”
หลิงอิ่งถาม
“ได้เลย...”
หงอี้ยอมรับอย่างยินดี
“ไปกันเถอะ!”
หลิงอิ่งยิ้ม จากนั้นก็หายตัวไปในเงาของหงอี้
หงอี้ตกตะลึง จากนั้นก็ส่ายหัว เดินต่อไป
ดูเหมือนว่า หลังจากตกลงร่วมมือกันแล้ว ข้างกายเขาจะมีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
แต่ ทำไมเขารู้สึกว่าหลิงอิ่งกำลังจะเข้าไปอยู่ในเงาของเขา
“เสี่ยวจี้ก็น่าจะสามารถเลียนแบบหลิงอิ่งได้...”
“ถ้าสามารถได้พรสวรรค์ของเผ่าเงามาจากเสี่ยวจี้ ก็คงจะดี...”
หงอี้คิดในใจ
พรสวรรค์ของเผ่าเงา น่าดึงดูดใจมากจริง ๆ
พวกเขาคือมือสังหารและนักสืบโดยกำเนิด
“นี่เรียกว่าเคลื่อนย้ายแสงเงา!”
“ฉันสามารถอยู่ในเงาของนายได้ตลอดเวลา ตอนต่อสู้ นายสามารถโจมตีศัตรูได้ทุกเมื่อ!”
“ถ้าพวกเราทำสัญญา เป็นพันธมิตรกัน ฉันยังสามารถใช้ความสามารถผ่านเงาของนายได้ นั่นถึงจะเรียกว่าน่ากลัวจริง ๆ!”
หลิงอิ่งยิ้ม อธิบาย
น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
หงอี้ตกตะลึงอย่างมาก!
ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เผ่าเงาต้องการร่วมมือกับผู้แข็งแกร่ง
การร่วมมือของทั้งสองคน พลังต่อสู้จะมากกว่าหนึ่งบวกหนึ่งอย่างแน่นอน
สถาบันอัจฉริยะนั้นใหญ่มาก
เหมือนกับโลกใบหนึ่ง
ค่ายอัจฉริยะเทพ ก็ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน
หงอี้เดินเล่นอยู่นาน ถึงจะเดินครบหนึ่งรอบ
จากคำพูดของหลิงอิ่ง เขาก็ได้เรียนรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับค่ายอัจฉริยะเทพ
ครูฝึกแม่มด เป็นนักสู้อวกาศอย่างแท้จริง
แต่ว่า ร่างกายของเธอมีบาดแผลเต๋า จึงต้องมาเป็นครูฝึกที่นี่
ฉายาแม่มดของเธอ ไม่ใช่แค่ชื่อเล่น
ทุก ๆ ช่วงเวลา เธอจะสุ่มเลือกศิษย์คนหนึ่งมาประลอง ทุกครั้งที่ถูกเลือก คนผู้นั้นจะถูกทรมานจนเกือบตาย
นอกจากนั้น เธอไม่ได้สอนอะไรเลย
การสุ่มเลือกศิษย์มาประลอง ดูเหมือนจะเป็นการสอนทั้งหมดของเธอ
“เธอเคยถูกเธอเลือกมาประลองหรือไม่?”
หงอี้ถามด้วยความอยากรู้อย่างมาก
“อย่าถามเลย...”
“น่ากลัวมาก...”
หงอี้รู้สึกว่าเงาของเขากำลังสั่น แสดงว่าหลิงอิ่งยังคงหวาดกลัว
“อืม?”
เมื่อกลับมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง หงอี้ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
ชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หินในบ้านของเขา ดูเหมือนกำลังรอเขาอยู่
“อ๊ะ สองผู้มาใหม่มาด้วยกันแล้วสินะ!”
“ดูเหมือนว่า เผ่าเงาไม่ได้พูดเล่น เธอเลือกราชันผู้มาใหม่จริง ๆ”
“แค่ไม่รู้ว่าตอนนี้ราชันคนเก่าจะรู้สึกยังไง...”
เมื่อเห็นหงอี้กลับมา ชายหนุ่มก็ไม่ได้ลุกขึ้นยืน พูดอย่างใจเย็น
“นายเป็นใคร? พวกเรายังไม่สนิทกันขนาดนั้นมั้ง? นายไม่รู้จักมารยาทหรือไง?” หงอี้กล่าวอย่างใจเย็น
บุกรุกบ้านคนอื่น แถมยังมีสีหน้าเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาดี
หงอี้จึงไม่สุภาพ
“มารยาท?”
“ก่อนจะเข้ามา ไม่มีใครบอกนายหรือไง ว่าสิ่งนั้นมันไร้ค่าที่สุดที่นี่?”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างดูถูก
“ทำการค้ากันไหม?”
ชายหนุ่มถาม
“ไม่สนใจ!”
หงอี้ส่ายหัว
“มอบเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตมา ฉันจะปกป้องนายหนึ่งปี เป็นไง?”
ชายหนุ่มพูดขึ้นมาเอง
“ในเมื่อนายต้องการเมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิต นายคิดว่ามันไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือ?”
“เมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งชีวิตหนึ่งเมล็ด แลกกับการปกป้องหนึ่งปี นายคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้นเลยหรือ?” หงอี้ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เย็นชา เต็มไปด้วยความดูถูก
ในสายตาของเขา มีแต่พวกไร้ค่าเท่านั้น ที่จะแสวงหาการเกิดใหม่ เพื่อให้ได้ชาติกำเนิดที่ดี
อีกอย่าง หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
ปกป้องหนึ่งปี?
“นายรู้ไหมว่ามีกี่คนที่อยากจะฆ่านาย?” ชายหนุ่มมีสีหน้าเย็นชา “ถึงแม้จะต้องจ่ายในราคาที่สูง แต่ก็มีหลายคนที่ยินดี!”
“ใครอยากทำอะไรก็ทำไป! ไสหัวไป!!”
หงอี้ตะโกน
คนผู้นี้แข็งแกร่งมาก น่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเก้า
แต่แล้วไง?
“สมกับเป็นราชันจักรวาล!” ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ในดวงตามีประกายแห่งการฆ่าพุ่งผ่าน จากนั้นก็จากไป
“คนรุ่นเดียวกับอดีตราชันผู้มาใหม่จักรวาล!”
“ไม่เคยเป็นนักสู้อวกาศ ไม่เคยถูกคัดออก อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือระดับเก้า มาจากพื้นที่ระดับแปด!”
“หมอนี่เป็นตัวประหลาด เจ้าต้องระวังตัว!”
“หลายคน แม้แต่คนชราก็ไม่อยากยุ่งกับเขา!”
หลิงอิ่งส่งเสียงเตือนหงอี้
“สัตว์ประหลาดอายุห้าร้อยปี?”
หงอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
