บทที่ 23 ความบังเอิญ
บทที่ 23 ความบังเอิญ
ความรู้สึกไร้น้ำหนักกลืนกินฟางซิว
เมื่อเขามองเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ราวกับได้กลับมายังหุบเขาวิญญาณลมอีกครั้ง
ป่าทึบ หมอกบาง และสายลมที่พัดวนเวียนไม่หยุด
ฟางซิวมั่นใจว่าที่นี่คือหุบเขาวิญญาณลม
แต่ไม่ใช่หุบเขาวิญญาณลมที่ราชินีแห่งภูตอาศัยอยู่
"เคร้ง!" เสียงโลหะกระทบดังมาแต่ไกล
ฟางซิวสนใจทันที จึงเดินตามเสียงไป
หลังจากเดินอ้อมป่าเล็กๆ มา สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าฟางซิวคือลานโล่ง ตรงกลางลานมีมังกรตัวมหึมาสูงสามเมตร ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวเข้ม กำลังแผดเสียงคำรามสู่ท้องฟ้า!
"โฮก!!!"
เสียงคำรามอันดุดันก่อให้เกิดพายุสีเขียวครอบคลุมรัศมีร้อยเมตร! อานุภาพน่าสะพรึงกลัว!
ฟางซิวกล้าเดิมพันว่าไม่มีอาชีพสายเวทระดับหนึ่งคนไหนจะสามารถใช้ทักษะที่มีพลังขนาดนี้ได้
และมังกรที่ก่อพายุสยองนี้ก็คือเป้าหมายของการมาครั้งนี้ของฟางซิว
【ลูกมังกรวายุพิโรธ LV30 (บอส)】
【HP: /】
"เป็นลูกมังกรวายุพิโรธที่บาดเจ็บอยู่สินะ?" ฟางซิวสรุปเมื่อเห็นว่าเลือดของมันเหลือเพียงครึ่งเดียว
ในวินาถัดมา พายุที่กำลังหมุนวนถูกทะลวงด้วยของแหลมบางอย่าง หญิงสาวในชุดเกราะสีแดง ผมหางม้าสีดำ ถือหอกยาวสีทองกระโดดออกมาจากช่องที่เปิดขึ้น
เธอหมุนหอกในมือ ร่างกลายเป็นเงาดำ พุ่งด้วยความเร็วน่าตกใจเข้าหาลูกมังกรวายุพิโรธ แทงหอกไปข้างหน้า บนผิวหอกทองปรากฏลวดลายเกลียวคล้ายน้ำวน รวมตัวกันเป็นหัวเจาะขนาดใหญ่พุ่งไป ราวกับจะทะลุร่างของลูกมังกรวายุพิโรธ
"เคร้ง!" เสียงโลหะปะทะดังสนั่นอีกครั้ง
ลูกมังกรวายุพิโรธใช้กรงเล็บปัดป้องการโจมตีของหญิงสาว ในเวลาเดียวกัน ดวงตาสีทองแนวตั้งของมันวาบขึ้นด้วยแสงอำมหิต เพียงแค่เงยหัวขึ้นเล็กน้อยก็สะสมพลังเสร็จสิ้น จากนั้นก็พุ่งหัวลงมา
"โฮก!!!"
ลมหายใจที่ผสานพลังธาตุลมกับพลังมังกรเข้าด้วยกันพุ่งใส่หญิงสาวอย่างไม่ปรานี
หญิงสาวรีบถอยกรูดออกมา แต่ลูกมังกรวายุพิโรธที่ได้โอกาสหาได้ยากจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร มันกระพือปีกไล่ตามหญิงสาวพลางพ่นลมหายใจไม่หยุด
หญิงสาวจำต้องเหยียบพื้นแรงๆ หนึ่งก้าว มือขวาหมุนหอกในมืออย่างรวดเร็วตรงหน้า สร้างกำแพงที่มองไม่เห็นขึ้นต้านลมหายใจของลูกมังกรวายุพิโรธ มือซ้ายรีบหยิบน้ำยารักษาจากกระเป๋าอาชีพขึ้นมาดื่ม พยายามต้านทานการโจมตีของลูกมังกรวายุพิโรธอย่างยากลำบาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางซิวเข้ามาในดันเจี้ยนเสียงคำรามแห่งพายุพิโรธ เขาไม่รู้ว่านี่เป็น "การแสดงของดันเจี้ยน" หรือว่าตนเองบังเอิญเข้ามาตอนที่มีคนกำลังท้าชนลูกมังกรวายุพิโรธคนเดียวพอดี
ที่เรียกว่าการแสดงของดันเจี้ยนนั้น เพราะดันเจี้ยนส่วนใหญ่เป็นการจำลองเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นในดันเจี้ยนบางแห่งจะมีคนและเรื่องราวในอดีตปรากฏขึ้นมาทำสิ่งที่เคยทำซ้ำไปซ้ำมา
ส่วนเรื่องบังเอิญ...
ถึงอย่างไรดันเจี้ยนเสียงคำรามแห่งพายุพิโรธก็เป็นดันเจี้ยนสาธารณะ แม้จะไม่ได้จับทีม ทุกคนที่เข้ามาก็ต้องสู้กับลูกมังกรวายุพิโรธตัวเดียวกัน และการจะเข้าดันเจี้ยนนี้ได้ต้องมีม้วนท้าทายที่มีอัตราดรอปต่ำมาก อีกทั้งยังต้องใช้ในเวลาใกล้เคียงกันถึงจะเจอกัน
โอกาสน้อยเกินไป
เมื่อลมหายใจมังกรจบลง หญิงสาวก็ถอยร่นทันที ขณะถอยยังชำเลืองมองมาทางที่ฟางซิวยืนอยู่
ไม่นาน ฟางซิวก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
[ผู้มีอาชีพ "หลินจินอัน" ส่งคำเชิญร่วมทีมมาหาท่าน ต้องการเข้าร่วมทีมของเธอหรือไม่?]
"เป็นผู้มีอาชีพสินะ? งั้นก็บังเอิญจริงๆ" ฟางซิวยื่นมือกดปฏิเสธ
แค่บอสเลเวล 30 เท่านั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ตนเองยังไม่มีชุดอุปกรณ์ครบ ยังไม่ได้เปลี่ยนอาวุธ ความชำนาญทักษะยังไม่เต็ม ยังสามารถใช้เลเวล 15 ข้ามเลเวลไปสู้กับราชินีแห่งภูตเลเวล 25 ได้เลย ตอนนี้มีชุดอุปกรณ์หายากครบเซ็ต อาวุธคุณภาพสมบูรณ์แบบ วิชาดาบขั้นสูงก็ถึง LV15 แล้ว การสู้กับบอสลูกมังกรวายุพิโรธเลเวล 30 ตัวเดียว จะไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกหรือ?
เมื่อข้าสามารถจัดการได้เอง ทำไมต้องร่วมมือกับผู้อื่นด้วย
รอให้นางรับมือไม่ไหว ข้าก็จะเข้าไปจัดการลูกมังกรวายุพิโรธเอง
หลินจินอันที่ถูกปฏิเสธขมวดคิ้ว จึงวิ่งวนรอบลานโล่ง หลบหลีกการโจมตีของลูกมังกรวายุพิโรธไปพลางดื่มยาฟื้นฟูสถานะไปพลาง วิ่งผ่านจุดที่ฟางซิวยืนอยู่ ไม่ลืมที่จะตะโกนบอก
"แบ่งของรางวัลคนละครึ่ง ฉันเลือกก่อน"
จากนั้นก็ส่งคำเชิญร่วมทีมมาให้ฟางซิวอีกครั้ง
ฟางซิวกดปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด อะไรกันแบ่งคนละครึ่ง ข้าชอบสิบต่อศูนย์มากกว่า
"ฉันขอแค่ของดรอปจากลูกมังกรวายุพิโรธหนึ่งชิ้น ของรางวัลที่เหลือเป็นของคุณทั้งหมด" หลินจินอันเสนอแผนการแบ่งของอีกครั้ง
ฟางซิวยังคงไม่สะทกสะท้าน กลับกัน คำพูดของหลินจินอันทำให้เขารู้สึกว่าลูกมังกรวายุพิโรธต้องดรอปของดีแน่ๆ
หลินจินอันเห็นผู้มีอาชีพตรงหน้าปฏิเสธการร่วมทีมตลอด แม้ตนจะขอเพียงไอเทมชิ้นเดียวก็ไม่ยอม จึงเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการท้าชนเดี่ยวเหมือนตน
"มันไม่ใช่อะไรที่คนคนเดียวจะสังหารได้!"
"ลูกมังกรวายุพิโรธมีสามเฟส ตอนนี้มันเพิ่งเข้าสู่เฟสที่สองเท่านั้น!"
หลินจินอันพยายามโน้มน้าวฟางซิว
สามเฟส?
ฟางซิวเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ว่ากันว่าลูกมังกรวายุพิโรธมีทักษะที่ชื่อ "การแปลงร่างราชันย์มังกร" ที่สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของตัวเองเป็นช่วงๆ
แต่... แล้วยังไง?
"เจ้าทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้ หากสู้ไม่ไหวก็รีบออกจากดันเจี้ยนไปซะ" ว่าแล้วฟางซิวก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้การต่อสู้ระหว่างหลินจินอันกับลูกมังกรวายุพิโรธลุกลามมาถึงตน
หลินจินอันยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูง
สายตาคมกริบที่มองมาเป็นระยะๆ นั้น หากมีพลังทำลายล้าง คงฟันร่างฟางซิวเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
แต่เธอก็ยังไม่ได้ลากฟางซิวเข้าไปพัวพันในการต่อสู้ระหว่างเธอกับลูกมังกรวายุพิโรธ
สุดท้ายเธอทุ่มสุดตัว ใช้ไอเทมหายากออกมาราวกับไม่มีค่า จนทำให้พลังชีวิตของลูกมังกรวายุพิโรธเหลือเพียงห้าพัน
"โฮก!!"
ลูกมังกรวายุพิโรธแผดเสียงสู่ท้องฟ้า การแปลงร่างราชันย์มังกรของมันมาถึงเฟสที่สามในที่สุด
ท้องฟ้าสว่างไสวพลันถูกความมืดทึบปกคลุม พื้นดินกลายเป็นสีเทาทะมึนราวกับเสื่อมสลาย หลายจุดแตกออกปล่อยกระแสพลังประหลาดออกมา
ลูกมังกรวายุพิโรธยืนตระหง่านอยู่บนพื้นดินที่เสื่อมสลาย เกล็ดสีเขียวอมฟ้าทั่วร่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม พลังน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจากร่างของมัน ราวกับคลื่นซัดกระหน่ำไปทั่วทุกทิศ
"ฮึ!!!"
เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น ดวงตาสีทองของลูกมังกรวายุพิโรธเปลี่ยนเป็นสีเลือด จ้องมองหลินจินอันที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตี ราวกับดาวตกสีแดงพุ่งลงมา
หลินจินอันสูดหายใจลึก จำต้องยอมรับว่าตนประเมินลูกมังกรวายุพิโรธต่ำเกินไป นี่เป็นผลจากการที่เธอเชื่อข่าวลือที่ว่าการจะเคลียร์ลูกมังกรวายุพิโรธคนเดียวได้ แค่มีความสามารถเคลียร์หุบเขาวิญญาณลมระดับฝันร้ายก็พอ
ถอย!
หลินจินอันตัดสินใจ
ก่อนจากไป เธอหันมามองฟางซิวอีกครั้ง "กล้าบอกชื่อของเจ้าหรือไม่!"
"มีอะไรให้ต้องกลัวด้วยเล่า?"
"ข้าเป็นลูกผู้ชาย ยืนไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ไช่หนานเจ๋อเป็นชื่อของข้า!" ฟางซิวแสดงท่าทางหยิ่งผยองราวกับไม่กลัวว่าเธอจะมาหาเรื่อง
ในใจกลับคิด หญิงคนนี้ชัดเจนว่าจะออกไปหาเรื่องข้าข้างนอก ข้าจะโง่ถึงขนาดบอกชื่อจริงหรือ?
ส่วนเหตุผลที่แนะนำตัวว่าเป็นไช่หนานเจ๋อ
การเดินทางในยุทธภพ เวลาต้องการคนมารับบาป ก็ต้องใช้ชื่อของคนที่ตนเองเกลียดชัง หรือไม่ก็ชื่อของศัตรูสิ
"ไช่หนานเจ๋อ" หลินจินอันจดจำชื่อนี้ไว้ในใจ จากนั้นก็เลือกออกจากดันเจี้ยน
"ตูม!"
ในวินาทีที่หลินจินอันหายตัวไป ร่างมหึมาของลูกมังกรวายุพิโรธก็พุ่งทะลวงพื้นที่เธอยืนอยู่
หลังจากนั้น ท้องฟ้าก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบดังเดิม ร่างของลูกมังกรวายุพิโรธเปลี่ยนจากสีแดงเข้มกลับเป็นสีเขียวอมฟ้า กระพือปีกบินกลับไปกลางลานโล่ง HP ฟื้นกลับมาเต็ม
"ฟื้นพลังเมื่อออกจากการต่อสู้สินะ?" ฟางซิวได้แต่บ่นถึงกลไกที่มีแต่ในเกมแบบนี้
ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสแบบนี้อยู่แล้ว
ก้าวเดินไปข้างหน้า มือขวาจับที่ด้ามดาบฝนพรำที่เอว
ถึงเวลาที่ข้าจะท้าประลองบ้างแล้ว!
(จบบทที่ 23)