ตอนที่แล้วบทที่ 35 การจากลา 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 ข้าววิญญาณ 

บทที่ 36 เหตุใดต้องลำบาก 


หลิวเหมียวถู่เดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน แต่ไม่เพียงไม่ได้พบของวิเศษแห่งเซียน แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่เห็น เขานั่งบนหินใหญ่พลางด่าทอพวกคนเกียจคร้านในหมู่บ้าน

“พวกหมาขี้เกียจ! บอกว่ามีสมบัติดีในภูเขา พูดจาไร้สาระทั้งนั้น!”

เมื่อมองดูหมอกที่เริ่มปกคลุมหุบเขา หลิวเหมียวถู่สะท้านเยือกหนึ่งรำพึงในใจว่า

“แม้ว่าหมาป่าและเสือดาวในภูเขาแห่งนี้จะถูกขับไล่ไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ใครจะรู้ว่ามีตัวใดหลุดรอดไปหรือไม่! หมอกนี่มันแปลกเกินไปรีบลงจากภูเขาดีกว่า…”

เขาลุกขึ้นเดินตามทางบนภูเขาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่รอบตัวกลับเต็มไปด้วยหมอกขาวไม่มีทางออกให้เห็น

“นี่มันแปลกจริง! ทำไมยังลงจากภูเขาไม่ได้อีก!”

เมื่อมองไปที่ก้อนหินใหญ่ข้างหน้า หลิวเหมียวถู่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลังพูดออกมาด้วยเสียงสั่น “เป็นไปไม่ได้!”

นี่คือก้อนหินใหญ่ที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ เขาเดินมาตามทางภูเขาเป็นชั่วโมง ทำไมถึงยังอยู่ที่เดิมได้!

ความกลัวทำให้เขาตกใจจนสติหลุด เขาหันหลังแล้ววิ่งไปพร้อมกับร้องลั่น วิ่งไปได้เพียงช่วงหนึ่งก็หยุดหอบหายใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นดูหินก้อนใหญ่นั้นกลับอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“บ้าจริง…ออกไปไม่ได้แล้ว”

เมื่อค่ำคืนมาถึงหลิวเหมียวถู่สวมเสื้อผ้าบางเบา จิตใจที่กำลังตื่นตระหนกถูกลมหนาวพัดจนสลบไป

ในช่วงเช้าตรู่หลิวเหมียวถู่ฟื้นขึ้นมา เขารู้สึกตัวร้อนจัดพลางได้ยินเสียงเรียกห่างๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเงาคนอยู่ไม่ไกลเขาจึงลุกขึ้น แต่แล้วกลับได้ยินเสียงตะโกนดัง

“ใครอยู่ที่นั่น!”

หลิวเหมียวถู่ที่ยังสับสนอยู่ในทันทีเข่าอ่อนจนล้มกลิ้งลงมาตรงหน้าของคนผู้นั้น

หลิวหลินเฟิงเมื่อมองหน้าชายผู้นั้นกลับพบว่าเป็นเจ้าเหลือขอแห่งตระกูลหลิว ในใจเขาก็พลันเข้าใจทุกอย่างทันที ความโกรธพลุ่งขึ้นมาจนแทบระเบิด ใบหน้าแดงก่ำพลางตวาดเสียงดัง

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”

หลิวเหมียวถู่ที่โดนตวาดก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที รีบตอบกลับด้วยท่าทีขลาดกลัว

“ขะ…ขึ้นเขามาเก็บไม้ขอรับ”

“พูดจาไร้สาระ!”

หลิวหลินเฟิงด่าทอด้วยความโกรธชี้นิ้วไปที่จมูกของหลิวเหมียวถู่พลางตะโกนต่อ

“เจ้าขึ้นเขานี้ทำไมไม่บอกเจ้าบ้าน นี่มันที่ที่เจ้ามาได้หรือ!”

เพียงพูดสองคำหลิวหลินเฟิงก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ความเย็นวาบแล่นจากกระดูกสันหลังขึ้นมาถึงท้ายทอย เขาคิดในใจ

“ตระกูลหลิวของเราดันมีไอ้ขยะอย่างนี้ ตอนนี้ล่ะเคราะห์ร้ายใหญ่หลวงแน่ หลานเขยของข้าร้ายกาจและช่างระแวง เขาจะปล่อยให้รอดได้อย่างไร ขอเพียงอย่าให้ตระกูลหลิวของข้าต้องเดือดร้อนก็พอ!”

เมื่อเห็นหลิวเหมียวถู่ที่คุกเข่าก้มหัวอย่างคนสิ้นหวัง หลิวหลินเฟิงก็คิดอะไรได้ ใบหน้าที่โกรธเคืองเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขากล่าวเสียงต่ำ

“ตามข้ามา อย่างน้อยจะช่วยรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้!”

หลิวเหมียวถู่รีบเดินตามเขาเข้าไปในลานบ้าน หลิวหลินเฟิงหยิบเชือกป่านเส้นใหญ่ขึ้นมามัดมือของหลิวเหมียวถู่ไพล่หลังทันที

“หัวหน้าตระกูล ท่าน…ท่านจะทำอะไร…”

หลิวเหมียวถู่ที่รู้สึกไม่มั่นใจถามออกมาอย่างหวาดกลัว

“พาเจ้าไปขอขมา อย่างน้อยต้องแสดงความจริงใจ”

หลิวหลินเฟิงโบกมือหยิบดาบที่ซ่อนไว้ตรงเอวอย่างลับๆก่อนจะพูดเสียงเย็นชา

“เดินไป!”

“ขอรับๆ ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูล!”

ไม่นานนักทั้งสองมาถึงลานบ้าน หลิวหลินเฟิงชี้ไปที่พื้นดินข้างทางก่อนจะเอ่ยว่า

“คุกเข่าตรงนั้น”

หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปเรียกหลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงออกมา เมื่อเข้าไปในลานบ้านแล้วเขาคุกเข่าต่อหน้าทั้งสองคนพลางกล่าวด้วยความขมขื่น

“ตระกูลหลิวไม่ได้อบรมดูแลอย่างเคร่งครัด ขอได้โปรดเมตตาด้วย!”

คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนตกใจจนกระโดดลุกขึ้น พยายามเข้ามาพยุงตัวเขา หลี่ทงหยาเอ่ยเสียงหนักแน่น

“อย่าเลย! ท่านทำถึงขนาดนี้ทำไมกัน!”

หลิวหลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะเล่าเรื่องของหลิวเหมียวถู่อย่างละเอียด เมื่อฟังจบหลี่เซี่ยงผิงเพียงกล่าวเบาๆ

“ท่านจัดการเองเถิดไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”

“ขอเชิญตามข้ามา”

หลิวหลินเฟิงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนตอบ พลางพาสองคนไปยังหน้าประตูบ้านชี้ไปที่หลิวเหมียวถู่ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

เมื่อหลิวเหมียวถู่เห็นคนทั้งสาม เขาก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ แต่ไม่ทันไรหลิวหลินเฟิงก็ก้าวพรวดเดียวเข้ามาย่อตัวจับแขนหลิวเหมียวถู่แล้วฟันลงที่ลำคอของเขาอย่างแรง หลิวเหมียวถู่ร้องเพียงสองเสียงก่อนที่เลือดจะพุ่งออกจากลำคอราวกับสายน้ำ เขาไออย่างรุนแรงและพ่นเลือดออกมาเป็นฝอย ก่อนที่ร่างจะล้มลงกับพื้นอย่างไร้ชีวิต

“ท่านลุงยังคงรอบคอบ”

หลี่เซี่ยงผิงตบมือเบาๆมองหลิวเหมียวถู่ที่ล้มลงก่อนจะหันไปพูดกับหลี่ทงหยาพร้อมรอยยิ้ม

“เลือกที่ตรงดินโคลนเพื่อลดการทำเปื้อนบันไดหินหน้าบ้านข้า”

หลี่ทงหยาเพียงถอนหายใจยาวมองหลิวหลินเฟิงแล้วกล่าวว่า

“รบกวนท่านลุงจัดการด้วย”

“เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”

หลิวหลินเฟิงตอบกลับทันทีก่อนลากศพเข้าไปในป่า

เมื่อจัดการเรียบร้อยสองคนจึงหันกลับเข้าลานบ้าน หลี่ทงหยายังคงขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ขณะที่หลี่เซี่ยงผิงกลับตบบ่าเขาเบาๆแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น

“เขาหาเรื่องเอง อย่าคิดมากเลย”

หลี่ทงหยายิ้มขื่นๆเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของน้องชาย แล้วอธิบายว่า

“ข้าไม่ได้สงสารเขา เพียงแต่รู้สึกสะเทือนใจเท่านั้น ที่ตระกูลหลี่มีเจ้าเป็นผู้ดูแล ท่านพ่อจึงยินยอมปล่อยมือจากเรื่องต่างๆ เพราะข้าก็ยังโหดเหี้ยมไม่พอ”

หลี่เซี่ยงผิงส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนตอบว่า

“เจ้าก็ฆ่าเหมือนกัน เพียงแต่เจ้าจะจัดให้ชาวบ้านเห็นเป็นพยานก่อน ไล่เรียงความผิดของเขาแปดข้อ แล้วจึงประหารเขาต่อหน้าผู้คนเพื่อให้เจ้าสบายใจ”

“ในเมื่อเป็นการฆ่าคน ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น!”

หลี่ทงหยายืนอยู่หน้าลานบ้านเล็กๆ บนเชิงเขา ภาพคำพูดของหลี่เซี่ยงผิงวนเวียนในหัว ทำให้เขาอดสะท้อนใจไม่ได้

“หากข้าไม่ฆ่าเขาตระกูลหลี่ก็คงลงเอยเหมือนตระกูลว่านที่ถูกซึมลึกทั้งในและนอกจนเป็นรังปลวก”

เขาส่ายหัวเบาๆปล่อยเรื่องราวนี้ออกจากใจ ก่อนผลักประตูบ้านเข้าไป ในลานนั้นเขาเห็นหลิวโหรวเสวี่ยนนั่งสมาธิฝึกฝนลมปราณอย่างตั้งใจ นางกำลังฝึกฝนการหายใจตาม “วิธีบำรุงวงล้อพลังแห่งความบริสุทธิ์” เพื่อรวบรวม “วงล้อแห่งความล้ำลึก” แต่วิธีการนี้เน้นเพียงการหายใจและชำระลมปราณซึ่งประสิทธิภาพต่ำยิ่งนัก

เขาพึมพำในใจ

“ไม่น่าแปลกใจที่โหรวเสวี่ยนฝึกฝนมาสองปีแล้วยังคงเป็นเพียงคนธรรมดา ต่างจากหลี่ชิวหยางที่อาศัยพลังของผลงูมังกรจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและใกล้จะรวบรวมวงล้อแห่งความล้ำลึกได้แล้ว”

ในยามปกติหลิวโหรวเสวี่ยนมักทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเสมอ แต่วันนี้ที่ได้เห็นนางตั้งใจฝึกฝน เขาก็อดมองด้วยความประหลาดใจไม่ได้ จนกระทั่งนางเริ่มขยับขนตาและดูเหมือนจะตื่นจากสมาธิ เขาจึงรีบหลบสายตา

“พี่ทงหยา!”

เมื่อหลิวโหรวเสวี่ยนลืมตาเห็นหลี่ทงหยา นางก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ

“อืม”

หลี่ทงหยาตอบรับเบาๆพร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายรู้สึกผิดในใจ

หลิวโหรวเสวี่ยนแอบมองใบหน้าด้านข้างของเขา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“ข้าก็สิบเจ็ดแล้ว คนอื่นๆในหมู่บ้านต่างแต่งงานมีลูกกันหมดข้ากลับยังไม่มีใครเลย…”

หลี่ทงหยาได้ฟังก็ส่ายหัวเบาๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้าก้าวเข้าสู่เส้นทางเซียนแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องเหล่านี้ เจ้าต่างจากพวกเขา ตั้งใจฝึกฝน รวบรวมวงล้อแห่งความล้ำลึกให้ได้ก่อน”

“ข้าก็ตั้งใจจริงนะ ข้าฝึกวันละแปดชั่วโมงเลย!”

หลิวโหรวเสวี่ยนพูดพร้อมยู่ปากเบาๆก่อนเงยหน้ามองหลี่ทงหยาและถามว่า

“พี่ทงหยาก็เลือกอยู่คนเดียวเพราะต้องการฝึกฝนใช่ไหม?”

เมื่อเห็นหลี่ทงหยาพยักหน้าเบาๆหลิวโหรวเสวี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย หายใจแรงขึ้นเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงเบาๆว่า

“พี่ทงหยา…ยังคิดว่าข้า…พอจะเหมาะสมหรือไม่…”

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด