บทที่ 30 การหารือ
หลังจากเค้นข้อมูลทั้งหมดที่ว่านหยวนข่ายทราบออกมาได้จนหมดสิ้น หลี่เซี่ยงผิงจึงส่งเขากลับไปพร้อมกับความรู้สึกที่ดูเหมือนจะสูญเสียบางอย่าง จากนั้นเขาเก็บแผนภาพในมืออย่างระมัดระวังและพาหลี่เย่เซินกลับไปยังหมู่บ้านหลี่จิ้ง
ด้วยภาษีข้าวที่หมู่บ้านต่างๆส่งมาทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตระกูลหลี่สามารถเลี้ยงดูช่างฝีมือจำนวนมากขึ้นได้ ช่างเหล่านี้ส่วนใหญ่รับผิดชอบในการสร้างเรือนเล็กๆบนภูเขาหลังบ้านและในช่วงที่ไม่มีงานหนักพวกเขายังช่วยซ่อมแซมหมู่บ้านหลี่จิ้งอีกด้วย
หลังจากการซ่อมแซมที่ดำเนินมานานกว่าครึ่งปี หมู่บ้านหลี่จิ้งก็เปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง แผ่นหินขัดมันถูกนำมาวางต่อกันเป็นเส้นทางยาวตั้งแต่หน้าประตูบ้านตระกูลหลี่จนถึงทางเข้าหมู่บ้าน ถนนสายหลักนี้ได้กลายเป็นแกนกลางที่เชื่อมโยงอำนาจในพื้นที่เข้าด้วยกัน
บ้านของครอบครัวที่มีฐานะในหมู่บ้านต่างพากันเลียนแบบบ้านอิฐสีเขียวของตระกูลหลี่ โดยปรับปรุงบ้านดินมุงฟางของตนใหม่ หลิวหลินเฟิงและคนอื่นๆไม่กล้าใช้อิฐสีเขียว แต่เลือกใช้อิฐขาวคุณภาพรองลงมาและแต่งเติมรอยต่อด้วยปูนขาว แม้จะไม่สวยงามเท่าอิฐสีเขียวที่เชื่อมรอยต่อด้วยปูนขาวสะอาด แต่ก็ดูโอ่อ่าไม่น้อย
เมื่อมองไปยังกลุ่มอาคารที่ตั้งอยู่หลังหมู่บ้าน เรือนเล็กที่สร้างด้วยอิฐขาวล้อมรอบบ้านหลักที่สร้างด้วยอิฐเขียวและกระเบื้องสีเทาในสายลมและฝนที่พัดผ่านกลับให้ความรู้สึกเหมือนเมืองเล็กๆในแถบเจียงหนาน
เมื่อหลี่เซี่ยงผิงกลับมาถึงลานบ้าน เขาเห็นหลี่มู่เถียนนั่งพักผ่อนอยู่พร้อมกับหลี่เสวียนเซวียน หลี่มู่เถียนดูมีพลังและคล่องแคล่ว มือถือถ้วยน้ำชานั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยท่าทางสงบสุข ราวกับว่าเขาได้หลุดพ้นจากความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว
แม้หลี่มู่เถียนจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่หลี่เย่เซินและคนอื่นๆกลับเกรงเขามากกว่าหลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงเสียอีก
“เสวียนเอ๋อร์!”
หลี่เซี่ยงผิงยิ้มพร้อมอุ้มหลี่เสวียนเซวียนที่พุ่งเข้ามาหาเขา เด็กคนนี้อยู่ในวัยที่เริ่มเรียนหนังสือ ตระกูลหลี่จึงได้เชิญหานเหวินสวี่มาเป็นครูสอน หลี่เสวียนเซวียนฉลาดและเรียนรู้ง่าย การสอนเขาจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“วันนี้ข้าไปที่ทุ่งต้นอ้อกับเซี่ยเหวิน เขาบอกว่าอาเย่เซินเคยเลี้ยงเป็ดที่นั่นตอนเด็กๆ!”
หลี่เสวียนเซวียนหัวเราะคิกคักพลางกอดหลี่เซี่ยงผิงแน่น
ตระกูลหลี่จัดการแต่งงานให้หลี่เย่เซินลูกชายของเขา หลี่เซี่ยเหวินเพิ่งจะสองขวบกว่า เขามักวิ่งตามหลังหลี่เสวียนเซวียนไปทั่ว
“ใช่แล้วล่ะ”
หลี่เย่เซินที่อยู่ด้านหลังยิ้มตอบ
“ไปเรียกพี่รองมา”
หลี่เซี่ยงผิงหันไปสั่งพร้อมรอยยิ้ม เมื่อหลี่เย่เซินรับคำและเดินจากไปเขาจึงหันมามองหลี่เสวียนเซวียนอีกครั้ง
“ตอนนั้น ข้ายังเด็ก พวกเราสามพี่น้องมักจับปลาที่นั่น ปลาพวกนั้นตัวอ้วนมากมีเกล็ดสีเขียวทั้งตัว ลื่นจนจับยากทีเดียว…”
หลี่เซี่ยงผิงวางหลี่เสวียนเซวียนลงลูบแก้มเด็กน้อยเบาๆ ก่อนที่สายตาจะล่องลอยไปไกลราวกับกำลังจมอยู่ในความทรงจำอันลึกซึ้ง
“ปลานั่นเป็นปลาที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกิน มันเหมือนปลาจากสวรรค์เลยทีเดียว…”
“แล้วตระกูลว่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่มู่เถียนมองต่ำและวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดขัดจังหวะหลี่เซี่ยงผิง
“แข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ของเรามาก พวกเขามีรากฐานมั่นคง หัวหน้าตระกูลบรรลุขั้นวงล้อหยกอันสูงส่งและยังมีว่านหยวนข่ายที่อายุยังน้อยแต่บรรลุขั้นวงล้อแห่งพลังบริสุทธิ์ได้แล้ว”
หลี่เซี่ยงผิงตบไหล่หลี่เสวียนเซวียนเบาๆให้เขาไปเล่นที่อื่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
ไม่ทันไรก็เห็นหลี่ทงหยาเดินเข้ามาในลานบ้าน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด เขาหาที่นั่งและตั้งใจฟังหลี่เซี่ยงผิงเล่า
หลี่เซี่ยงผิงเล่าคำพูดทั้งหมดของว่านหยวนข่ายให้ฟังจนจบก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มและมองหน้าทั้งสองคน
“หากตระกูลว่านลำบากจริง เราก็ควรช่วย หากพวกเขาล้มลงตระกูลหลี่ของเราจะเป็นรายต่อไปแน่นอน…”
หลี่ทงหยาฟังจนจบพลางหยิบแผนภาพขึ้นมาดู
“ตระกูลว่านต้องช่วย แต่ต้องช่วยในวิธีที่ตระกูลหลี่ได้ประโยชน์สูงสุด เซี่ยงผิงเจ้าฟังข้า…”
หลี่มู่เถียนหรี่ตาเล็กน้อย ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองถ้วยชาในมืออย่างเงียบงันแล้วกล่าวต่อ
“ว่านหยวนข่ายกล่าวว่าตระกูลจวี๋ปล้นข้าววิญญาณของพวกเขา เช่นนั้นเราจึงควรตอบกลับว่า—ตระกูลหลี่ยังมีที่นาว่าง แต่ขาดแรงงาน ให้พวกเขาส่งคนมาปลูกข้าวที่นี่ การเก็บเกี่ยวตระกูลหลี่จะเก็บส่วนแบ่งสามในสิบ หากว่านหยวนข่ายยอมส่งคนมานั่นก็พิสูจน์ได้ว่าตระกูลว่านลำบากจากการคุกคามของตระกูลจวี๋อย่างแท้จริง”
“ถูกต้อง”
หลี่เซี่ยงผิงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างชัดเจน ความคิดของเขาสอดคล้องกับบิดาจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า
“เพียงแต่ตระกูลจวี๋รู้เรื่องของที่นาวิญญาณของตระกูลว่านอย่างละเอียด คาดว่าภายในมีสายลับอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้ว่านหยวนข่ายดำเนินการอย่างลับที่สุด เวลานี้ตระกูลหลี่ของเรายังไม่อาจปะทะกับตระกูลจวี๋ได้ เราควรสนับสนุนตระกูลว่านจากเบื้องหลังอย่างเงียบๆ”
“ถูกต้อง”
หลี่มู่เถียนพยักหน้าชื่นชม พร้อมจิบชาน้อยๆก่อนกล่าวต่อ
“ทั้งสองตระกูลมีอำนาจแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ของเรามาก เวลานี้เราควรสงบเงียบและสะสมกำลังไว้ ตระกูลจวี๋กดขี่อย่างร้ายแรง ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนว่าไม่น่าไว้วางใจ ส่วนตระกูลว่าน แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของสำนักชิงฉือเช่นเดียวกัน แต่เราก็ยังต้องระวังเช่นกัน”
หลี่ทงหยามองแผนที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“แผนที่นี้แสดงให้เห็นว่าตระกูลจวี๋มีพื้นที่ติดกับตระกูลหลี่ของเราหรือไม่?”
“มี”
หลี่เซี่ยงผิงพยักหน้าและชี้จุดที่ทางแยกของถนนกู่หลีเต้าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ถนนกู่หลีเต้าแยกออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งมุ่งไปทางเหนือเข้าสู่พื้นที่ของตระกูลจวี๋ อีกทางหนึ่งมุ่งไปทางตะวันออกซึ่งเป็นทางไปยังตระกูลว่าน”
เขาหยุดชั่วครู่เมื่อเห็นหลี่ทงหยาทำท่าคล้ายกำลังคิดตามก่อนกล่าวต่อว่า
“ข้าถามว่านหยวนข่ายมาแล้ว เมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีปีศาจตัวหนึ่งรวมตัวกับปีศาจเล็กๆ สร้างถ้ำปีศาจขึ้นบนถนนสายที่ไปยังตระกูลจวี๋ ตั้งแต่นั้นมาถนนเส้นนั้นก็ถูกตัดขาด ตระกูลจวี๋ถึงกับละทิ้งพื้นที่บริเวณนั้น แม้จะยังถือว่าเป็นพื้นที่ในเขตปกครองของพวกเขาอยู่ก็ตาม”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” หลี่ทงหยาพูดด้วยความกระจ่างใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่ต้องกังวลว่าตระกูลจวี๋จะบุกเข้ามาในเขตของเรา ตราบใดที่ตระกูลว่านยังไม่ล่มสลาย ตระกูลจวี๋ก็ไม่สามารถคุกคามเราได้”
“ปีศาจตัวนั้นดูฉลาดนัก มันเลือกสร้างถ้ำปีศาจตรงเขตแดนระหว่างสำนักชิงฉือและสำนักถังจินเหมิน ตั้งใจเก็บตัวฝึกในถ้ำโดยไม่ออกมาเพ่นพ่าน”
หลี่เซี่ยงผิงกล่าวเบาๆก่อนหันไปปถามหลี่มู่เถียน
“ข้าได้ยินว่านหยวนข่ายบอกว่าทางตะวันตกของตระกูลหลี่มีชาวซานเย่วเคยปรากฏตัวขึ้น ท่านพ่อเมื่อครั้งที่ท่านต่อสู้กับพวกเขาท่านทราบอะไรบ้างหรือไม่?”
หลี่มู่เถียนโบกมือเล็กน้อยก่อนกล่าว
“หากพูดถึงรูปลักษณ์ ชาวซานเย่วก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเรามากนัก เพียงแต่พวกเขามีลักษณะเฉพาะ เช่น ไว้ผมสั้นและสักลวดลาย พูดภาษาที่เราไม่เข้าใจ พวกเขาชื่นชอบการต่อสู้ มีพละกำลังสูงและในเผ่าของพวกเขายังมีผู้ใช้คาถาที่เก่งกาจด้านคำสาปและการควบคุมสัตว์ สิ่งเหล่านี้ทำให้จัดการได้ยาก”
“ข้าไม่แน่ใจว่าวิชาไล่ปีศาจของพวกเจ้าจะมีประสิทธิภาพเพียงใด หากสามารถรับมือกับคำสาปได้ หมู่บ้านของเราก็อาจต่อกรกับพวกเขาได้”
“ไม่ต้องรีบร้อน”
หลี่ทงหยากล่าวแทรกพร้อมชี้วงกลมรอบพื้นที่ของตระกูลหลี่ในแผนที่ก่อนกล่าวต่อ
“ตระกูลว่านถูกตระกูลจวี๋บีบคั้นและตัดแบ่งพื้นที่ออกไปหลายครั้ง ส่วนพื้นที่ที่ซือหยวนไป๋มอบให้ตระกูลหลี่นั้นก็กว้างขวางจนปัจจุบันพื้นที่ของเรายิ่งใหญ่กว่าของตระกูลว่านเสียอีก”
“แต่พื้นที่ที่กว้างขวางนั้นกลับมีประชากรน้อยและกำลังของตระกูลหลี่เราก็ยังอ่อนแอ นี่เป็นเพียงความเข้มแข็งจอมปลอมเท่านั้น หากชาวซานเย่วไม่มารุกราน เราก็ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องกับพวกเขา ปล่อยให้ตระกูลว่านเป็นกำแพงกันภัยไปก่อน รอให้ตระกูลหลี่ของเราพัฒนาเต็มที่และยึดพื้นที่ทั้งหมดได้อย่างมั่นคงเสียก่อนค่อยว่ากันอีกที”
(จบบท)