ตอนที่แล้วบทที่ 247: หกวิถี​แห่ง​วิญญาณ​!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 249: เยือนถ้ำน้ำแข็งเหมันต์​อีกครั้ง!

บทที่ 248: คำขอของสำนักเทียนซิง!


บทที่ 248: คำขอของสำนักเทียนซิง!

“เจ้าไปแจ้งท่านอาจารย์ว่าไม่ต้องลำบากหรอก” หลินเสวียนยิ้ม

“ถ้าหากท่านอาจารย์ของเจ้าอยากจะสร้างสำนักเทียนซิงขึ้นใหม่ที่ภูเขาหลางหยาจริงๆ, พอดีว่าช่วงนี้​ข้ากำลังจะกลับไปที่ตระกูลหลินพอดี ข้าจะแวะไปพบเขาเอง”

“ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งดีเลยเจ้าค่ะ!” หยุนซู่พยักหน้าเห็นด้วย

เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางสำนักเทียนซิงจะได้ร่วมมือกับหลินเสวียน

“งั้นตอนนี้พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ!” หลินเสวียนกล่าว

เดิมทีหลินเสวียนก็ตั้งใจจะออกจากถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กเพื่อไปที่ถ้ำน้ำแข็งเหมันต์และเก็บเปลวเพลิงเหมันต์สุดขั้วอยู่แล้ว

และการกลับไปเยี่ยมตระกูลหลินเพื่อพูดคุยเรื่องความร่วมมือกับท่านอาจารย์ใหญ่ของสำนักเทียนซิงนั้นถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญพอดี

...

ร่างของหลินเสวียนและหยุนซู่เหาะด้วยกระบี่บินมุ่งตรงไปยังที่ตั้งใหม่ของตระกูลหลิน

ในตอนนี้ตระกูลหลินสร้างบ้านใหม่ขึ้นโดยอาศัยอาณาจักรลับเทียนเล่ย โดยได้รับการปกป้องโดยค่ายกลภูเขาและแม่น้ำอันงดงาม

หลินเสวียนมองลงมาจากเบื้องบน เขาเห็นสมาชิกตระกูลหลินจำนวนมากกำลังฝึกฝนอยู่ในลานฝึก

อีกทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธจากสำนักธาราคอยแนะนำการฝึกฝนให้กับพวกเขาอีกด้วย

ส่วนหลินเทียน หลินหลาน และหลินเสวี่ยนั้นตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่

ฟุ่บ!

หลินเสวียนพาหยุนซู่เหาะข้ามค่ายกลไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจลงจอดที่ลานฝึก

“คุณชายสาม!”

“คุณชายสามกลับมาแล้ว!”

ทันทีที่หลินเสวียนและหยุนซู่ปรากฏตัว สมาชิกตระกูลหลินที่อยู่ในลานฝึกก็ส่งเสียงโห่ร้องขึ้นด้วยความดีใจ

พวกเขามองหลินเสวียนด้วยความเคารพยำเกรง

ตอนนี้ตระกูลหลินเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก, ในอดีต ถึงแม้ว่าตระกูลหลินจะมีฐานะร่ำรวยก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมากมาย

แม้จะมีสำนักธาราหนุนหลัง พวกเขา​ก็ยังคงถูกผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ คอยกดขี่อยู่บ่อยครั้ง

แต่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลางหยาหรือเมืองใหญ่อื่นๆในบริเวณโดยรอบ หรือไม่ว่าจะเป็นคนในยุทธภพหรือสำนักเซียนต่างๆ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเป็นคนของตระกูลหลิน พวกต่างก็ให้ความเคารพยำเกรง​อย่างมาก

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

หลังจากที่เสียงของสมาชิกตระกูลหลินดังออกไป มันก็มีร่างสามร่างพุ่งออกมาจากใจกลางของตระกูลหลินทันที

เเละคนที่อยู่ข้างหน้าสุดคือหลินเสวี่ย!

“พี่สาม!”

หลินเสวี่ยวิ่งเข้ามาหาหลินเสวียน ก่อนจะซบหน้าลงกับอกของเขาอย่างแรง

“เสวี่ยเอ๋อร์บ่มเพาะถึงขั้นหลอมปราณขั้นที่หกแล้วงั้นหรือ” หลินเสวียนรู้สึกยินดีที่หลินเสวี่ยพัฒนาขึ้นมากขนาดนี้

ความเร็วในการบ่มเพาะของเธอไม่เร็วไม่ช้า จัดว่ากำลังพอดี

ในวัยของเธอ ไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป

“น้องสาม ต้องขอบคุณเจ้าสำนักอู๋มากเลยล่ะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาดูแล…เสวี่ยเอ๋อร์คงกินโอสถเหมือนกินขนมหวานเล่นไปแล้ว” หลินเทียนพูดติดตลก

“ใช่ โชคดีที่มีเจ้าสำนักอู๋อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเอาเจ้าตัวเล็กคนนี้ไม่อยู่แน่” หลินหลานเสริม

“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านก็เก่งเหมือนกันนี่ บ่มเพาะถึงขั้นหลอมปราณขั้นที่สามแล้ว” หลินเสวียนยิ้มรับ

ถึงแม้ว่าหลินเทียนและหลินหลานจะบ่มเพาะเพียงขั้นหลอมปราณขั้นที่สาม แต่ร่างกายของพวกเขากลับแข็งแกร่งมาก

บนผิวหนังมีรอยสักสายฟ้าปรากฏอย่างเลือนราง แสดงว่าพวกเขาคงใช้เวลาฝึกฝนในอาณาจักรลับเทียนเล่ยมาไม่น้อย

ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ คงไม่เป็นปัญหาอะไร หากพวกเขาต้องต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธขอบเขต​หลอม​ปราณ​ขั้นที่ห้าหรือหก

“ใช่”

“พวกเราพยายาม​ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอาณาจักรลับเทียนเล่ย จึงทำให้พัฒนาได้เร็วมาก” หลินหลานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“จริงสิ น้องสาม!”

“ทางสำนักธารา ภายใต้การนำของเจ้าสำนักอู๋ย่ง พวกเขาได้มอบวิชาระดับสีเหลืองให้กับตระกูลหลินของเราอีกสามวิชา”

“ตอนนี้คนในตระกูลหลินที่มีส่วนร่วมก็มีวิชาบ่มเพาะไว้ฝึกฝนแล้ว”

“ส่วนวิชาระฆังทองคำอมตะ จะถ่ายทอดให้เฉพาะคนสำคัญของตระกูลเท่านั้น” หลินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่อู๋ย่งเป็นพวกเดียวกับเรา เขายกอะไรให้เราก็รับไว้เถอะ” หลินเสวียนยิ้มรับ

“ว่าแต่ ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ที่ไหนกัน?”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ไปเที่ยวชมหิมะที่เมืองซู”

“ตอนนี้ท่านทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลเรื่องธุรกิจอีกต่อไป พวกท่านเลยออกไปเที่ยวเล่นกันบ่อยๆ”

“ยังไงก็แล้วแต่มีคนของเราคอยคุ้มกันตลอดทาง น้องสามไม่ต้องห่วง” หลินเทียนอธิบาย

“ถ้างั้นก็ดีเลย” หลินเสวียนรู้สึกยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น

…..

“น้องหลิน เจ้ากลับมาบ้านทำไมถึงไม่บอกข้าก่อนล่ะ?”

ในขณะนั้นเอง เสียงของอู๋ย่งก็ดังขึ้น

หลินเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นอู๋ย่งกำลังเหาะลงมาหาพวกเขา

“พวกเราก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น จะแจ้งล่วงหน้าทำไมกัน”

“เดิมทีข้าตั้งใจจะกลับมาบ้านก่อน แล้วค่อยไปหาท่านที่สำนักธารา ไม่คิดว่าท่านจะมาหาถึงที่นี่” หลินเสวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ตอนนี้อู๋ย่งทะลวงไปถึงขอบเขตแก่นทองคำแล้ว ทั้งพลังปราณและจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก แม้แต่รูปร่างหน้าตาก็ดูหล่อเหลาขึ้นอีกด้วย

คิดๆดูแล้ว ตอนที่เขายังหนุ่ม คงจะต้องเป็นหนุ่มรูปงามแน่ๆ

“หลินเสวียน คนนี้คือ…” อู๋ย่งหัวเราะเสียงดังพลางมองไปที่หยุนซู่

“หยุนซู่!”

“เดิมทีนางเป็นรองหัวหน้าของสำนักเทียนซิง เเต่ตอนนี้มาประจำการที่หอลงทัณฑ์ของพวกเรา”

“เเละนางก็เป็นถึงปรมาจารย์ขอบเขต​แก่นทองคำเหมือนกัน” หลินเสวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“หยุนซู่ นี่คือเจ้าสำนักอู๋ย่งแห่งสำนักธารา ส่วนคนที่ข้ากอดอยู่นี่คือน้องสาวของข้า หลินเสวี่ย และสองคนนี้คือพี่ชายคนโต หลินเทียน และพี่สาวคนรอง หลินหลาน” หลินเสวียนกล่าวแนะนำ

“หยุนซู่คารวะทุกท่าน” หยุนซู่คำนับ

“ขอบเขต​แก่นทองคำ?”

“ถ้างั้นน้องสาม เจ้าก็…” หลินเทียนและหลินหลานต่างก็ตกตะลึง​อย่าง​มาก

“ฮ่าๆๆ น้องหลินก็เป็นปรมาจารย์ขอบเขต​แก่นทองคำแล้วสินะ” อู๋ย่งที่เป็นถึงปรมาจารย์ขอบเขต​แก่นทองคำย่อมสามารถรับรู้ขอบเขต​การบ่มเพาะของหลินเสวียนและหยุนซู่ได้

“ยอด…ยอดเยี่ยม​มากจริงๆ!” หลินเทียนและหลินหลานแทบจะเป็นลม

พวกเขายังจำได้ดีว่า เมื่อสองปีก่อน พวกเขาและท่านพ่อท่านแม่วางแผนส่งหลินเสวียนไปยังสำนักเทียนเซียว โดยหวังว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี

แต่ไม่คิดเลยว่าหลินเสวียนจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ในทุกครั้งที่เขากลับมา เขามักจะนำความประหลาดใจกลับมาให้ครอบครัวเสมอ

เมื่อก่อน พวกเขามองผู้ฝึกยุทธขอบเขต​หลอม​ปราณ​เป็นดั่งเทพเซียน…ส่วนขอบเขตแก่นทองคำ พวกเขาแทบไม่เคยได้ยินหรือนึกถึงมาก่อน!

เเละตอนนี้พวกเขามีความรู้เรื่องการฝึกยุทธ​มากขึ้น พวกเขา​จึงพอเข้าใจว่าขอบเขตแก่นทองคำนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด

ขอบเขต​นั้นทำให้มีอายุยืนยาวถึงพันปี!

อีกทั้งเพียงแค่ขยับมือก็มีพลังสามารถ​ถล่มฟ้าดินได้!

พูดง่ายๆก็เปรียบเสมือน​เทพเซียนที่แท้จริง

“ถึงข้าจะเป็นปรมาจารย์ขอบเขต​แก่นทองคำแล้ว ข้าก็ยังเป็นน้องชายของพวกท่านอยู่เหมือนเดิม อีกอย่าง พวกท่านก็อาจจะไปถึงขอบเขตนี้ในสักวันก็ได้” หลินเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลินเทียนและหลินหลานยังคงตื่นเต้น ตอนนี้พวกเขาเกือบจะรีบวิ่งไปตามพ่อแม่กลับมาเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองแล้ว

นั่นทำให้หลินเสวียนต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาอยู่นาน กว่าพวกเขาถึงจะยอมล้มเลิกความคิด

“ท่านอาจารย์​หยุนเฉียนเหอแห่งสำนักเทียนซิงขอพบท่านปรมาจารย์โอสถหลิน”

ในเวลานั้นเอง มันก็มีเสียงดังมาจากนอกค่ายกล

หลินเสวียนมองไปที่หยุนซู่ คงเป็นเธอที่แจ้งให้หยุนเฉียนเหอมา

“เชิญ!” หลินเสวียนตะโกนเสียงดัง

เขาโบกมือเบาๆ เปิดช่องว่างในค่ายกลภูเขาและแม่น้ำอันงดงาม

ฟุ่บ!

หยุนเฉียนเหอก้าวเข้ามาในพื้นที่​ของตระกูล​หลิน​

ใบหน้าของหยุนเฉียนเหอมีส่วนคล้ายกับหยุนซู่ถึงเจ็ดส่วน

แต่เขาดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกว่า

เเละสิ่งที่ทำให้หลินเสวียนประหลาดใจมาที่​สุด​คือระดับการบ่มเพาะของหยุนเฉียนเหออยู่ที่ขอบเขตแก่นทองคำขั้นที่สาม

“หยุนเฉียนเหอคารวะท่านปรมาจารย์โอสถหลิน คารวะทุกท่าน!” หยุนเฉียนเหอคำนับหลินเสวียนก่อน จากนั้นก็พยักหน้าทักทายคนอื่นๆ

“ท่านอาจารย์หยุนไม่ต้องเกรงใจกัน” หลินเสวียนโบกมือปฏิเสธ ก่อนจะหันไปพูดกับหลินเทียน

“พี่ใหญ่ ข้า พี่อู๋ย่ง และท่านอาจารย์หยุนมีเรื่องต้องคุยกัน ท่านช่วยหาสถานที่ให้พวกเราหน่อยได้ใหม”

“ได้เลย”

“เดียวข้าจะพาพวกท่านไปที่ห้องประชุม”

“น้องสาม เจ้าสำนักอู๋ย่ง ท่านอาจารย์ใหญ่หยุน เชิญตามข้ามา” หลินเทียนนำทุกคนไปยังห้องประชุม

...

ภายใน​ห้อง​ประชุม

“ท่านปรมาจารย์โอสถหลิน ข้าไปดูภูเขาหลางหยาแล้ว มันเหมาะแก่การตั้งสำนักมาก” หยุนเฉียนเหอกล่าวหลังจากนั่งลง

“ถ้าท่านอาจารย์หยุนพอใจก็ดีแล้ว” หลินเสวียนยิ้ม

อู๋ย่งที่ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “สำนักเทียนซิงจะตั้งสำนักที่ภูเขาหลางหยางั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว” หยุนเฉียนเหอพยักหน้า

“จริงๆแล้วเดิมทีข้าตั้งใจจะไปพบพี่อู๋ย่งและท่านอาจารย์หยุนทีละคน แต่ในเมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะพูดไปเลยทีเดียว”

“ข้าหวังว่าในอนาคต ตระกูลหลิน สำนักธารา และสำนักเทียนซิงจะร่วมมือเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน” หลินเสวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ข้าไม่มีปัญหา!” อู๋ย่งตอบตกลงทันที

จริงๆ แล้วสำนักธาราและตระกูลหลินได้ร่วมมือกันในหลายๆด้านอยู่แล้ว ถือว่าเป็นพวกเดียวกันเลยล่ะ

…..

“ท่านปรมาจารย์โอสถหลิน โปรดบอกแผนการมาได้เลย” ด้านหยุนเฉียนเหอเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

“สำหรับสำนักบ่มเพาะแล้ว วิชาและทรัพยากรนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”

“ในเมื่อตระกูลหลินมีข้าอยู่ พวกเขาจึงไม่ขาดแคลนทรัพยากร แม้แต่สำนักขนาดกลางทั่วๆไปก็ยังเทียบไม่ได้”

“เเต่สิ่งที่ตระกูลหลินของเราขาดคือวิชาบ่มเพาะและคำแนะนำจากผู้ฝึกยุทธ”

“และข้าเองก็ยุ่งมาก จึงไม่มีเวลาดูแลเรื่องนี้”

“ดังนั้นข้าจึงอยากจะสร้างหอคัมภีร์ขึ้นที่ตระกูลหลิน, เพื่อรวบรวมวิชาของทั้งสามฝ่ายและแลกเปลี่ยนกัน”

“แน่นอน ตอนนี้ตระกูลหลินของเรายังไม่มีตำราอะไรมากนัก ข้าจึงจะมอบโอสถให้พวกท่านเป็นการตอบแทน”

“และถ้าหากในอนาคตพวกท่านต้องการอะไร ก็สามารถมาหาข้าได้เลย”

“ผู้ฝึกยุทธนั้น คิดการณ์ไกลเป็นร้อยเป็นพันปี ข้าเพิ่งเริ่มฝึกได้ไม่นาน จึงยังไม่มีวิชาสะสมมากนัก แต่ว่าในอนาคต ข้าจะนำวิชาขั้นสูงมาเก็บไว้ในหอคัมภีร์ ซึ่งนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านเช่นกัน” หลินเสวียนกล่าวอย่าง​มั่นใจ​

“หอคัมภีร์ที่ใช้ร่วมกันทั้งสามฝ่ายงั้นหรือ?” หยุนเฉียนเหอครุ่นคิดเเล้วตอบรับ

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา!”

หยุนเฉียนเหอได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต สาเหตุที่สำนักเทียนซิงล่มสลายก็เพราะพวกเขามีพันธมิตรน้อยเกินไป พวกเขา​จึงไม่มีผู้สนับสนุนเลย

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงต้องสร้างพันธมิตร…ยิ่งไปกว่านั้น หลินเสวียนยังเป็นพันธมิตร​ที่แข็งแกร่งมาก!

ไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของเขาในสำนักเทียนเซียว เพียงแค่ฐานะปรมาจารย์โอสถระดับสวรรค์ของเขาก็เพียงพอที่จะสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกแห่งการบ่มเพาะของแคว้นกว่างหลิงแล้ว

“เมื่อสำนักเทียนซิงของเราตั้งมั่นที่ภูเขาหลางหยาแล้ว พวกเราจะส่งคนมาให้คำแนะนำการฝึกฝนแก่ตระกูลหลินเป็นประจำ” หยุนเฉียนเหอกล่าวอย่าง​ยินดี​

“นั่นก็ยิ่งดีเลย” หลินเสวียนพยักหน้า

“เเต่ข้าแค่เสนอกรอบคร่าวๆเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต่างๆ พวกท่านไปคุยกับพี่ใหญ่ของข้าก็แล้วกัน”

“แต่อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าเราสามารถนำระบบคะแนนสะสมของสำนักเทียนเซียวมาใช้ได้ ในส่วนของการเข้าถึงวิชาก็ควรมีเงื่อนไขบ้าง” หลินเสวียนกล่าวเสริม

“อืม!”

“จริงๆ แล้วสำนักธาราของเราก็มีระบบที่คล้ายกัน เดี๋ยวเรื่องนี้พวกเราค่อยหารือกันอีกที” อู๋ย่งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

……

“จริงสิ ท่านปรมาจารย์โอสถหลิน!”

“ครั้งนี้ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง” หยุนเฉียนเหอมองไปที่หลินเสวียนเเล้วเอ่ยขึ้น​มา​

“ท่านอาจารย์​หยุน เชิญพูดได้เลย” หลินเสวียนพยักหน้า

“ในวันสถาปนาสำนักเทียนซิงขึ้นใหม่ พวกเราอยากจะเชิญท่านปรมาจารย์โอสถหลินมาร่วมงานในฐานะแขกคนสำคัญ!” หยุนเฉียนเหอกล่าวเชิญด้วยความคาดหวัง

…………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด