ตอนที่ 1047 ยังขาดคะแนนอีกเท่าไหร่ถึงจะอัปเกรดได้
เย่เฉิน ตั้งใจจะไปตรวจสอบบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์ของตัวเองด้วยตนเอง
เย่เฉิน มั่นใจมากว่ากลุ่มแฮกเกอร์ต่างชาติที่อยู่ๆ ก็มาขโมยวิดีโอภาพยนตร์ของบริษัทเขานั้น
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน…
ต้องมีเหตุผลพิเศษอะไรบางอย่าง เนื่องจากในประเทศมีบริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์มากมาย
แล้วทำไมกลุ่มแฮกเกอร์ต่างชาติกลุ่มนี้ถึงเลือกบริษัทของเขา ซึ่งเพิ่งเปิดไม่นาน และยังไม่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์แล้วเสร็จเลยด้วยซ้ำ?
เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ!
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เย่เฉิน ก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเขา
เมื่อมาถึงบริษัท เย่เฉิน ตรวจสอบรอบๆ แต่เขาเองก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้
แต่ เย่เฉิน ไม่ได้รีบร้อนจะจากไป เขานั่งลง และเฝ้ารอใครบางคนมาถึง
ผ่านไปอีกสิบกว่านาที ผู้เชี่ยวชาญสามคนก็มาถึง
พวกเขาเป็นทีมจากสำนักงานนักสืบเอกชน ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ สาขาเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเป็นทีมชั้นยอดของสำนักงานนักสืบนี้ด้วย
“ช่วยสืบเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ หาสาเหตุให้ครบถ้วนทุกประเด็น อย่าให้มีข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ หลุดรอดไปได้”
เย่เฉิน สั่งการเหล่านักสืบจากสำนักงานนักสืบเอกชน ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’
ปัญหาที่อาจสร้างความเสียหายแบบนี้ต้องถูกจัดการให้หมดสิ้น
“ครับ บอส”
ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างจริงจัง นี่คือ ‘หน้าที่ของพวกเขา’
หลังจากฝากเรื่องนี้ไว้กับพวกเขา เย่เฉิน จึงออกไปทานอาหาร
เมื่อทานอาหารเสร็จ เย่เฉิน กลับมาที่คฤหาสน์ ถานกง
ระหว่างนั้น จู่ๆ เย่เฉิน ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“ใช่แล้ว ยังขาดคะแนนอีกเท่าไหร่ถึงจะอัปเกรดได้?”
ครั้งล่าสุดที่ เย่เฉิน ตรวจดูเหมือนจะเหลือแค่ไม่กี่ร้อยคะแนนเท่านั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฉิน จึงหยิบมือถือขึ้นมา และเข้าไปในเกมทันที
[ระดับร้านค้า : ร้านค้าระดับหกดาว (4453/4500)]
“ยังขาดอีก 47 คะแนน...”
เย่เฉิน พึมพำกับตัวเองเบาๆ
นี่เป็นเรื่องของการทำภารกิจอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ระดับผู้เล่นของเขาอัปเกรดเป็น LV7 แล้ว การทำภารกิจแต่ละครั้งก็ได้คะแนนสะสม(ร้านค้า)ประมาณ 100 คะแนน
แค่ทำภารกิจอีกแค่ครั้งเดียว ร้านค้าของเขาก็สามารถอัปเกรดเป็นระดับถัดไปได้อย่างแน่นอน 100%
ถึงตอนนั้น มูลค่าของสินค้าในร้านค้าเกมจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เย่เฉิน ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะได้อัปเกรดร้านค้าเป็นระดับเจ็ดดาวอย่างมาก
ในขณะที่ เย่เฉิน กำลังศึกษาเกมอยู่นั้น ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้
พ่อของ ซู หนิงซวง กำลังเคาะประตูห้องส่วนตัวด้วยความกังวล
ครั้งนี้เขามาขอพบกับบุคคลสำคัญในเซี่ยงไฮ้ หวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยเขาขยายตลาดของตระกูลซูในเซี่ยงไฮ้ได้
“เข้ามา”
เสียงตอบกลับจากในห้องดังขึ้นเมื่อมีเสียงเคาะประตู
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ พ่อของ ซู หนิงซวง พลันก้าวเดินเข้าไปในห้อง
“คุณเป็นใคร?”
มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในห้องส่วนตัว พอเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาก็ถามอย่างไม่พอใจ
เขาคือ ‘สวี ซ่างถง’ บุคคลสำคัญที่พ่อของ ซู หนิงซวง ตั้งใจมาขอพบในครั้งนี้
“บอสสวี ผมมาจากตระกูลซูในหางโจว ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าตระกูลซู...”
พ่อของ ซู หนิงซวง รีบตอบอย่างสุภาพทันที
“ตระกูลซูจากหางโจว? นั่นมันอะไร?”
ยังไม่ทันที่พ่อของ ซู หนิงซวง จะพูดจบ สวี ซ่างถง ก็ขัดขึ้นทันที
สำหรับเขาแล้ว ตระกูลซูจากหางโจวที่เล็กกระจ้อยร่อย ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย
ในสายตาของคนอื่น ตระกูลซู ที่เป็นตระกูลใหญ่ในหางโจว ถือว่าสูงส่ง และทรงอิทธิพล
แต่ในสายตาของ สวี ซ่างถง บุคคลสำคัญในเซี่ยงไฮ้ ตระกูลซูที่ว่านี้เป็นเพียงตระกูลใหญ่ที่กำลังเสื่อมถอย และอาจหายไปในไม่ช้า
“คุณมาหาฉันทำไม?”
สวี ซ่างถง ถามด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
“บอสสวี พวกเราตระกูลซูอยากจะขยายตลาดในเซี่ยงไฮ้ จึงต้องการความช่วยเหลือจากคุณ...”
พ่อของ ซู หนิงซวง อธิบายอย่างสุภาพอีกครั้ง
“ฮ่าๆ อยากให้ฉันช่วย? ตระกูลซูของคุณมีคุณสมบัติเหรอ?”
สวี ซ่างถง หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“บอสสวี นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากผมครับ”
เมื่อเห็นท่าทางของ สวี ซ่างถง พ่อของ ซู หนิงซวง จึงรีบนำของขวัญที่เตรียมมา ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านหยวนออกมา หวังว่าจะช่วยเปลี่ยนความประทับใจของ สวี ซ่างถง ที่มีต่อเขา..
สวี ซ่างถง ทำเพียงเหลือบมองของขวัญของพ่อ ซู หนิงซวง ด้วยสายตาเหยียดหยามบนใบหน้าของเขา
“อยากให้ฉันช่วยตระกูลซูของคุณ? คุณยังไม่คู่ควร กลับไปซะ อย่ามารบกวนเวลาของฉัน..”
สวี ซ่างถง โบกมือไล่อย่างดูถูก
เมื่อเห็น สวี ซ่างถง พูดแบบนั้น พ่อของ ซู หนิงซวง ก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ต้องหันหลังเดินออกไป
“ตระกูลซูเนี่ยนะ คิดจะมาขอร้องฉัน ฮึ!”
ทันทีที่พ่อของ ซู หนิงซวง ก้าวออกจากห้องส่วนตัวมา เสียงดูถูกดูแคลนของ สวี ซ่างถง ก็ดังตามไล่หลังออกมาจากห้องส่วนตัว
พ่อของ ซู หนิงซวง โกรธจนแทบระเบิด!
เขาอยากจะเดินกลับไป และตบหน้า สวี ซ่างถง ให้หายแค้น
แม้จะโกรธมาก แต่ประสบการณ์หลายปีทำให้พ่อของ ซู หนิงซวง ต้องกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไป
ไม่มีทางเลือก เพราะตระกูลซูไม่มีอิทธิพลเท่า สวี ซ่างถง ต่อให้โกรธแค่ไหน เวลานี้เขาก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น
ด้วยอารมณ์ที่หม่นหมอง พ่อของ ซู หนิงซวง จึงเลือกกลับมาที่บ้าน
วันรุ่งขึ้น เย่เฉิน เดินทางไปเยี่ยมพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง เนื่องจากเขาเห็นว่านี่คือว่าที่พ่อตาแม่ยายของเขาในอนาคต
ในเมื่อพวกเขามาที่เซี่ยงไฮ้ เขาคิดว่าควรไปเยี่ยมเยียนสักสองสามครั้ง เพื่อแสดงความเคารพ เพื่อสร้างความประทับใจ และเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีกับว่าที่พ่อตาแม่ยายของเขาในอนาคตด้วย
เมื่อ เย่เฉิน มาถึง ซู หนิงซวง ก็มาถึงก่อนแล้ว
หลังจากทักทายพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง และพูดคุยกันเล็กน้อย พ่อของ ซู หนิงซวง ก็ลุกเดินเข้าไปในห้องหนังสือ
ขณะนั้นเอง แม่ของ ซู หนิงซวง ก็พูดขึ้นว่า :
“เสี่ยวเฉิน มานี่หน่อย”
แม่ของ ซู หนิงซวง เรียก เย่เฉิน ไปคุยเป็นการส่วนตัว ดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่เฉิน เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป