ตอนที่แล้วตอนที่ 10 อู๋เสี่ยวพั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 อู๋เสี่ยวพั่งซาบซึ้งใจ

ตอนที่ 11 สำนักภูผาใต้


ตอนที่ 11 สำนักภูผาใต้

“เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้หรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางอวิ๋นและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซียนสวรรค์ต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจ

สำนักภูผาใต้ เช่นเดียวกับสำนักเซียนสวรรค์ เป็นหนึ่งในห้าสำนักที่ทรงพลังที่สุดในแคว้นเมฆาใต้ ทั้งสองตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นและอยู่ห่างกันไม่ถึงพันลี้ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสำนักกลับไม่ค่อยดีนัก จะพูดให้ถูกคือออกจะเป็นศัตรูกันเสียด้วยซ้ำ

เนื่องจากทั้งสองสำนักเป็นผู้ครอบครองอิทธิพลสูงสุดในพื้นที่ตอนใต้ของแคว้นเมฆาใต้ จึงมักเกิดความขัดแย้งในเรื่องทรัพยากรและผลประโยชน์ในพื้นที่เดียวกัน การเผชิญหน้ากันบ่อยครั้งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองสำนักตึงเครียดและพร้อมจะปะทะกันได้ทุกเมื่อ

แต่ในเวลานี้เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้กลับปรากฏตัวในสำนักเซียนสวรรค์?

เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันหันไปมองเจ้าสำนักใหญ่ของสำนักเซียนสวรรค์ การมาถึงของเจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้ ย่อมต้องเป็นที่รับรู้ของเจ้าสำนักเซียนสวรรค์ แล้วเหตุใดจึงเรียกพวกเขามารวมตัวในเวลานี้?

“วันนี้ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามา ก็เพื่อประกาศเรื่องสำคัญระหว่างสำนักของเรากับสำนักภูผาใต้!”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์กล่าวขึ้น “ก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึง ข้าได้ตกลงกับเจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้แล้วว่าจะจัดการประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างสองสำนัก!”

“การประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างสองสำนัก?”

เหล่าผู้อาวุโสต่างประหลาดใจ

สำนักที่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกันเช่นนี้ จะจัดการประชุมแลกเปลี่ยนได้อย่างไร?

“นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยน ยังเป็นการแข่งขันด้วย!”

เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้พูดขึ้นต่อ “การประชุมครั้งนี้ จะเน้นไปที่การแข่งขันระหว่างเหล่าผู้อาวุโสของทั้งสองสำนัก!”

“เจ้าหมายความว่าให้ผู้อาวุโสต่อสู้กันหรือ?” มีผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้น

“ไม่ใช่!” เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้ส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มและอธิบาย “ข้าเพิ่งรับตำแหน่งในสำนักภูผาใต้ได้ไม่นาน การจัดการประชุมครั้งนี้ก็เพื่อหวังให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักผ่อนคลายลง ข้าจึงไม่อยากให้เหล่าผู้อาวุโสต้องประลองกันจนเกิดความขุ่นเคือง การประชุมครั้งนี้จะเน้นไปที่การนำศิษย์ออกฝึกฝนและแข่งขันแทน!”

“การนำศิษย์ออกฝึกฝนและแข่งขัน?”

เหล่าผู้อาวุโสขมวดคิ้ว

“ผู้อาวุโสแต่ละท่านจากทั้งสองสำนัก สามารถพาศิษย์ระดับหลอมลมปราณเข้าร่วมได้สองคน”

เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้กล่าว “เมื่อการประชุมเริ่มต้นขึ้น จะมีการมอบภารกิจฝึกฝนให้แต่ละกลุ่ม ภารกิจเหล่านี้จะมีคะแนนกำกับไว้ ผู้ที่ทำสำเร็จจะได้รับคะแนน นอกจากนี้ยังสามารถล่าอสูรวิญญาณเพื่อสะสมคะแนนเพิ่มเติมได้อีกด้วย เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด จะจัดอันดับผู้อาวุโสจากคะแนนรวมทั้งหมด”

พูดจบ เขาหยิบกล่องไม้ประณีตกล่องหนึ่งออกมา “เพื่อกระตุ้นให้เหล่าผู้อาวุโสเข้าร่วมอย่างเต็มที่ ผู้ที่ได้อันดับสูงจะได้รับรางวัล โดยเฉพาะผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับสิ่งนี้!”

ขณะพูด เขาเปิดกล่องไม้นั้นออกมา

ทันทีที่กล่องไม้นั้นถูกเปิดออก กลิ่นหอมของยาอันเข้มข้นก็ฟุ้งกระจายไปทั่วมหาวิหาร

เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั้น ต่างรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเซียนสวรรค์ซึ่งอยู่ในระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุด เขารู้สึกได้ถึงคอขวดที่กั้นขวางพลังของเขาคลายตัวลงเล็กน้อย

“นี่...นี่มัน!!”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังกล่องไม้นั้นอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “นี่คือโอสถปฐมวิญญาณใช่หรือไม่? โอสถปฐมวิญญาณหรือ!?”

“ถูกต้อง” เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้พยักหน้าตอบ

เมื่อได้ยินคำตอบ สีหน้าของทุกคนในที่นั้นเปลี่ยนไปทันที

โอสถปฐมวิญญาณ ตามชื่อของมัน นี่คือโอสถระดับสูงที่สามารถช่วยผู้ฝึกตนในระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุด ให้สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับปฐมวิญญาณได้ ราคาของมันในตลาดอย่างน้อยต้องมากกว่าหนึ่งแสนหินวิญญาณ และที่สำคัญคือต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้

“ผู้ชนะอันดับหนึ่งจะได้รับโอสถนี้จริงหรือ?” ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเซียนสวรรค์ถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจ

“แน่นอน” เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้พยักหน้าและตอบ “ใครก็ตามที่ได้อันดับหนึ่งในการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ โอสถนี้จะตกเป็นของเขา!”

ผู้อาวุโสใหญ่ตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด

แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุดก็ยังหายใจแรงด้วยความตื่นเต้น

ถึงแม้พวกเขาในตอนนี้จะยังใช้โอสถนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะใช้ไม่ได้ สำหรับผู้ที่บรรลุระดับแก่นทองคำแล้ว การไปถึงแก่นทองคำขั้นสูงสุดนั้นเป็นเพียงเรื่องของเวลา หากมีโอสถนี้ในมือ เท่ากับว่าพวกเขามีโอกาสเข้าสู่ระดับปฐมวิญญาณ!

แม้แต่จางอวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโลภ เพราะโอสถนี้มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนหินวิญญาณ และยังหาได้ยากยิ่ง!

“รายละเอียดอื่น ๆ ของการประชุมครั้งนี้ เจ้าสำนักใหญ่ของพวกเจ้าจะอธิบายเพิ่มเติม ข้ามีธุระบางอย่างจึงขอตัวก่อน ไว้พบกันในอีกห้าวันข้างหน้า!”

เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้พูดจบก็เก็บโอสถปฐมวิญญาณกลับเข้ากล่องและเดินออกไป

เมื่อเห็นเขาเดินจากไป เหล่าผู้อาวุโสในมหาวิหารต่างหันมามองเจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักเซียนสวรรค์

หากก่อนหน้านี้พวกเขายังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าสำนักใหญ่จึงตกลงจัดการประชุมแลกเปลี่ยนกับสำนักภูผาใต้ ตอนนี้คำตอบก็ดูชัดเจน

อีกฝ่ายกล้ายื่นโอสถปฐมวิญญาณมาเป็นรางวัล ต่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองสำนักจะไม่ดีเพียงใด การจัดการประชุมนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า!

อย่างไรก็ตาม มีผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม “เจ้าสำนักใหญ่ สำนักภูผาใต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไรหรือ?”

นี่เป็นคำถามที่อยู่ในใจของจางอวิ๋นและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เช่นกัน

เพราะโอสถปฐมวิญญาณนี้ หากมอบให้ผู้อาวุโสระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุดในสำนักตัวเองใช้ มันก็คุ้มค่าอยู่แล้ว เหตุใดต้องนำมาเป็นรางวัลในการจัดประชุมแลกเปลี่ยนสองสำนักที่ดูเหมือนไม่จำเป็นเช่นนี้

หากบอกว่าทำเพื่อผ่อนคลายความสัมพันธ์?

ใครจะเชื่อ!

ด้วยสถานการณ์ระหว่างสำนักเซียนสวรรค์และสำนักภูผาใต้ แม้จะมีการผ่อนคลายความสัมพันธ์ชั่วคราว แต่ในอนาคต เมื่อมีผลประโยชน์ใหม่ในพื้นที่ ย่อมหลีกเลี่ยงความขัดแย้งไม่ได้อยู่ดี

“วัตถุประสงค์ที่แท้จริง ข้าเองก็ไม่ทราบ”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักภูผาใต้บอกว่าจะมีความร่วมมือกับข้าในอนาคต อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกรายละเอียด มีเพียงการนำโอสถปฐมวิญญาณมาใช้ในการจัดประชุมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นของขวัญสำหรับการพบปะครั้งแรก”

“ความร่วมมือ?”

เหล่าผู้อาวุโสขมวดคิ้วเล็กน้อย

หากต้องการความร่วมมือจากเจ้าสำนักเซียนสวรรค์ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมวิญญาณ แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องใหญ่ การนำโอสถปฐมวิญญาณมาเป็นของขวัญก็ดูสมเหตุสมผล

“เจ้าสำนักใหญ่ ข้าคิดว่าควรระวังไว้ก่อนจะดีกว่า!”

“ข้ารู้ดีอยู่แล้ว”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์โบกมือเบา ๆ ก่อนจะมองกวาดเหล่าผู้อาวุโส “การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะจัดขึ้นในอีกห้าวัน ณ ป่าทิศใต้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่สำนักภูผาใต้ยอมเสนอรางวัลโอสถปฐมวิญญาณ แต่เมื่อพวกเขาเปิดโอกาสนี้แล้ว เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อคว้ามาให้ได้!”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “และเนื่องจากคะแนนในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการฝึกศิษย์ของผู้อาวุโส คะแนนสุดท้ายจะถูกนับรวมในอันดับของผู้อาวุโสประจำปีนี้ด้วย!”

เหล่าผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้น ต่างขมวดคิ้วอีกครั้ง

สำหรับจางอวิ๋น เขารู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที อันดับของผู้อาวุโสเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาตำแหน่งของเขา หากไม่แสดงผลงานให้ดี ตำแหน่งของเขาอาจตกอยู่ในอันตราย

การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เขาต้องเตรียมการอย่างดีที่สุด!

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปเตรียมตัวกันเถิด!”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์โบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนแยกย้าย

เหล่าผู้อาวุโสไม่รั้งรอ ต่างเร่งรีบออกจากมหาวิหารไป แม้แต่เมิ่งจงที่มักจ้องจะหาเรื่องจางอวิ๋น ก็เลือกเดินออกไปโดยไม่ได้รบกวนเขา

แต่จางอวิ๋นกลับยังไม่รีบร้อนออกไป

“ผู้อาวุโสเก้า เจ้ายังมีเรื่องหรือ?”

เมื่อเห็นว่าจางอวิ๋นยังอยู่ เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ถามขึ้นด้วยความสงสัย

จางอวิ๋นยิ้มกว้างก่อนจะถูมือแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าสำนักใหญ่ ข้าเคยได้ยินท่านพูดไว้ว่าหากข้าขาดแคลนทรัพยากรสามารถมาขอความช่วยเหลือจากท่านได้ ข้ากำลังฝึกศิษย์ และข้าใช้ทรัพยากรไปมาก…”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “เจ้าเพิ่งชนะพนันจากเมิ่งจงมาได้หนึ่งหมื่นหินวิญญาณไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าสำนักใหญ่ ท่านคงเห็นเมื่อสองสามวันก่อนแล้วใช่ไหม? ศิษย์ของข้า ช่างเหมือนปีศาจดูดหินวิญญาณเสียจริง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน การฝึกฝนของเขาได้ใช้หินวิญญาณไปจนหมดแล้ว…”

จางอวิ๋นพูดด้วยสีหน้าทุกข์ใจอย่างเห็นได้ชัด

“…”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องวุ่นวายเมื่อสามวันก่อน เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเหรียญคำสั่งออกมาชิ้นหนึ่งแล้วโยนให้จางอวิ๋น “ไปเบิกหินวิญญาณจากคลังเถิด!”

“ขอบคุณเจ้าสำนักใหญ่!”

จางอวิ๋นรีบรับคำสั่งนั้นด้วยความยินดี กล่าวขอบคุณพลางเตรียมตัวจะเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน!”

เสียงเรียกหยุดเขาไว้ จางอวิ๋นหันกลับมาอย่างกระอักกระอ่วน “เจ้าสำนักใหญ่ ท่านมีเรื่องใดอีกหรือ?”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “เรื่องระดับพลังของเจ้าเอง เจ้าก็พยายามปรับปรุงให้มากขึ้นเถิด”

“เจ้าสำนักใหญ่ ข้าจะทำให้ได้!”

จางอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “และจริง ๆ แล้ว ในช่วงสองสามวันมานี้ ข้าก็พัฒนาขึ้นบ้างแล้ว หากไม่เชื่อ ท่านลองถามมู่เซิ่งดูเถิด!”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองสำรวจจางอวิ๋นอย่างละเอียด และพบว่าเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นจริง ๆ

“ถ้าเจ้าพัฒนาขึ้นได้ก็ดีแล้ว จำไว้ว่าการฝึกฝนต้องใจเย็นเหมือนสายน้ำไหลยาว อย่ารีบร้อนเกินไป”

“ข้าทราบดี เจ้าสำนักใหญ่!”

“ไปเถิด!”

จางอวิ๋นเดินออกจากมหาวิหารเจ้าสำนักใหญ่ไป

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหยิบศิลาสื่อสารออกมาชิ้นหนึ่ง “เซิ่งเอ๋อร์ เจ้าช่วยมาหาข้าสักหน่อย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด