บทที่ 631: มาล่ำลา
หรือว่าที่นี่จะเป็นบ้านเกิดของกงเป่ากันนะ... พอคิดมาถึงตรงนี้ เฉียวซางก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น ไฟแห่งความหวังพลันลุกโชนขึ้นในใจ
แต่ก่อนที่เธอจะได้ตรวจสอบข้อสงสัยในใจ ฝูงเหยี่ยวเกราะเหล็กที่บินวนอยู่กลับไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยสักนิด พวกมันประสานกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวและกระพือปีกอย่างแรง
อากาศพลันก่อตัวกลายเป็นคมมีดลมนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากฟากฟ้าในทันที
ดวงตาของเฉียวซางเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เธอตะโกนเสียงดังลั่นว่า
“ใช้กลยุทธ์เกราะสะท้อนกลับไว้!”
“ย่าห์!”
หยาเป่าอ้าปากกว้าง เปลวเพลิงที่หมุนวนอยู่ภายในปากพุ่งออกมาในทันใด
ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็ส่องประกายแสงสีฟ้า
เปลวเพลิงที่ลอยอยู่ถูกพลังจิตควบคุมให้เปลี่ยนทิศทางทันที มันหมุนวนขึ้นไปด้านบน ขนาดของมันค่อยๆลดลงจากกว้างกลายเป็นแคบ พร้อมกับก่อตัวเป็นวงป้องกันรอบตัวมัน เฉียวซาง และลู่เป่า ปิดช่องว่างทุกด้านจนไม่มีที่ว่างให้โจมตีได้
ปัง ปัง ปัง!
คมมีดอากาศพุ่งชนเปลวเพลิงอย่างต่อเนื่อง เสียงระเบิดดังสนั่นราวกับระเบิดมือ
ที่พักของสัตว์อสูรป่าช่างไม่ใช่ที่สำหรับคนธรรมดาจะเข้ามาจริงๆ มันอันตรายเกินไป... ถ้าไม่มีซุนเป่าที่ช่วยใช้ข้ามพิกัดมิติ เธอคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่ๆ... เพื่อความปลอดภัย เธอควรจะถอยก่อน รอให้หยาเป่าพัฒนาเป็นสัตว์อสูรระดับนายพลแล้วค่อยกลับมาอีกครั้ง...
เฉียวซางคิดวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจว่ารีบออกจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า
“กงกง!”
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเรียกให้ซุนเป่าใช้พลังข้ามพิกัดมิติ กงเป่าที่อยู่ข้างๆกลับร้องด้วยเสียงตื่นเต้น มันบอกว่านี่คือบ้านของมันจริงๆ
ถึงจะเคยสงสัยแบบนี้อยู่แล้ว แต่พอได้ยืนยัน เฉียวซางก็ยังคงอึ้งไปอยู่ดี
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะพวกเหยี่ยวเกราะเหล็กที่เป็นสายพันธุ์เดียวกับกงเป่านั้น ดูจะดุร้ายกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก...
“พวกมันยังจำแกได้อยู่หรือเปล่า?” เฉียวซางถามด้วยความกังวล
เพราะที่นี่มีพวกเหยี่ยวเกราะเหล็กเยอะมากจนดูเหมือนว่าหายไปตัวหนึ่งหรือเพิ่มมาอีกตัวก็ไม่มีใครสนใจ
“กงกง”
กงเป่ารับรู้ถึงความคิดในใจของผู้ฝึกสัตว์อสูรของมัน มันร้องเสียงจริงจังกลับมา บอกว่าไม่ต้องห่วง พวกมันจำมันได้แน่นอน
“จำได้แต่พวกมันยังโจมตีมาอยู่เลยนะ” เฉียวซางพูดด้วยความไม่เข้าใจ
ในเมื่อแกก็อยู่ในเขตการโจมตีเหมือนกัน... ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกมา
“กงกง”
กงเป่ามองเฉียวซางด้วยสายตาที่ซับซ้อน มันอธิบายว่าที่พวกมันโจมตีจริงๆ แล้วเป้าหมายคือเธอต่างหาก ส่วนตัวมันนั้น ในมุมมองของพวกเดียวกัน การได้รับบาดเจ็บถือเป็นการฝึกฝนรูปแบบหนึ่ง
เฉียวซางใช้เวลาย่อยข้อมูลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยความลังเลว่า
“เดี๋ยวๆแกลองไปคุยกับพวกมันหน่อยสิ แล้วพวกมันจะยอมไม่โจมตีฉันเพราะเห็นแก่หน้าแกไหม?”
“กงกง”
กงเป่าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะร้องตอบอย่างซื่อสัตย์มาก
เรื่องนี้พูดยาก
เฉียวซาง: “…”
ซื่อสัตย์เกินไปหรือเปล่าเนี่ย แกไม่กลัวว่าฉันจะสั่งให้ซุนเป่าใช้ข้ามพิกัดมิติเพื่อพาพวกเราออกไปเลยหรือไง...
ดวงตาของกงเป่าในตอนนี้กลับเป็นประกายสดใส มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นโดยไม่กังวลเลยว่าคำพูดเมื่อครู่นี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้น
เฉียวซางจ้องมองกงเป่าอยู่สองวินาที ก่อนจะถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า
“เดี๋ยว! รอให้การโจมตีรอบนี้จบก่อน แกค่อยไปคุยกับพวกมัน ถ้าพวกมันยังจะโจมตีอีก ฉัน... ฉันก็จะอดทนไว้ก่อน แต่แกรีบคุยให้จบ เราจะได้รีบไปกัน”
“กงกง!”
กงเป่าเปล่งเสียงราวกับกำลังหัวเราะในดวงตา มันร้องตอบบอกว่าเข้าใจแล้ว
เฉียวซางรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองกงเป่าที่ดูเหมือนไม่ได้คิดจะอยู่ที่บ้านเกิดของมันต่อ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงระเบิดข้างนอกก็สงบลง
เฉียวซางตั้งใจฟังเสียงรอบข้างอยู่สิบกว่าวินาที พอมั่นใจว่าไม่มีการโจมตีต่อ เธอก็ตบเบาๆ บนหลังของหยาเป่าเป็นสัญญาณให้มันหยุดการป้องกัน
หยาเป่าเข้าใจความหมายของผู้ฝึกสัตว์อสูรของมัน แสงสีฟ้าในดวงตาก็เลือนหายไป
พร้อมกันนั้น เปลวเพลิงที่หมุนวนรอบตัวพวกเขาก็สลายหายไป
แต่ทันทีที่เปลวเพลิงหายไป คมมีดอากาศราวกับสายฝนก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
เวรเอ๊ย นี่มันจะไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม! เฉียวซางตะโกนลั่น
“ซุนเป่า!”
“ซุนซุน!”
ซุนเป่าเข้าใจในทันที ดวงตาของมันส่องแสงสีฟ้าขึ้นมา
วินาทีต่อมา เฉียวซาง หยาเป่า และลู่เป่าก็ปรากฏตัวอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กเล็กน้อย
จากนั้นซุนเป่าหันไปมองลู่เป่า เพื่อป้องกันไม่ให้มันตกลงไป
ฝูงเหยี่ยวเกราะเหล็กเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที พวกมันหันมองหน้ากันไปมาอย่างงุนงง เหมือนจะสงสัยว่าเป้าหมายของการโจมตีหายไปไหน
มีเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวหนึ่งเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง มันพลันหันหัวกลับไป และเห็นเฉียวซางกับพวกหยาเป่า
“กงกง!”
มันร้องเสียงดังทันที แล้วกระพือปีกอย่างแรง คมมีดอากาศห้าหกเล่มพุ่งเข้าใส่ในพริบตา
แต่ทันใดนั้น กงเป่าก็บินมาขวางหน้าเฉียวซาง ปีกของมันกระพือขึ้น คมมีดอากาศจำนวนเท่ากันพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ พุ่งสวนกลับไปและปะทะกับคมมีดอากาศที่พุ่งมา จนกระทั่งทุกเล่มถูกขัดขวางไว้หมด
เสียงระเบิดจากคมมีดอากาศที่ปะทะกันทำให้เหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวอื่นๆ หันกลับมามอง
เมื่อเสียงระเบิดเงียบลง พวกมันก็เห็นกงเป่าที่มีสายรัดข้อมือระบุตัวตนสวมอยู่ที่กรงเล็บ
เหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กพลันส่งเสียงฮือฮา พวกมันแสดงท่าทีแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีสีหน้าผิดหวังและตำหนิกงเป่าที่ไม่ได้เรื่อง
“กงกง!”
กงเป่าบินไปข้างหน้าเล็กน้อย มันยืนขวางหน้าหยาเป่าไว้และร้องเสียงดัง
“กงกง!”
“กงกง!”
“กงกง!”
เหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กแทบทุกตัวร้องตอบกลับ ราวกับกำลังแสดงการตอบรับบางอย่าง
เฉียวซางไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กนอกจากกงเป่าเลย แต่เมื่อมองจากสีหน้าท่าทางของพวกมัน เธอก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่น่าจะดีนัก
ยิ่งเห็นหยาเป่าที่อยู่ด้านล่างร่างกายตึงเครียด เตรียมพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ ก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจในความคิดนี้
การถูกจับจ้องจากเหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กจำนวนมากแบบนี้ จะบอกว่าไม่รู้สึกกดดันคงโกหกเต็มปาก
จู่ๆ เฉียวซางก็อดรู้สึกชื่นชมแอชลีย์ขึ้นมาไม่ได้
คนที่กล้าหลอกเหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กตั้งมากขนาดนี้ แล้วยังรอดมาได้สำเร็จ นี่มันพรสวรรค์ชัดๆ...
“กงเจี่ย!”
ในตอนนั้นเองเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวหนึ่งบินเข้ามา มันมีขนาดประมาณ 90 เซนติเมตร ลำตัวส่วนใหญ่เป็นสีดำ ส่วนท้องเป็นสีขาว ขนปีกมีลายเส้นบางส่วน ดูเหมือนสวมเกราะทั้งตัว ท่าทางของมันจริงจังและเปล่งเสียงเรียกออกมา
เฉียวซางท่องชื่อสายพันธุ์ของมันในใจ เหยี่ยวเหล็กกล้า...
เธอที่ได้ทำสัญญากับเหยี่ยวเกราะเหล็กมาแล้ว ย่อมศึกษาข้อมูลการวิวัฒนาการของพวกมันอย่างละเอียด
เหยี่ยวเหล็กกล้าเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง เป็นสายวิวัฒนาการของเหยี่ยวเกราะเหล็ก ร่างกายทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยเกราะเหล็กที่ดูเหมือนหนัก แต่จริงๆแล้วทั้งเบาและบางจนไม่ส่งผลกระทบต่อการบิน ขนเหล็กที่ถูกโจมตีจนเสียหายจะงอกขึ้นใหม่ปีละครั้ง และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี
แต่ถ้าเฉียวซางได้ยินความหมายของคำพูดเหยี่ยวเกราะเหล็กในตอนนี้ เธอคงไม่มีอารมณ์มานั่งวิเคราะห์ข้อมูลในหัวแน่ๆ
เพราะคำพูดของมันหมายถึง ยกเลิกสัญญาซะ แล้วกลับมาเถอะ พวกเราจะดูแลเรื่องนี้เอง ไม่ต้องกังวล
“กงกง”
กงเป่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
เฉียวซางไม่รู้ว่าพวกมันพูดอะไรกัน แต่พอได้ยินกงเป่าตอบว่า ไม่ เธอก็สังเกตเห็นว่าเหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กทั้งหมดเริ่มแสดงความตื่นตัวขึ้นมา บางตัวถึงขั้นมองมาที่เธอด้วยสายตาโกรธเคือง ดูเหมือนพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
เฮ้ย พวกนายจะคุยกันก็คุยไปสิ จะมามองฉันทำไมล่ะ ฉันก็แค่ฉากหลังเองนะ... เฉียวซางบ่นในใจ
หรือว่าจะให้ลู่เป่าปล่อยคลื่นเสียงรักษาออกมาสักหน่อยดีนะ จะได้ช่วยสงบอารมณ์พวกนี้...
“กงเจี่ย?”
ในขณะที่เฉียวซางกำลังคิดหาทางแก้ปัญหา เหยี่ยวเกราะเหล็กตัวใหญ่นั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง แกจะไปกับมนุษย์คนนี้จริงๆเหรอ?
เหล่าเหยี่ยวเกราะเหล็กทุกตัวต่างหันไปมองกงเป่า รอคอยคำตอบจากมัน
“กงกง...”
กงเป่าหันไปมองเฉียวซางครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา มันถอนหายใจเบาๆ เปล่งเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง
มันจะไปที่ที่เรียกว่าบลูสตาร์ พร้อมกับผู้ฝึกสัตว์อสูรของมัน การมาที่นี่ครั้งนี้ ก็เพื่อมาล่ำลาเท่านั้น
เมื่อพูดจบ กงเป่าก็รู้สึกเหมือนยกภาระหนักอึ้งออกจากบ่า ความรู้สึกผ่อนคลายพลันเข้ามาแทนที่
จากมุมมองทั้งหมด กงเป่าที่ราวกับเป็นตัวเอกในเรื่องราว ถูกจ้องมองโดยสายตาทุกคู่ ร่างของมันเริ่มส่องประกายแสงสีขาวเจิดจ้า...