ตอนที่แล้วบทที่ 547: ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง ! หลี่ไข่ที่แปลก ๆ ไป !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 549: แบบนี้ก็ได้เหรอ ? คุณช่างเป็นอัจฉริยะ !

บทที่ 548: อุบายของหลี่ไข่ ! ใหญ่กว่าถั่ว !


ฉินหลินไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่ไข่เลยและยังคงเซ็นเอกสารทีละแผ่น ๆ

เอกสารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ยุ่งยากภายใต้กฎเกณฑ์ของบริษัท

แต่ทันใดนั้นเองฉินหลินก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเอกสาร

“การวิจัยการปลูกข้าวสายพันธุ์ใหม่ของห้องทดลองชิงหลิน...”

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นรายงานการวิจัยที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ใหม่ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของพี่หลี่

ที่สำคัญคือไม่มีการเขียนชื่อผู้เข้าร่วมการทดลองในรายงานนี้  แม้แต่ชื่อของพี่หลี่ก็ไม่มีเหมือนกัน

จุดประสงค์ในการเอาเอกสารนี้มาให้เขาเซ็นคือคืออะไร ?

“พี่หลี่  เอกสารนี้เขียนไม่ชัดเจนผมเซ็นให้ไม่ได้หรอกนะ !” ฉินหลินพูดพร้อมหยิบเอกสารนั้นออกมายื่นให้หลี่ไข่

หลี่ไข่ก็มองรายงานนั้นด้วยความเขินอาย “อ้อ  คิดว่าตอนรับมาน่าจะหยิบผิดติดมาด้วยน่ะ”

ปากก็พูดไป  ใจก็เศร้าไป

ทำไมน้องฉินถึงได้ระมัดระวังตัวขนาดนี้ว้า  แค่เซ็น ๆ ไปจะไม่ได้เลยเชียวหรือ

​​เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีการที่เล่นกันในละครทีวี  ไอ้ที่ว่าหากสอดแทรกเอกสารที่ต้องการเข้าไปในกองเอกสารที่ไม่สำคัญแล้วประธานบริษัทจะไม่อ่านนั่นดูท่าจะไม่จริงเลย

มีการลงนามในเอกสารที่ไม่มีนัยสำคัญบางส่วนก็ใช่อยู่  แต่เรื่องสำคัญจริง ๆ มันต้องได้รับการตัดสินใจผ่านการประชุมก่อน

ไอ้ละครทีวีพวกนี้แม่งสตอบอแหลของแท้

แล้วตัวเองก็ดันเชื่อไอ้เรื่องบ้า ๆ แบบนี้ซะอีกแหนะ

แต่คิดว่ามันง่ายหรืออย่างไรกัน

หม้อใบใหญ่เรื่องต้นข้าวสายพันธุ์ใหม่นี้มันหนักจนเล่นเอาหลังโก่งไปหมดแล้ว

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลกระทบจากดินพิเศษ  แต่ตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่ามันเป็นฝีมือตน

ดังนั้นหลี่ไข่เลยแค่อยากลองวิธีนี้ดู

ตราบใดที่น้องฉินเซ็นชื่อตนก็สามารถเพิ่มชื่อน้องฉินให้มาเป็นผู้เข้าร่วมการทดลองได้

เมื่อถึงเวลานั้นน้องฉินก็ทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะ

น้องฉินน่ะมีคุณสมบัติมากพอที่จะช่วยแชร์น้ำหนักส่วนใหญ่ของหม้อใบนี้ถูกมั้ย

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อน้องฉินเซ็นเอกสารนี่  โลกภายนอกก็จะรู้ถึงความสามารถของเจ้าตัวในด้านการวิจัยพันธุ์พืช

แต่ตอนนี้เมื่ออุบายไม่สำเร็จก็เล่นเอาลกแล้วจริง ๆ

ฉินหลินถามแทน “ว่าแต่พี่หลี่  ข้าวพันธุ์ใหม่นั่นเป็นไงมั่งแล้ว”

หลี่ไข่ถอนหายใจ “เฮ่อ ~ ข้าวน่ะดีมาก  มันโตเต็มที่แล้ว  แล้วตอนนี้เราก็กะรอเก็บเมล็ดพันธุ์อยู่  หลังจากนั้นก็จะใช้เทคโนโลยียีนที่อุณหภูมิต่ำมาดัดแปลงเพื่อให้มันปลูกหน้าหนาวได้”

“ขอดูหน่อยสิ !” ฉินหลินพูดด้วยดวงตาที่สดใส

เขาค่อนข้างตั้งตารอข้าวกลายพันธุ์จากเกมนี้

ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าวกลายพันธุ์นี้อาจเติมเต็ม ‘ฝันหนึ่งคือได้นั่งตากลมเย็นใต้ต้นข้าว’ ได้

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้แปรรูปเมล็ดพันธุ์จนทำให้ผลผลิตของข้าวกลายพันธุ์นี้ x2 อีก

“ไปก็ได้ !” หลี่ไข่พูดอย่างอ่อนแรง

ในเมื่อวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้วเขาก็คิดวิธีแบ่งน้ำหนักหม้อใบนี้ไม่ออกแล้วจริง ๆ

เมื่อก่อนเขาเคยเห็นอะไรแบบนี้ในทีวีและคิดว่าตัวเองเจอทางรอดจนรู้สึกตื่นเต้นไปกับมันแล้วแท้ ๆ เชียว

แต่ไอ้ผู้จัดละครนั่นมันคงไม่มีสมองถึงได้ถ่ายทำอะไรที่ไม่สมจริงแบบนั้นออกมาได้

ทั้งคู่ออกจากคฤหาสน์ตรงไปที่ห้องทดลองชิงหลิน  หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยหลายรอบสุดท้ายก็ไปถูกแปลงทดลองที่มีการควบคุมอุณหภูมิ

และนี่ก็คือแปลงที่ใช้ปลูกข้าวกลายพันธุ์นั่นเอง

หลังจากที่ค้นพบข้าวกลายพันธุ์  ข้าวในบริเวณนี้ก็ถูกถอนออกทั้งหมด

เนื่องจากกลัวว่าละอองเกสรจากข้าวพันธุ์อื่นจะเข้ามาปนจนเกิดเรื่องจึงได้ไม่ปลูกข้าวพันธุ์อื่นไว้เลย

อาจกล่าวได้ว่าต้นข้าวกลายพันธุ์นี้ได้ยืนต้นอยู่เพียงลำพังในแปลงนี้เลยก็ว่าได้  ซึ่งมันทำให้ข้าวต้นนี้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วย

ฉินหลินเดินตามหลี่ไข่เข้าไปข้างในแปลงและเห็นต้นข้าวกลายพันธุ์ที่โดดเด่นเป็นสง่าแต่ไกล

สิ่งแรกที่จะทำให้ ‘ฝันหนึ่งคือได้นั่งตากลมเย็นใต้ต้นข้าว’ เป็นจริงก็คือต้นข้าวต้องสูงพอ ๆ กับต้นข้าวฟ่าง

วินาทีแรกที่ฉินหลินเห็นว่าข้าวกลายพันธุ์ที่โตเต็มที่เขาก็กะ ๆ ดูและพบว่ามันใหญ่กว่าต้นข้าวฟ่าง  แถมยังดูแล้วน่าจะสูงกว่าด้วย  ทำให้มันเป็นเหมือนกับไม้ยืนต้นขนาดเล็กเลยทีเดียว

แม้ว่าทั้งแปลงจะมีมันยืนต้นอยู่เพียงต้นเดียวเท่านั้นก็ตาม  แต่ก็ยังคงเป็นภาพที่งดงามมากอยู่ดี

เขาสามารถจินตนาการออกเลยว่าถ้าปลูกข้าวกลายพันธุ์นี้บนพื้นที่ขนาดใหญ่ล่ะก็มันจะกลายเป็นป่าไปแน่ ๆ

ฉินหลินรีบเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ และเห็นว่าเมล็ดข้าวที่อัดแน่นกันอยู่ในรวงข้าวนั้นหนักมากจนต้นโง้งลง

ยิ่งไปกว่านั้นเมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดไม่ใช่แค่ใหญ่เท่าถั่วลิสงแล้ว  นี่มันใหญ่กว่าถั่วลิสงไปแล้วด้วยซ้ำ

สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก

ต้นข้าวที่สูงเท่ากับต้นไม้มีการออกรวงเยอะ  และแต่ละรวงก็หนักมาก  ไม่รู้ว่าข้าวต้นเดียวนี้สามารถให้ผลผลิตที่กินได้ขนาดไหน

“พี่หลี่  ข้าวนี่จะมีผลกระทบกับความอุดมสมบูรณ์ของดินมากมั้ย ?” ตอนนี้ฉินหลินมีความรู้เรื่องพืชมากมายแล้วโดยการอาศัยหนังสือแผ่นหินลึกลับ

เขาได้รู้ว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ  พืชที่เติบโตผิดปกติเช่นนี้หากปลูกในระยะยาวจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความอุดมสมบูรณ์ของดินอย่างแน่นอน

หลี่ไข่รีบตอบด้วยน้ำเสียงสนใจอย่างยิ่ง “กะลังจะเล่าให้ฟังพอดีเลย  ข้าวพันธุ์ใหม่นี่มันโคตรมหัศจรรย์เลยน้องฉิน  เพราะถึงการปลูกข้าวนี้จะส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของดินมากกว่าข้าวธรรมดาก็ตาม  แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดควบคุมไม่ได้นะ”

“ฉันได้ให้คนค้นคว้าปุ๋ยเคมีชนิดพิเศษไว้ก่อนแล้วเพราะงั้นควบคุมได้หมดแน่นอน  ส่วนเรื่องราคาปุ๋ยชนิดพิเศษนี่ก็สูงกว่าปุ๋ยธรรมดาอยู่หรอก  แต่ถ้าแลกกับผลผลิตขนาดนี้กับต้นทุนปุ๋ยที่ไม่ได้ใช้เยอะแล้วก็ไม่ได้ถือว่าหนักหนาอะไรเลย”

“โอเค !” ฉินหลินเข้าใจแล้วว่าถ้าพี่หลี่พูดแบบนี้ก็คงไม่มีปัญหา

คุณต้องรู้ด้วยว่าห้องทดลองชิงหลินไม่เพียงแต่จะมีนักวิจัยที่โดดเด่นทุกประเภทมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น  แต่ยังรับสมัครนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่มีศักยภาพจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ทุกปีด้วย

เนื่องจากการขยายพันธุ์ไม่ก่อปัญหา  ดังนั้นเจ้านี่จึงดีมากหากจะให้การส่งเสริมการปลูกในวงกว้าง

หากพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ของประเทศได้รับการสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกมันประกอบกับเพิ่มเทคโนโลยียีนที่อุณหภูมิต่ำจนสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีด้วยแล้วล่ะก็  เกรงว่าประเทศนี้แค่ประเทศเดียวก็สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนทั้งโลกได้

“ช่วยลงไปเด็ดเม็ดข้าวมาให้หน่อยสิพี่หลี่  พอดีวันนี้ผมขี้เกียจเปื้อนโคลนน่ะ” จู่ ๆ ฉินหลินก็พูดเหมือนไอ้หนุ่มสำรวยขึ้นมา

หลี่ไข่ไม่ได้คิดอะไรมาก  ถอดรองเท้าและลงนาไปทันที  ขณะที่ก้าวลงนาไปก็ไม่ลืมที่จะจะเทศนา “นี่น้องฉิน  นายกลายเป็นไอ้หนุ่มสำรวยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  นักวิจัยพันธุ์พืชอย่างเราไม่ควรกลัวเปื้อนหรอกนะ…”

ปากก็พูดไป  มือก็เด็ดเมล็ดข้าวไป  พอได้กำหนึ่งแล้วก็หันหน้ามาดูฉินหลิน  แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าฉินหลินถือมือถือถ่ายมาทางตัวเองอยู่ซะงั้น !

เขารู้สึกว่าเหมือนมันแหม่ง ๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก

ฉินหลินเก็บมือถือทันทีและเร่งเร้า “พี่หลี่ ~ รีบเอาเม็ดข้าวมาให้ดูหน่อย ~”

หลี่ไข่พยักหน้าและขึ้นจากนา  จากนั้นก็เอามือถู ๆ กันเพื่อแกะเอาเปลือกข้าวออกเพื่อเผยให้เห็นเม็ดข้าวสารสีขาวราวกับคริสตัลที่อยู่ข้างใน

จากที่เห็นคือเม็ดข้าวนั้นใหญ่กว่าถั่วลิสงจริง ๆ ด้วย

ถ้าไม่รู้ล่วงหน้าว่านี่คือข้าวล่ะก็ใครจะกล้าคิดว่ามันคือข้าวกัน !

ฉินหลินคิดอะไรนิดหน่อยแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายอีกรอบ

“อะ  น้องฉิน” จู่ ๆ หลี่ไข่ก็พูดอีกครั้ง

ฉินหลินพยักหน้าแล้วเอาเม็ดข้าวสารเหล่านั้นเข้าปากกินดู

ช่วงเวลาต่อมา  ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย

รสชาติของข้าวกลายพันธุ์นี้เหมือนกับที่เก็บเกี่ยวในเกมเลย  มันหวานกว่าข้าวธรรมดาจริง ๆ

ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าถ้าข้าวกลายพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวมาได้รสชาติไม่ดีหลังหุงแล้วก็จะไม่มีใครกลับไปกินอีก  แล้วสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็จะไร้ความหมาย

ท้ายที่สุดแล้วสังคมปัจจุบันไม่มีใครขาดแคลนอาหารกับเสื้อผ้าแล้ว

ในจุดนี้คนบ้านเรามีความสุขที่สุดแน่นอน  ไม่อย่างนั้นคงเลี้ยงคนมากมายขนาดนี้ไม่ไหว

ดังนั้นถ้าหากด้วยผลผลิตที่แย่แต่รสชาติอร่อย  นั่นก็จะเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม

ก็เหมือนผู้หญิงที่มีรูปร่างดีแต่หน้าน่าเกลียดมาก  แบบที่ทำศัลยกรรมไม่ได้แล้ว  แล้วแบบนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไร ?

ยกเว้นผู้ที่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแบกรับมันโดยคลุมหัวไว้

ถ้าข้าวกลายพันธุ์ไม่อร่อยก็มีแต่คนมีกินไม่พอเท่านั้นที่จะยอมกิน  และในประเทศนี้ก็ไม่มีคนที่มีไม่พอกินซะด้วยสิ

แต่ถ้าผู้หญิงคนดังกล่าวนี้นอกจากหุ่นดีแล้วก็ยังหน้าตาสวยด้วยล่ะก็มันจะต่างไปเลย  เพราะเธอแค่นอนชั่วโมงเดียวก็สามารถหาเงินได้มากกว่าคนอื่น ๆ ที่ตรากตรำทำงานหนักวันละ 10 ชั่วโมงด้วยซ้ำ

ข้าวกลายพันธุ์ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้  มันทั้งให้ผลผลิตสูงและมีรสหวานเหมือนหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้

ฉินหลินคิดไปแบบนั้นและการละครแกล้วทำเป็นแปลกใจทันที “สุดยอดเลยพี่หลี่  ข้าวกลายพันธุ์ที่พี่เจออร่อยมากจริง ๆ เมื่อไหร่ที่ข้าวนี้ได้รับการขยายพันธุ์อย่างเต็มที่ล่ะก็ทั้งโลกจะต้องตกใจแน่ ๆ”

“…” หลี่ไข่รู้สึกเศร้าใจทันที

นี่คือสิ่งที่เขากลัวที่สุดแล้ว

เขารู้สึกว่าคุณธรรมของตนไม่คู่ควรกับตำแหน่งของตนเลย  แม้ว่าตนจะเป็นแพะรับบาปก็เถอะ  แต่ก็ต้องมีขีดจำกัดว่าคน ๆ หนึ่งจะสามารถแบกรับได้มากน้อยแค่ไหน  ใช่มั้ยล่ะ ? มันไม่สามารถเพิ่มหม้อที่แบกไว้บนหลังได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว

ดังนั้นเขาจึงรีบบอกว่า “น้องฉินก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะดินพิเศษ  สิ่งที่ฉันทำมากที่สุดก็แค่ดูแลมันเท่านั้นเอง  เพราะงั้นดังนั้นลองดูหน่อยเถอะว่านายจะทำได้มั้ย...”

ฉินหลินรู้ว่าหลี่ไข่กำลังจะทำอะไรตั้งแต่อีกฝ่ายอ้าปากเลยรีบขัดจังหวะทันที “ขอโทษด้วยนะพี่หลี่  พอดีนึกได้ว่ามีธุระเพราะงั้นผมต้องขอตัวก่อน !”

พูดจบก็เดินหนีไปเลยโดยไม่ให้โอกาสหลี่ไข่ตอบสนอง  ขณะที่เดิน ๆ อยู่ก็ไม่ลืมหยิบมือถือออกมาโทรหาหลินหลานจื่อ “คุณหลิน  อืม  เด๋วผมไปหา...  อืม  ศาสตราจารย์หลี่ไข่ประสบความสำเร็จในการวิจัยมีข้าวพันธุ์ใหม่อีกแล้ว...  ผมถ่ายคลิปไว้แล้วเด๋วเอาไปให้  คุณก็ใช้ช่องบ้านไร่ออฟฟิเชียลเผยแพร่ให้หน่อย...”

“...” ดวงตาของหลี่ไข่แทบถลนเมื่อเมื่อได้ยินเสียงของฉินหลินเบา ๆ แต่ไกล

ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมน้องฉินถึงอยากถ่ายตัวเอง

เชี่ยไรวะเนี่ย...

เขารู้สึกว่าหลังมันช่างเจ็บเหลือเกิน

มันเจ็บอย่างอธิบายไม่ถูกจริง ๆ

ในท้ายที่สุดแล้วหลี่ไข่ก็ทำได้เพียงมองดูต้นข้าวกลายพันธุ์อย่างช่วยไม่ได้และสบถใส่มัน “ทำไมเอ็งต้องดื้อขนาดนี้ด้วยว้า  ก็เห็น ๆ อยู่ว่าข้าให้ปุ๋ยเอ็งแค่นิดเดียวแท้ ๆ แถมยังไม่ค่อยให้น้ำด้วย  เอ็งก็ไม่ควรจะโตได้ขนาดนี้ไม่ใช่รึไง  ข้าล่ะไม่เคยเห็นอะไรที่ดื้อขนาดนี้มาก่อนเลย  เออ  ไม่เคยเห็นอะไรที่ดื้อเท่าเอ็งเลยก่อนเลยโว้ยไอ้บ้าเอ๊ย !”

หลี่ไข่บ่นเสร็จก็รู้สึกสบายใจขึ้น  แต่พอหันกลับมาก็ต้องเขิน  เพราะมีนักวิจัยเดินมาจากนอกแปลง 3 คนและกำลังมองเขาด้วยท่าทางเขิน ๆ เหมือนกัน

เห็นได้ชัดว่าได้ยินที่เขาบ่นใส่ต้นข้าว

“เอ่อ...” หลี่ไข่รู้สึกขายขี้หน้าอย่างยิ่ง

“เอ่อคือ...  ศาสตราจารย์หลี่  พอดีผมพึ่งมาถึงและไม่ได้ยินอะไรเลยครับ” นักวิจัยคนหนึ่งบอกทันทีและรีบออกไปหลังจากจบประโยค

“เอ่อ...  ผมนึกได้ว่ามีธุระพอดีเลย” นักวิจัยอีกคนก็จากไปทันที

“เอ่อ...  ขอโทษที่รบกวนครับศาสตราจารย์หลี่” นักวิจัยคนที่สามไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยขอโทษและรีบตามไป

ฉันล้อเล่นรึไง  ถ้าไม่รู้จักทำตัวให้โง่เข้าไว้เมื่อเห็นศาสตราจารย์หลี่ทำตัวไม่สุภาพล่ะก็  เกรงว่าตำแหน่งนักวิจัยก็ไม่ต้องเป็นมันแล้วล่ะ

แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้เช่นกันว่าท้ายที่สุดแล้วการเติบโตของต้นข้าวสายพันธุ์ใหม่นั้นโหดมาก  ผลผลิตก็โหดมาก  และรสชาติก็ดีกว่าข้าวธรรมดามากด้วย

พวกเขาทุกคนสามารถจินตนาการได้เลยว่าเมื่อสิ่งนี้เผยแพร่ออกไปแล้วมันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน

แต่...  ไม่รู้ว่าทำไมศาสตราจารย์หลี่ถึงอยากให้ข้าวมันแย่ลง  หรือบางทีศาสตราจารย์หลี่อาจตื่นเต้นเกินไปจนต้องโกหกออกมา

เช่นเดียวกับเวลาทำข้อสอบ  คนที่ได้คะแนนเต็มก็มักจะบอกว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้อยากได้คะแนนเต็มเลย  เพราะที่ผ่าน ๆ มาก็ได้คะแนนเต็มบ่อยจนเบื่อแล้วอะไรเทือกนั้น

“...” หลี่ไข่มองแผ่นหลังของนักวิจัยทั้งสามคนที่วิ่งหนีด้วยปากที่อ้าค้าง  ใจก็อยากจะอธิบายอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด