ตอนที่แล้วบทที่ 24 คืนสู่ตระกูล 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 งูยักษ์ 

บทที่ 25 ผลไม้ 


“ผลไม้?”

หลี่เซี่ยงผิงเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัยขณะมองไปยังหลี่ชิวหยางซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่

“ใช่...”

หลี่ชิวหยางดูประหม่าเล็กน้อย มือทั้งสองข้างบิดขอบเสื้อแน่นหลังจากฝึกฝนมาหลายคืน เขาก็สามารถรวบรวมลมหายใจแห่งพลังวิญญาณได้เส้นหนึ่ง แต่รู้สึกว่าความเร็วที่เขาทำได้ไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในคัมภีร์จึงกลัวว่าจะฝึกผิดทางจึงรีบถือคัมภีร์นั้นไปถามหลี่เซี่ยงผิง

เมื่อหลี่เซี่ยงผิงได้ฟังถึงความเร็วในการฝึกฝนของหลี่ชิวหยางเขาตกใจจนต้องหยิบคัมภีร์ วิธีบำรุงวงล้อพลังแห่งความบริสุทธิ์ ขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าและคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด

หลังจากผ่านไปนานเท่ากับเวลาหนึ่งถ้วยชา หลี่เซี่ยงผิงก็เงยหน้าขึ้นถามว่าเขาเคยกินอะไรแปลกๆ หรือไม่

หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งหลี่ชิวหยางก็นึกถึงเรื่องสำคัญรีบตอบว่า

“เมื่อไม่กี่ปีก่อนสหายหลายคนท้าแข่งความกล้า เรานัดกันปีนขึ้นเขาหลังบ้านสุดท้ายมีเพียงข้าที่ขึ้นไปและระหว่างทางไม่ได้เจอสหายคนอื่นและหลงทางโดยไม่รู้ตัว”

“ระหว่างเดินข้าเห็นต้นไม้เล็กสีเขียวมรกตมีผลสีแดงสดหกถึงเจ็ดผล ผลไม้เหล่านั้นแดงสดเป็นประกายดูน่ากินมาก”

“ข้าอดใจไม่ไหวเลยเด็ดมากินผลหนึ่งอย่างโง่เขลา จากนั้นก็เดินลงจากเขาโดยไม่รู้ตัว พอกลับมาบ้านแล้วหลับไปสามวันทำให้บิดาของข้าต้องตามคนมาดูอาการ”

เมื่อฟังหลี่ชิวหยางเล่าหลี่เซี่ยงผิงก็ถึงกับพูดไม่ออก เขาตบไหล่หลี่ชิวหยางเบาๆแล้วพูดว่า

“จากที่ดูในตอนนี้อีกเพียงปีเศษเจ้าก็สามารถรวบรวมวงล้อแห่งความล้ำลึกได้แล้ว”

เมื่อเห็นความคาดหวังเต็มใบหน้าของหลี่ชิวหยาง หลี่เซี่ยงผิงก็พูดต่อ

“แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง”

หลี่ชิวหยางนิ่งงันเงยหน้ามองหลี่เซี่ยงผิง

“พาข้ากลับไปยังภูเขานั้นเพื่อค้นหาต้นกำเนิดของมัน”

———

หลี่ทงหยาเดินกลับมายังลานบ้านเล็กๆในหมู่บ้านหลี่จิ้ง เมื่อก้าวข้ามขั้นบันไดหินตรงหน้าประตู เขาเห็นหลิวโหรวเสวี่ยนนั่งอยู่ในลานบ้าน มือทั้งสองประคองคางมองดูต้นอ่อนในแปลงปลูกผลไม้อย่างเหม่อลอย

เมื่อหลี่ทงหยาเข้ามาจากทางประตู หลิวโหรวเสวี่ยนก็ดีดตัวลุกขึ้นจากม้านั่งหินก้มหน้ามองเขาอย่างเกรงใจและพูดขึ้นเบาๆว่า

“ท่านผู้บำเพ็ญ”

“ไม่ต้องสุภาพถึงเพียงนั้น”

หลี่ทงหยาส่ายมือพลางมองผ่านดวงตาที่งดงามของหลิวโหรวเสวี่ยนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ข้าแก่กว่าเจ้าเพียงหกถึงเจ็ดปี เรียกข้าว่าทงหยาก็พอ”

เมื่อเห็นหลี่ทงหยาท่าทางเป็นมิตร หลิวโหรวเสวี่ยนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากหลังจากคิดอยู่สักครู่ นางก็พูดว่า

“พี่ทงหยา”

หลี่ทงหยาพยักหน้าลุกขึ้นหยิบแผ่นไม้ไผ่จากชั้นไม้ในบ้านแล้วยื่นให้หลิวโหรวเสวี่ยนพลางพูดว่า

“นี่คือคัมภีร์ของขั้นลมหายใจชื่อว่า ‘วิธีบำรุงวงล้อพลังแห่งความบริสุทธิ์ ’ เจ้าจงจดจำให้ขึ้นใจห้ามถ่ายทอดให้ผู้อื่น”

“เจ้าค่ะ!”

หลิวโหรวเสวี่ยนตอบด้วยความยินดี รับแผ่นไม้ไผ่มาด้วยความเคารพและกอดไว้แนบอกอย่างระมัดระวัง

“ในทุกๆเช้าและบ่ายจะมีคนนำอาหารมาให้ หากต้องการสิ่งใดก็แจ้งพวกเขาได้”

หลี่ทงหยาหยิบกาน้ำชาพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยสองใบแล้วพูดต่อ

“โดยปกติข้าไม่ค่อยอยู่ที่ลานนี้ แต่ในช่วงเช้าและบ่ายข้าจะมารดน้ำวิญญาณในแปลงปลูก หากเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝึกฝนก็สามารถถามได้”

เมื่อเห็นหลิวโหรวเสวี่ยนพยักหน้าซ้ำๆหลี่ทงหยาก็ยิ้มเบาๆและถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า

“ข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าจากบ้านของเจ้าถูกส่งมาหรือยัง?”

“ส่งมาแล้วเจ้าค่ะ” หลิวโหรวเสวี่ยนตอบ

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงจัดของและอยู่ที่ห้องทางทิศตะวันออก จงฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นอย่าออกจากลานจนกว่าจะสำเร็จวงล้อแห่งความล้ำลึก เจ้าเคยอ่านหนังสือบ้างหรือไม่?”

หลี่ทงหยาถามขึ้นทันที

“ตอนเด็กๆข้าเคยอ่านมาบ้างและพออ่านออกเขียนได้”

“เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องสอนเจ้าอย่างละเอียด เจ้าจงอ่านมันอย่างถี่ถ้วน หากมีข้อสงสัยจึงมาถามข้า”

หลิวโหรวเสวี่ยนตอบรับเสียงดังพลางกอดแผ่นไม้ไผ่ไว้แน่นและเริ่มอ่านทีละคำอย่างตั้งใจ

ขณะมองหลิวโหรวเสวี่ยนที่ก้มหน้าลงอ่าน วิธีบำรุงวงล้อพลังแห่งความบริสุทธิ์ หลี่ทงหยาก็จิบชาพลางคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า

“เด็กคนนี้มาอยู่ในหมู่บ้านหลี่จิ้ง ชีวิตยังไม่คุ้นเคยแถมยังต้องติดอยู่ในลานนี้ อย่างน้อยอีกหลายปีข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าคัมภีร์จะรั่วไหลออกไป”

ขณะกำลังคิดเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นพร้อมกับมีคนผลักประตูเข้ามาในลาน

“น้องสาม เจ้ามาได้อย่างไร?”

หลี่ทงหยาอุทานด้วยความแปลกใจ แต่ทันทีที่เห็นหลี่ชิวหยางเดินตามหลี่เซี่ยงผิงมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความครุ่นคิด

เมื่อหลี่เซี่ยงผิงเล่าเรื่องต้นกำเนิดพลังวิญญาณให้ฟัง หลี่ทงหยาย่อมรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ภายในใจเริ่มระมัดระวังหลี่ชิวหยางมากขึ้น จากนั้นทั้งสองปรึกษากันก่อนจะพาหลี่เย่เซินและชายหนุ่มแข็งแรงหลายคนในหมู่บ้านขึ้นไปยังภูเขาหลังบ้าน

เวลานั้นเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว บรรยากาศในภูเขาหลังบ้านช่างแห้งแล้ง ใบไม้ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น สัตว์ป่าเตรียมตัวสะสมอาหารเพื่อจำศีลในฤดูหนาว

ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของหนองน้ำต้นอ้อ ชาวบ้านหลี่จิ้งจึงไม่ค่อยสนใจภูเขาหลังบ้านมากนัก เพราะเพียงแค่จับปลาและล่าสัตว์จากหนองน้ำก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้ว การเข้าไปต่อสู้กับสัตว์ป่าในภูเขาจึงดูไม่คุ้มค่า

ตลอดหลายชั่วอายุคน ชาวบ้านหลี่จิ้งมักเพียงตัดไม้จากชายป่าบริเวณเชิงเขามาใช้เผาเป็นเชื้อเพลิง หรือนำไม้พุ่มเช่นต้นจื้อและหิมะเดือนหกมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนการตัดไม้ใหญ่ในภูเขาจะทำเฉพาะในยามที่ต้องสร้างบ้านเท่านั้น

ดังนั้นเส้นทางเล็กๆในภูเขาหลังบ้านจึงเต็มไปด้วยหนามและเถาวัลย์ หลี่ชิวหยางเองก็จำเส้นทางไม่ได้แน่ชัด กลุ่มชายหนุ่มในหมู่บ้านจึงใช้มีดฟันไม้พุ่มเพื่อเปิดทางขณะที่หลี่เซี่ยงผิงและหลี่ทงหยาตามอยู่ด้านหลัง

“ท่านพี่ ข้ามีคำถามบางอย่าง”

หลี่เซี่ยงผิงจับแขนหลี่ชิวหยางไว้ แล้วหันไปมองหลี่ทงหยา

“เรื่องอะไรหรือ?”

“พี่ว่าเมื่อครั้งที่ซือหยวนไป๋กำหนดเขตแดนให้ตระกูลเรา บริเวณนอกเขตนั้นก็เป็นที่ของคนอื่น ก่อนที่ตระกูลเราจะรุ่งเรืองครอบครัวอื่นเพียงแค่ส่งผู้ฝึกฝนขั้นลมหายใจคนเดียวมาที่นี่ ใครจะกล้าขัดขืน?”

“แต่ทำไมในช่วงสองร้อยปีที่ตระกูลเราเพาะปลูกอยู่ที่นี่จึงไม่มีผู้บำเพ็ญสักคนที่ยอมมาที่นี่เลย? หรือพวกเขารังเกียจมนุษย์ธรรมดา?”

หลี่ทงหยาลูบคางสีหน้าหนักแน่นขณะตอบว่า

“ข้าเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้ ฟังจากที่ซือหยวนไป๋พูดเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่นี่ไร้พลังวิญญาณจึงไม่มีทรัพยากรใดๆที่เหมาะสมสำหรับการบำเพ็ญตน ทำให้ไม่มีใครอยากมาเสียเวลา”

“อีกประการหนึ่ง บริเวณนี้ติดกับภูเขาต้าหลี่ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาที่เชื่อมต่อกันไม่รู้จบมีปีศาจและภูติผีมากมายในภูเขา การอยู่ในเขตเมืองย่อมสะดวกสบายกว่า”

หลี่เซี่ยงผิงพยักหน้าเห็นด้วย สีหน้ามืดมนเล็กน้อยก่อนพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“พี่ ข้ายังมีความเป็นไปได้ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นอีก”

“แม้สำนักชิงฉือจะทรงอำนาจ แต่พวกเขาก็ครอบครองได้เพียงหนึ่งในสี่ของแคว้นเย่ว แล้วบริเวณโดยรอบจะไม่มีศัตรูอันแข็งแกร่งเลยหรือ? ข้ากลัวว่าตระกูลเราจะอยู่ตรงขอบเขตอิทธิพลของสำนักชิงฉือนี่แหละ!”

“สองหมู่บ้านแย่งน้ำกันย่อมไม่มีใครอยากเพาะปลูกขอบเขตใกล้ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันจากที่สวี่เหวินซานบอกไว้ ทางใต้เป็นแคว้นอู๋และแคว้นเย่วที่มีความขัดแย้งไม่รู้จบ ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเซียนของพวกเขาคงไม่ดีนักเช่นกัน!”

หลี่ทงหยารู้สึกตกใจใบหน้ากลับแสดงความกังวล เขาพูดขึ้นว่า

“เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดที่เรามองข้าม พรุ่งนี้ต้องส่งคนไปสำรวจเส้นทางรอบๆเขตโบราณหลี่เต้าให้ละเอียดเสียก่อนเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลเราอย่างชัดเจน”

“ได้แต่หวังว่าตระกูลเราจะไม่เป็นเพียงพืชผลที่สำนักชิงฉือปลูกไว้ข้างขอบเขตของพวกเขา”

หลี่เซี่ยงผิงหัวเราะอย่างขมขื่น แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหลี่เย่เซินตะโกนพร้อมกลุ่มชายหนุ่มในหมู่บ้านที่กำลังเหนื่อยหอบ

“ท่านผู้บำเพ็ญ! งูยักษ์ตัวโตมาก!”

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด