บทที่ 181: เจ้าหญิงเข้าสู่สนามรบ!
บทที่ 181: เจ้าหญิงเข้าสู่สนามรบ!
ด้านนอกเมือง
เม็ดฝนเย็นเฉียบตกกระทบเกราะของเหล่าปรมาจารย์อสูร ทำให้สนามรบมืดมัวด้วยบรรยากาศอึมครึม
บนท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องยังคงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับภัยพิบัติที่ไม่มีวันสิ้นสุด
บนพื้นเบื้องล่าง บนทะเลทรายที่ถูกฝนชะล้างได้เต็มไปด้วยซากศพ แยกไม่ออกเลยว่าเป็นซากศพของอสูรหรือมนุษย์
“ท่านเจ้าเมือง กองกำลังที่สามสูญเสียกำลังพลไปกว่าครึ่งเเล้วครับ!”
“หัวหน้าเฉินเหนียน แห่งกองกำลังที่ห้าเสียชีวิตแล้ว!”
“รายงานทาานเจ้าเมือง! นายพลหวังฟานสละชีพในการต่อสู้กับอสูรระดับราชาครับ!”
“กองทัพอสูรบุกหนักเกินไป แบบนี้เราทนได้อีกไม่นานแน่ๆครับ!”
ณ ขณะนี้ โจวซงยืนฟังรายงานอยู่กลางทะเลเลือด
ตามข่าว มือของเขาเริ่มสั่นเทา ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ
ในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เขาเห็นเพื่อนร่วมรบที่เคยร่วมเป็นร่วมตาย ได้ล้มตายไปทีละคน
ปรมาจารย์อสูรบางคนถูกอสูรกินไปทั้งตัว แม้แต่ซากศพก็ไม่เหลือทิ้งไว้
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่อยู่เเล้ว พื้นดินรอบๆก็ยังสั่นสะเทือน จากนั้นเงาดำทะมึนก็ได้ปรากฏขึ้นในระยะไกล
แต่โจวซงรู้ดีว่า เงาดำเหล่านี้คืออสูรสายพันธุ์ยักษา!
ทำไมภูเขาคุนหมี่ถึงไม่มีอสูรสายพันธุ์ยักษา?
นั่นก็เพราะพวกมันได้รับคำสั่งลับจากบิดาแห่งสวรรค์ - อุลดิส ให้อพยพมารวมตัวกันอย่างเงียบๆใต้เนินทรายนอกเมืองหวงหยาน รอคอยที่จะเข้าร่วมสงครามในคืนนี้
ตึงงงงง!!!
เสียงดังกึกก้องเป็นพิเศษมาจากพื้นดินอีกรอบ ยักษาตนหนึ่งที่มีร่างกายสูงกว่าร้อยเมตรปรากฏตัวต่อหน้าโจวซง
มันไม่มีกล้ามเนื้อหรือผิวหนัง มีเพียงโครงกระดูก, ภายในโครงกระดูกไม่มีอวัยวะภายใน ดวงตาที่ว่างเปล่ามีเปลวไฟสีเขียวลุกโชน
นี่คืออสูรระดับจักรพรรดิ ยักษ์กระดูก…อสูรสายยักษาและอันเดดผสมกัน!
ยักษ์กระดูกยกแขนทั้งสองข้างขึ้น กระดูกมือเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นค้อนกระดูกขนาดมหึมาที่บดบังท้องฟ้า
วู้มมมม!!!!
ลมพัดแรง ค้อนกระดูกขนาดยักษ์ตกลงมา ราวกับจะบดขยี้โจวซงให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กรรรรร!!!!
จักรพรรดิแรดสงครามคำรามดังสนั่น, มันพุ่งตัวใช้เขาแหลมคมรับค้อนกระดูก
บูมมม!!!!
ทั้งสองเป็นอสูรระดับจักรพรรดิ การปะทะกันเพียงครั้งเดียวก็รุนแรงจนทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย เนินทรายรอบๆปั่นป่วนราวกับคลื่นยักษ์!
ยักษ์กระดูกถอยหลังไปสามก้าว เท้าจมลงในทราย ค้อนกระดูกในมือแตกเป็นเสี่ยงๆ
จักรพรรดิแรดสงครามหายใจหอบ บนผิวหนังมีรอยไหม้จากเปลวไฟอันเดด
โจวซงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง หอบหายใจติดขัด มีเลือดไหลออกจากมุมปาก, แต่เลือดเหล่านั้นถูกชะล้างด้วยสายฝนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงใบหน้าที่ซีดเผือด
“ท่านเจ้าเมือง ตอนนี้กองทัพอสูรบุกหนักมาก พวกเราเสียพี่น้องไปมากมายแล้ว!”
“ผมขอเสนอให้ถอยทัพ ถอยหลังไปสักหนึ่งกิโลเมตรเพื่อลดการปะทะ!”
“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!” เสียงแหบแห้งของโจวซงเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เขาลุกขึ้นยืน เเล้งมองกลับไป
ประตูเมืองเก่าแก่ของหวงหยาน ดูทรุดโทรมและเศร้าหมองท่ามกลางสายฝน
“ถ้าเราถอยอีกหนึ่งกิโลเมตร สงครามจะลุกลามเข้าไปในเมือง มันจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวเมืองอย่างมาก”
ขีดจำกัดของโจวซง คือชาวเมือง
เขาปกป้องขีดจำกัดนี้มาสามสิบปี ไม่เคยละเมิดเเม้เพียงวันเดียว
“ท่านเจ้าเมือง ถึงเราจะยืนหยัดต่อไป สุดท้ายก็ต้องตายกันหมดอยู่ดี!”
“ใช่ครับท่านเจ้าเมือง พวกเราถอยกันก่อนเถอะ!”
“รายงานครับ! กองกำลังที่สาม ถูกทำลายจนหมดสิ้นเเล้ว”
กองกำลังที่สาม เป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของเมืองหวงหยาน
ข่าวนี้ทำให้สีหน้าของโจวซงยิ่งแย่ลง การต่อสู้ที่เสียเปรียบด้านจำนวนคน ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ มีแต่ความสิ้นหวัง!
สายฟ้าแลบผ่าน ส่องสว่างสนามรบที่มืดมิด
โจวซงมองไปรอบๆ ภายในรัศมีร้อยเมตร ตอนนี้มันมีซากศพของเพื่อนร่วมรบมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
ถอย ชาวเมืองก็เดือดร้อน
ไม่ถอย กองทัพก็ต้องตาย
ถอยหรือไม่ถอย ก็มีแต่ทางตาย!
กลิ่นอายของความตายแผ่กระจายไปทั่วสนามรบ นำมาซึ่งความสิ้นหวังเเละจมดิ่ง
เมื่อขวัญกำลังใจของปรมาจารย์อสูรเริ่มสั่นคลอน ความต้องการต่อสู้ของอสูรก็ลดลงเช่นกัน
โจวซงมองจักรพรรดิแรดสงครามที่อยู่เคียงข้างเขามานาน ก็รู้สึกใจหาย
ในดวงตาของแรดสงครามตอนนี้ เขาเห็นความหวาดกลัวและความเศร้าโศกที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปี
“สงครามครั้งนี้ พวกเราไม่มีทางชนะเลย” โจวซงกำหมัดแน่น ทุบลงบนพื้น
ขวัญกำลังใจของมนุษย์ มาจากความมั่นใจ
เเต่เมื่อปรมาจารย์อสูรห้าพันคน ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพอสูรสองหมื่นตัว เเบบนี้พวกเขาจะมีความมั่นใจได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม, ท่ามกลางสถานการณ์ความพ่ายแพ้นี้ เสียงใสเเละงดงามก็ได้ดังขึ้นมา
“ในฐานะองค์หญิงแห่งประเทศมังกร ฉันขอออกคำสั่ง!”
“ก่อนรุ่งสาง อย่าให้อสูรเหยียบย่างเข้าไปในเมืองแม้แต่ก้าวเดียว!”
ทุกคนในสนามรบเงยหน้ามองไปที่ประตูเมือง
บนกำแพงเมือง มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เเละนั่นคือองค์หญิงซ่างกวนเฉียน
สายฝนทำให้ใบหน้าที่งดงามยิ่งดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ด้านข้างซ่างกวนเฉียน มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ เเละเเน่นอนว่าเขาคือเซียวซิงหยู
เซียวซิงหยูมองออกไปไกลๆ เห็นแต่ซากศพและทะเลเลือด
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวซิงหยูได้เห็นสนามรบที่โหดร้ายเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้น บนใบหน้าของเขากลับไม่มีความกลัวเลยเเม้เเต่น้อย…มันมีแต่ความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง
โจวซงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง “องค์หญิงเสด็จมา เราจะยอมแพ้ไม่ได้!”
“ใช่เเล้ว ฉันจะสู้ตาย!”
“ใช่ฉันก็จะสละชีวิต เพื่อปกป้องเมืองนี้!”
ซ่างกวนเฉียนมีฐานะพิเศษ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของจักรพรรดินีซ่างกวนหลาน เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของประเทศมังกร
การที่องค์หญิงเสด็จมาที่สนามรบด้วยตัวเอง มันถือเป็นขวัญกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับเหล่าทหาร
กองทัพปรมาจารย์อสูรรวมกำลังกันใหม่ เเล้วยืนหยัดต่อสู้อีกครั้ง
“เซียวซิงหยู เธอเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว กล้าขึ้นมาสู้ในสนามรบแบบนี้เลยเหรอ” ซ่างกวนเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม
“องค์หญิง ผมจะไม่ปล่อยให้ท่านไปเสี่ยงคนเดียวหรอก”
เซียวซิงหยูยกมือขวาขึ้น ทำท่าทางแสดงความเคารพประจำของกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ
ซ่างกวนเฉียนรู้สึกประทับใจกับความกล้าหาญนี้พอสมควร
ในวินาทีต่อมา ซ่างกวนเฉียนก็ขึ้นขี่กิเลนน้ำแข็ง กระโดดลงจากกำแพงเมืองราวกับดาวตก ทะลุผ่านความเงียบสงัดของค่ำคืน
เซียวซิงหยูขี่หมาป่าปีศาจแห่งนรกอบายกระโดดลงจากกำแพงตามมาติดๆ
ทั้งสองคนควบคุมอสูรของตน พุ่งเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เสียงคำรามของกิเลนเเละเสียงหอนของหมาป่าดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ!
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ซ่างกวนเฉียนนำทัพ บุกเข้าสู่กองทัพอสูรที่กำลังบุกเข้ามา
ท่ามกลางความวุ่นวาย เซียวซิงหยูก็ได้เดินมาหาโจวซง
“น้องเซียว ทำไมนายมาอยู่ที่นี่!”
“ผมมาช่วยพี่ไง”
โจวซงยิ้มแห้งๆ จากนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้…เเละรีบถามด้วยความร้อนใจ
“นายกับองค์หญิงมาช่วยข้างนอกเเบบนี้ แล้วในเมืองล่ะ?”
“เรื่องปัญหาในเมือง ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว” เซียวซิงหยูยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“จัดการเรียบร้อยแล้ว?”
โจวซงงุนงงกับคำอธิบายนี้มาก
……..
ยี่สิบนาทีก่อนหน้า
ภายในเมือง
“หัวหน้าฉิน อสูรที่เข้ามาในเมืองจากอุโมงค์เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยเเล้วครับ!”
“พวกเรารับมือไม่ไหวแล้ว!”
“แบบนี้ต่อไป อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมืองจะต้องแตกอย่างเเน่นอน!”
ฉินเยี่ยนหรันที่ตัวเปื้อนเลือดอสูรเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์รอบๆ, ตอนนี้เธอฆ่าอสูรไปมากมายเเล้ว แต่มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเลย
กำลังพลในเมืองมีน้อยอยู่แล้ว ยังมีอสูรไหลทะลักเข้ามาจากอุโมงค์ไม่หยุด มันก็ยิ่งทำให้ฉินเยี่ยนหรันจนปัญญา
“พี่เยี่ยนหรัน ผมมีวิธี”
“ว่ามาสิ!”
“ถ้าอยากแก้ปัญหาในเมือง เราต้องจัดการที่ต้นตอ เเละต้นตอก็คืออุโมงค์” เซียวซิงหยูวิเคราะห์อย่างจริงจัง
“เธอต้องการจะบอกอะไร...”
“ถ้าเราปิดอุโมงค์ เราก็จะหยุดยั้งการรุกคืบของกองทัพอสูรได้!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซียวซิงหยูพูด ซ่างกวนเฉียนที่เพิ่งฆ่าอสูรกลายพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติอยู่ใกล้ๆ ก็เดินเข้ามาหาทันที
“นี่เซียวซิงหยู นายคิดว่าการปิดอุโมงค์มันง่ายนักเหรอ”
“หึๆ เรื่องนี้สำหรับผม มันง่ายยิ่งกว่าการปอกกล้วยกินเสียอีก”
เซียวซิงหยูเพิ่งคิดแผนการสุดยอดได้ เขาเลยอยากลองใช้มันสักหน่อย
……………………