ตอนที่แล้วตอนที่ 3 การประลอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ร่างคืนสภาพแห่งเซียน

ตอนที่ 4 เจ้าเป็นเพียงเศษขยะไร้ค่า


ตอนที่ 4 เจ้าเป็นเพียงเศษขยะไร้ค่า

ทุกคนต่างชะงักงัน ไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร

จางอวิ๋นเดินไปตามชั้นวางอาวุธอย่างไม่เร่งรีบ เลือกหยิบกริชทองคำเล่มหนึ่ง แล้วเรียกสวี่เมิงให้เข้ามาหา

สวี่เมิงเดินเข้ามาอย่างไม่สบายใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

คำพูดของจางอวิ๋นกับเมิ่งจง เขาได้ยินหมดแล้ว

ท้าประลองกับเนี่ยจื้อหรือ?

ถ้าเป็นก่อนที่พลังวิญญาณของเขาจะถูกช่วงชิงไป เขาคงไม่หวั่นเกรงสักนิด

แต่ตอนนี้... เมื่อเห็นรอยแยกจากดาบที่เนี่ยจื้อฟันไว้บนแท่นหินฝึกยุทธ์ สวี่เมิงก็รู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้แม้แต่รอยเล็ก ๆ จากคมดาบของเนี่ยจื้อก่อนหน้านั้น เขายังแทบจะฟันออกมาไม่ได้ หรือว่าหลังเพิ่งได้ฝากตัวเป็นศิษย์ จะถูกขับออกแล้วหรือ?

ความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่หัวใจของสวี่เมิง

“เงยหน้าขึ้นมา!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เห็นจางอวิ๋นกล่าวขึ้นว่า “อะไร? คิดว่าเจ้าสู้เนี่ยจื้อไม่ได้หรือ?”

“ข้า...” สวี่เมิงอ้าปาก แต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร

“เจ้าคนโง่!” จางอวิ๋นตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า “คนอื่นจะมองเจ้าอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของพวกเขา แต่ถ้าแม้แต่เจ้าตัวเองยังละทิ้งตัวเอง เช่นนั้นเจ้าก็ไร้ทางรอดแล้ว!”

คำพูดนี้ทำให้สวี่เมิงรู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่น

ใช่แล้ว ถ้าแม้แต่ตัวเขาเองยังละทิ้งตัวเอง เช่นนั้นยังจะประลองไปทำไมอีก?

เมื่อมองไปยังเนี่ยจื้อที่อยู่ไม่ไกล ยืนเชิดหน้าแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยม สวี่เมิงกัดฟัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจางอวิ๋นด้วยแววตาแน่วแน่ เอ่ยเสียงดังว่า “ท่านอาจารย์ ข้าสู้เขาได้!”

“ดี เช่นนั้นจงแสดงให้ข้าเห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้า!” จางอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“หึ!”

เมิ่งจงที่อยู่เบื้องบนเมื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “จางอวิ๋น ข้าคิดว่าเจ้าจะมีวิธีอะไรดี ๆ เสียอีก แค่พูดให้กำลังใจไม่กี่คำ จะเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นอัจฉริยะได้หรือ?”

จางอวิ๋นเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะตวาดกลับอย่างไม่ไว้หน้า “หุบปากของเจ้าซะ! ดูให้ดี ๆ ก็พอ!”

เมิ่งจงขมวดคิ้วหลังถูกจางอวิ๋นสวนกลับ ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะทำอะไรได้!”

จางอวิ๋นไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงหันไปมองสวี่เมิง “เชื่อข้าหรือไม่?”

“เชื่อขอรับ!” สวี่เมิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ดีแล้ว...” จางอวิ๋นกล่าวพลางยกกริชขึ้น—

ฉึก!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน จางอวิ๋นแทงกริชลงไปที่ไหล่ซ้ายของสวี่เมิงทันที

ทั้งสนามตกอยู่ในความตะลึง!

“จางอวิ๋น เจ้าเสียสติแล้วหรือ?”

“เจ้ากำลังทำอะไร รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”

...

แม้แต่เจ้าสำนักใหญ่และเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียนสวรรค์ยังตกใจจนลุกพรวดขึ้นมา

การประลองครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าผู้อาวุโสลำดับเก้าของพวกเขาทำร้ายศิษย์ใหม่อย่างเปิดเผย! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผลกระทบจะเลวร้ายอย่างมากแน่นอน

“ท่าน… ท่านอาจารย์??”

แม้แต่ตัวสวี่เมิงเองก็อึ้งจนลืมความเจ็บปวดที่ไหล่ซ้ายไปชั่วขณะ

นี่ท่านอาจารย์ที่เพิ่งรับเขาเป็นศิษย์ คิดจะฆ่าเขา?

“หลับตาลง ใช้จิตใจสัมผัสร่างกายของเจ้าให้ดี!”

แต่ในวินาทีนั้นเอง เขาได้ยินเสียงของจางอวิ๋นดังขึ้น

สวี่เมิงชะงัก ก่อนจะสบตากับสายตาที่เฉียบคมและไม่ยอมให้ปฏิเสธของจางอวิ๋น แม้ไหล่จะเจ็บแต่เขาก็หลับตาลงตามคำสั่ง

จางอวิ๋นมองดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับตึงเครียดอยู่ไม่น้อย เนตรเซียนสวรรค์ อย่าได้ทำให้ผิดหวังเลย!

การใช้โลหะทองแทงเข้าสู่เนื้อของสวี่เมิง เพื่อกระตุ้นรากวิญญาณมังกรสีแดงทองที่แฝงอยู่ในตัวอีกฝ่าย...นี่เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดที่เขาคิดออก

“สัมผัสร่างกายของตัวเองหรือ?”

ผู้คนในสนามที่ได้ยินคำพูดของจางอวิ๋น ต่างขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

นี่คือการชี้แนะงั้นหรือ?

หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที...สิบวินาทีผ่านไป แต่สวี่เมิงยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

“จางอวิ๋น...” เมิ่งจงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

“หุบปาก!” จางอวิ๋นตวาดขัดขึ้นทันที

“เจ้า!” เมิ่งจงโกรธจัด แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนรอบข้างยังคงเงียบ เขาก็ได้แต่ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจและเงียบตาม

เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งนาที สวี่เมิงยังคงเสียเลือดจนไหล่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด...

“พอเถอะ จางอวิ๋น!”

เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียนสวรรค์ที่อยู่บนแท่นสูงอดทนไม่ไหวอีกต่อไป

แม้ว่าพวกเขาจะมองออกว่าจางอวิ๋นไม่ได้แทงลึกจนเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ร่างกายของสวี่เมิงในตอนนี้อ่อนแอมาก หากปล่อยให้เสียเลือดไปเรื่อย ๆ เกรงว่าจะไม่รอด และถ้าศิษย์ใหม่ตายขึ้นมาจริง ๆ ผลกระทบต่อสำนักจะเลวร้ายอย่างมาก!

“ฮึ่ม...”

แต่ในเวลานั้นเอง ร่างของสวี่เมิงก็สั่นไหวขึ้นทันที บริเวณบาดแผลที่ถูกแทงด้วยกริชทองกลับปรากฏประกายแสงสีทองพวยพุ่งออกมา

ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตั้งตัว...

“โฮ้ววว——!!”

สวี่เมิงเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง เสียงนั้นคล้ายกับเสียงคำรามของมังกร

ประกายแสงทองที่เริ่มต้นเพียงจุดเล็ก ๆ แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงทองเจิดจ้ากระจายออกไปทั่วพร้อมกับพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของมังกรที่ปกคลุมทั้งสำนักเซียนสวรรค์

ในชั่วขณะนั้น ภายในเขาทั้งสิบเก้าของสำนักเซียนสวรรค์ สัตว์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจะพากันหมอบกราบลงกับพื้นอย่างยำเกรง

“นี่...นี่มัน!!”

เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง สายตาจับจ้องมองไปยังสวี่เมิงที่อยู่ด้านล่าง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”

ผู้คนในสนามต่างเริ่มตั้งสติได้ สายตาของพวกเขามองไปยังแสงสีทองที่แผ่ซ่านไปทั่วและพลังมังกรที่ทำให้พวกเขารู้สึกอยากหมอบกราบ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“พลัง! พลังของข้ากลับมาแล้ว!!”

ในเวลานั้น สวี่เมิงลืมตาขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีและตะโกนออกมาเสียงดัง

จางอวิ๋นยิ้มบาง ๆ ก่อนจะชี้ไปที่แท่นฝึกยุทธ์ด้านข้าง “ไปแสดงให้ข้าเห็น!”

“ขอรับท่านอาจารย์!”

สวี่เมิงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ ก้าวขึ้นไปข้างหน้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้แม้แต่ศาสตราวุธ มือขวากำแน่นเป็นหมัด พลังวิญญาณสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลเวียนรอบหมัด ก่อนเขาจะซัดหมัดตรงเข้าสู่แท่นหินฝึกยุทธ์

ตูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง แท่นฝึกยุทธ์ที่สูงถึงหนึ่งเมตรกลับแตกกระจายออกเป็นเศษหินเล็ก ๆ ปลิวกระจายไปทั่วสนาม

ทั้งลานพลันตกอยู่ในความเงียบงัน

ทุกคนจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงงัน ปากของพวกเขาอ้าค้างจนกลายเป็นรูปตัว 'โอ'

แตกกระจาย?

แท่นหินฝึกยุทธ์...แตกกระจาย?

“นี่...นี่เป็นไปไม่ได้!”

เสียงอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาของเมิ่งจงดึงทุกคนให้หลุดออกจากความตกตะลึง

แต่เมื่อพวกเขาหันไปมองจางอวิ๋น สายตาแต่ละคู่ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คนไร้ค่าอย่างสวี่เมิง เพียงแค่ถูกจางอวิ๋นใช้กริชแทงกลับกลายเป็น...

สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังสวี่เมิงที่ร่างกายเปล่งแสงสีทองบางเบา พลังปราณมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา

ทุกคนต่างตกตะลึงจนไม่อาจเชื่อสายตา

“ผลประโยชน์ของผู้ทะลุมิติ ไม่เคยหลอกลวงจริง ๆ!” จางอวิ๋นแอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน จากนั้นเขาหันไปมองเมิ่งจงที่อยู่บนแท่นสูงพร้อมกล่าวเสียงเรียบ “ท่านผู้อาวุโสลำดับสิบ ศิษย์ของท่านเพียงทิ้งรอยแยกไว้บนแท่นฝึกยุทธ์ แต่ศิษย์ของข้ากลับทำลายแท่นนั้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ การประลองครั้งนี้ ข้าชนะ!”

“โกง! เจ้าทุจริต!”

เมิ่งจงที่เริ่มตั้งสติได้ตะโกนโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้ “สวี่เมิงมีร่างกายพิเศษอยู่แล้ว เจ้าแค่ช่วยกระตุ้นมันออกมาเท่านั้น!”

ในฐานะผู้อาวุโส เขาย่อมมองออกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการปลดปล่อยศักยภาพของร่างกายพิเศษที่ซ่อนอยู่ของสวี่เมิง

“ทุจริตหรือ?” จางอวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านผู้อาวุโสลำดับสิบ ข้าขอถามสักคำ ก่อนหน้านี้ใครกันที่เอ่ยปากเรียกศิษย์ของข้าว่าเป็นคนไร้ค่า?”

“ข้า...ข้า...” เมิ่งจงอ้าปากจะตอบ แต่กลับหาคำพูดไม่ได้

“เจ้าก็แค่คนไร้ค่า!” จางอวิ๋นตวาดอย่างไม่ไว้หน้า “เจ้าเป็นเพียงคนโง่ที่ไร้สายตา ก่อนหน้านี้เจ้ามองไม่ออกสักนิด กลับเอาแต่พร่ำบ่นไปเรื่อย ตอนนี้สู้ไม่ได้ก็เริ่มกล่าวหาข้าว่าทุจริต? การที่ข้าต้องเป็นผู้อาวุโสร่วมกับคนไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก!”

“เจ้า!!” เมิ่งจงโกรธจัดจนหน้าขึ้นสีแดงก่ำ

“พอได้แล้ว!” เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักเซียนสวรรค์ที่อดทนดูมานานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “การประลองครั้งนี้ ผู้อาวุโสลำดับเก้าชนะ”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น สีหน้าของเมิ่งจงก็ซีดเผือดในทันที

“หนึ่งหมื่นหินวิญญาณ เอามาได้แล้ว!”

จางอวิ๋นเดินกลับขึ้นมาบนแท่นสูง พลางยื่นมือออกไปโดยไม่อ้อมค้อม

“ข้า...”

เมิ่งจงอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนในที่นั้น เขาก็ได้แต่กัดฟัน หยิบแหวนเก็บของออกมาขว้างให้จางอวิ๋น

จางอวิ๋นรับแหวนมา พลางกวาดตามองหินวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ภายใน ก่อนจะยิ้มกว้าง “ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ ท่านผู้อาวุโสลำดับสิบ~!”

“เจ้าคนไร้ยางอาย!” เมิ่งจงโกรธจนแทบกัดฟันจนแตก ในขณะที่หัวใจเหมือนถูกมีดกรีด

ส่วนจางอวิ๋นนั้นเต็มไปด้วยความสบายใจ

โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เขาอย่างเปลี่ยนไป

คนในที่นั้นไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าสิ่งที่จางอวิ๋นทำตั้งแต่ต้นจนจบ จะเป็นเพียงการใช้กริชแทงเข้าไปที่สวี่เมิง แต่การที่เขามองเห็นร่างกายพิเศษของสวี่เมิงได้ในทันที รวมถึงสามารถหาวิธีปลุกศักยภาพของร่างกายพิเศษนั้นขึ้นมา แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันถึงความสามารถของเขาแล้ว

แม้แต่เจ้าสำนักใหญ่และเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซียนสวรรค์ ยังมองจางอวิ๋นด้วยสายตาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ ต้องรู้ไว้ว่าพวกเขาเองก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สังเกตเห็นความพิเศษใด ๆ ของสวี่เมิงที่เคยถูกมองว่าเป็นคนไร้ค่าเลย

จางอวิ๋นมองออกได้อย่างไร?

เจ้าสำนักใหญ่แห่งสำนักเซียนสวรรค์รู้สึกทั้งสงสัยและยินดี

โชคดีที่จางอวิ๋นมองเห็น ไม่เช่นนั้นหากต้องปล่อยศิษย์ผู้มีรากวิญญาณมังกรไป สำนักเซียนสวรรค์คงสูญเสียทรัพยากรอันล้ำค่าอย่างมหันต์!

ทันใดนั้น สายตาที่ทุกคนมองไปยังจางอวิ๋นดูจะเปลี่ยนไป กลับมารู้สึกชื่นชมเขามากขึ้น

บางที... แผนการปลดเขาจากตำแหน่งในอีกสามเดือนข้างหน้า อาจจะต้องนำกลับมาทบทวนใหม่

“ท่านอาจารย์ ข้าน้อยขอคารวะท่านด้วยความจริงใจ!”

ในขณะนั้น สวี่เมิงที่อยู่ด้านล่างคุกเข่าลงต่อหน้าจางอวิ๋น ประกอบพิธีเคารพอาจารย์ด้วยความนอบน้อม

“เจ้าประสบความสำเร็จในการรับศิษย์! สวี่เมิงยอมรับท่านเป็นอาจารย์แล้ว”

จางอวิ๋นยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เสียงลึกลับพลันดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้ง

“มหาพิภพแห่งเซียน เปิดใช้งานครั้งที่สอง!”

...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด