ตอนที่ 1 อาวุโสประหลาด
ตอนที่ 1 อาวุโสประหลาด
ดินแดนเซียนวิถี แคว้นเมฆาใต้
ณ ลานพิธีรับศิษย์ของสำนักเซียนสวรรค์
แต่เช้าตรู่ ลานแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าหนุ่มสาวจำนวนหลายร้อยคน
“เจ้าสำนักลำดับที่เก้า มาถึงแล้ว!”
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น ชายหนุ่มผู้สง่างามในชุดขาวก็ก้าวเข้าสู่ลานพิธี
“นี่คือเจ้าสำนักลำดับที่เก้าอย่างนั้นหรือ? ยังหนุ่มมากเลย!”
“ทั้งยังหล่อเหลา ข้าอยากฝากตัวเป็นศิษย์เขา!”
“ฝากตัวอะไรกัน! อย่าคิดจะเลือกคนผู้นี้เป็นอาจารย์เชียว! เจ้าสำนักลำดับที่เก้าของสำนักเซียนสวรรค์ ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวประหลาด!”
“ตัวประหลาด? หมายความว่าอย่างไร?”
“คนที่ฝึกฝนจนพลังย้อนกลับ เดินผิดทางจนกระทั่งขั้นพลังถดถอย เจ้าคิดว่าไม่ประหลาดหรือ?”
“ให้ตายเถอะ แบบนี้ก็ไม่ควรฝากตัวเป็นศิษย์จริง ๆ ด้วย!”
...
เสียงซุบซิบนินทาของเหล่าหนุ่มสาวโดยรอบทำให้จางอวิ๋นได้แต่ถอนหายใจ
ชื่อเสียงของเขาถึงขั้นที่แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ามาเป็นศิษย์ใหม่ยังรับรู้...
ร่างเดิมของเขาช่างทำเรื่องน่าเวทนาไว้เสียจริง!
แต่เดิม เขาคือคนธรรมดาบนโลกมนุษย์ เมื่อห้าวันก่อนอยู่ดี ๆ ก็ล้มป่วยหมดสติไป และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองข้ามมิติกลายเป็นเจ้าสำนักลำดับที่เก้าของสำนักเซียนสวรรค์ที่มีชื่อเดียวกับเขา
ในตอนแรก เขารู้สึกพอใจกับชะตาใหม่นี้ไม่น้อย
การเป็นเจ้าสำนักนับว่าเป็นตำแหน่งสูงส่ง แต่หลังจากหลอมรวมความทรงจำของร่างเดิม ความพึงพอใจก็หายวับไป
เพราะเจ้าของร่างเดิมผู้นี้สร้างปัญหาไว้มากมาย เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาฝึกฝนจนพลังย้อนกลับ ทำให้พลังแก่นทองคำในร่างแตกสลาย
พลังฝีมือที่เคยอยู่ในขั้นแก่นทองคำกลับถดถอยลงสู่ขั้นสร้างรากฐานในชั่วข้ามคืน
หากเป็นเพียงเท่านี้ก็นับว่ายังพอรักษาตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ได้ แต่ไม่รู้ว่าใครช่างจงใจเผยข่าวนี้จนลือกันทั่วทั้งสำนัก ทำให้ทุกคนต่างพากันรับรู้
และนี่เอง เมื่อวานนี้ในการประชุมอาวุโสระดับสูงของสำนักเซียนสวรรค์
เหล่าเจ้าสำนักจำนวนมากร่วมกันลงนามเสนอให้เจ้าสำนักใหญ่ถอดถอนตำแหน่งของเขา...
ขั้นสร้างรากฐานไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าสำนัก
เพราะในสำนักเซียนสวรรค์ การที่พลังตกลงไปอยู่ขั้นสร้างรากฐานย่อมไม่คู่ควรกับการเป็นเจ้าสำนัก
อย่างไรก็ตาม เจ้าสำนักใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธคำร้อง แต่กลับเสนอทางเลือกหนึ่งออกมา
สามเดือนหลังจากนี้ จะมีงานประลองศิษย์ประจำปีของสำนักเซียนสวรรค์ ซึ่งเหล่าศิษย์ภายใต้การดูแลของเจ้าสำนักแต่ละคนจะเข้าร่วมแข่งขัน ผลการประลองจะถูกใช้จัดอันดับเจ้าสำนักในแต่ละปี
หากจางอวิ๋นสามารถนำพาศิษย์ของตนเข้าสู่สามอันดับแรกได้ ตำแหน่งเจ้าสำนักของเขาจะคงอยู่ต่อไป แต่หากทำไม่ได้ ตำแหน่งนี้จะถูกถอดถอน
เมื่อคำนี้ถูกประกาศ ไม่มีใครคัดค้าน เพราะจางอวิ๋นไม่มีศิษย์อยู่เลยสักคน อย่าว่าแต่สามอันดับแรกเลย อีกสามเดือนเขาจะมีศิษย์เข้าร่วมการประลองได้หรือไม่นั้นยังไม่แน่
จางอวิ๋นรู้ความจริงข้อนี้ดี
เริ่มต้นมาก็เจอปัญหาหนักหนาราวกับฝันร้าย แต่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความเป็นจริง
วันนี้พอดีกับวันงานรับศิษย์สามปีครั้งของสำนักเซียนสวรรค์ เขาจึงลองเสี่ยงมาที่นี่ เผื่อว่าจะมีโอกาสรับศิษย์สักสองคน
“แต่สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย!”
เมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของเหล่าหนุ่มสาวในลานพิธี จางอวิ๋นได้แต่ยิ้มแห้งและเดินขึ้นแท่นสูงที่จัดไว้เฉพาะสำหรับเจ้าสำนัก
“โอะ ดูสิ ใครมานี่!”
ทันทีที่เขาขึ้นแท่น เสียงที่เต็มไปด้วยการเสียดสีดังขึ้นข้างหู “นี่มันเจ้าสำนักลำดับที่เก้าที่เลื่องชื่อของเราไม่ใช่หรือ? ปกติไม่เคยเห็นเจ้ามาร่วมงานรับศิษย์เลย วันนี้ว่างถึงขั้นมาหาศิษย์ได้เชียวหรือ?”
เสียงนี้มาจากชายในชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าคมเข้ม แต่ตาดูเจ้าเล่ห์ ชวนให้รู้สึกไม่น่าไว้วางใจ
คนผู้นี้คือ เมิ่งจง เจ้าสำนักลำดับที่สิบของสำนักเซียนสวรรค์
เมิ่งจงเป็นคนขี้อิจฉา และไม่ถูกกับร่างเดิมของจางอวิ๋นเอาเสียเลย ทั้งคู่เข้าสำนักพร้อมกัน อีกทั้งยังถูกจัดว่าเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกฝน พลังของทั้งสองบรรลุขั้นแก่นทองคำในวัยไม่ถึงสามสิบ
อย่างไรก็ตาม ร่างเดิมของจางอวิ๋นก้าวถึงแก่นทองคำได้ก่อนเมิ่งจงถึงสามเดือน ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกเรื่องเขามักเหนือกว่าเมิ่งจงอยู่เสมอ เช่น ฝึกฝนกระบวนท่าการต่อสู้ชนิดเดียวกัน ร่างเดิมใช้เวลาเพียงปีครึ่ง แต่เมิ่งจงต้องใช้ถึงสองปี หรือการออกล่าสัตว์อสูรชนิดเดียวกัน ร่างเดิมใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน แต่เมิ่งจงใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน
ด้วยนิสัยขี้อิจฉาของเมิ่งจง เมื่อถูกกดดันแบบนี้ ย่อมเก็บความแค้นไว้ในใจ
และเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าพลังแก่นทองคำของจางอวิ๋นแตกสลาย และถดถอยลงไปสู่ขั้นสร้างรากฐาน…
เมิ่งจงเป็นคนแรกที่กระโดดออกมาจากฝูงชน
เมื่อวาน เขาคือผู้ที่นำเสนอให้ถอดถอนตำแหน่งเจ้าสำนักของจางอวิ๋น
“ข้าจะมารับศิษย์หรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” จางอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้า…” เมิ่งจงถึงกับอึ้งและโกรธจัด ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “หยาบคาย!”
จางอวิ๋นกลอกตาใส่ ไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย และเดินไปนั่งยังที่ของเจ้าสำนักลำดับที่เก้าของตน
“ฮึ! เจ้าแค่ใช้เวลาเพลิดเพลินกับตำแหน่งเจ้าสำนักครั้งสุดท้ายเถอะ! อีกสามเดือน เจ้าคงไม่มีสิทธิ์นั่งตรงนี้อีกแล้ว!” เมิ่งจงหัวเราะอย่างเย็นชา
เขารู้ดีว่าจางอวิ๋นต้องมาร่วมพิธีรับศิษย์ในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยส่งคนที่เตรียมจะเข้ามาเป็นศิษย์ในสังกัดของเขาไปเล่าประวัติ “ความสำเร็จอันน่าอับอาย” ของจางอวิ๋นในหมู่ศิษย์ใหม่
เขามั่นใจว่าหากเหล่าศิษย์ใหม่ไม่ได้โง่ ก็คงไม่มีใครเลือกฝากตัวเป็นศิษย์ของจางอวิ๋น
หลังจากที่จางอวิ๋นมาถึง เหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ก็มาถึงลานพิธีกันเรื่อย ๆ
“ว๊าก——!!”
ไม่นาน เสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้นมาจากฟากฟ้า
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนกกระเรียนขาวตัวใหญ่ที่มีความยาวกว่า 2 เมตร บินตรงมาสู่ลานพิธี
บนหลังของมัน ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วงยืนอย่างสง่างาม
“เจ้าสำนักใหญ่! เจ้าสำนักใหญ่ของสำนักเซียนสวรรค์มาแล้ว!!”
“นี่คือผู้บำเพ็ญเพียรในขั้นปฐมวิญญาณตามตำนานหรือ? ช่างมีออร่าที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
...
ภายในลานพิธีเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
ในดินแดนเซียนวิถี ลำดับขั้นของผู้ฝึกตนเริ่มจาก หลอมลมปราณ จากนั้นจึงเข้าสู่ สร้างรากฐาน แก่นทองคำ ปฐมวิญญาณ เทพจำแลง หลอมจิตสูญญตา ร่างมหาเซียน และมหาอรหันต์
ผู้ที่สามารถบรรลุขั้นปฐมวิญญาณได้นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับหนึ่งในแผ่นดิน
ทั้งแคว้นเมฆาใต้มีผู้บรรลุขั้นนี้ได้ไม่ถึงสิบคน
เหล่าหนุ่มสาวในลานพิธีต่างมองด้วยสายตาชื่นชม
แม้แต่จางอวิ๋นเองยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับความอิจฉาที่วาบผ่านในแววตา
ในดินแดนเซียนวิถี พลังคือทุกสิ่ง หากเขาอยู่ในขั้นปฐมวิญญาณแล้วไซร้ ไหนเลยต้องมาวิตกว่าจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งเจ้าสำนัก?
ต้องแข็งแกร่งขึ้น!
ความปรารถนาอันแรงกล้าผุดขึ้นในจิตใจของจางอวิ๋น
ทันใดนั้น ศีรษะของเขาก็สั่นสะเทือน คล้ายกับเกิดการเชื่อมโยงบางอย่าง ภาพความทรงจำและเศษเสี้ยวของจิตในร่างเดิมหลอมรวมเข้ากับความปรารถนาอันแรงกล้าของเขา
และในวินาทีนั้นเอง เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์
“มหาพิภพแห่งเซียน เปิดใช้งานแล้ว!”
พร้อมกันนั้น เสียงลึกลับบางอย่างดังขึ้นในหูของเขา
จางอวิ๋นรู้สึกเหมือนแสงสว่างวาบขึ้นต่อหน้า และเมื่อเขามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่อันขาวโพลนว่างเปล่า
ในความว่างเปล่ารอบตัว มีลูกแก้วแสงจำนวนมากลอยวนเวียนไปมา
“นี่มันอะไรกัน?”
จางอวิ๋นตกตะลึง
แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มเดาสถานการณ์ได้ “เดี๋ยวนะ หรือว่านี่จะเป็น…สิทธิพิเศษของผู้ข้ามมิติ?”
แววตาของเขาสว่างวาบด้วยความตื่นเต้น
“ระบบ?”
“จิตวิญญาณอาวุโส?”
“มีใครอยู่หรือเปล่า?”
เขาลองตะโกนถามออกมาหลายครั้ง
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงลูกแก้วแสงที่ลอยวนไปมาในความว่างเปล่า
“หรือว่าข้าต้องสัมผัสลูกแก้วเหล่านี้?”
จางอวิ๋นขมวดคิ้ว ก่อนจะลองยื่นมือไปคว้าหนึ่งในลูกแก้วแสง
ฟู่มมม!
ในวินาทีที่เขาสัมผัสลูกแก้ว มันสลายกลายเป็นพลังงานพิเศษที่พุ่งเข้าสู่สมองของเขาโดยตรง
“ได้รับความสามารถ เนตรเซียนสวรรค์!”
จางอวิ๋นรู้สึกเหมือนสมองสั่นสะเทือน ข้อความหนึ่งแวบผ่านสายตาของเขา และเสียงลึกลับนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“การเปิดใช้งานครั้งถัดไป จะเกิดขึ้นหลังจากรับศิษย์แล้ว!”
จากนั้น…
แสงวูบขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองกลับมาอยู่ในลานพิธีรับศิษย์ของสำนักเซียนสวรรค์