ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 เนตรเซียนสวรรค์

ตอนที่ 1 อาวุโสประหลาด


ตอนที่ 1 อาวุโสประหลาด

ดินแดนเซียนวิถี แคว้นเมฆาใต้

ณ ลานพิธีรับศิษย์ของสำนักเซียนสวรรค์

แต่เช้าตรู่ ลานแห่งนี้เต็มไปด้วยเหล่าหนุ่มสาวจำนวนหลายร้อยคน

“เจ้าสำนักลำดับที่เก้า มาถึงแล้ว!”

เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น ชายหนุ่มผู้สง่างามในชุดขาวก็ก้าวเข้าสู่ลานพิธี

“นี่คือเจ้าสำนักลำดับที่เก้าอย่างนั้นหรือ? ยังหนุ่มมากเลย!”

“ทั้งยังหล่อเหลา ข้าอยากฝากตัวเป็นศิษย์เขา!”

“ฝากตัวอะไรกัน! อย่าคิดจะเลือกคนผู้นี้เป็นอาจารย์เชียว! เจ้าสำนักลำดับที่เก้าของสำนักเซียนสวรรค์ ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวประหลาด!”

“ตัวประหลาด? หมายความว่าอย่างไร?”

“คนที่ฝึกฝนจนพลังย้อนกลับ เดินผิดทางจนกระทั่งขั้นพลังถดถอย เจ้าคิดว่าไม่ประหลาดหรือ?”

“ให้ตายเถอะ แบบนี้ก็ไม่ควรฝากตัวเป็นศิษย์จริง ๆ ด้วย!”

...

เสียงซุบซิบนินทาของเหล่าหนุ่มสาวโดยรอบทำให้จางอวิ๋นได้แต่ถอนหายใจ

ชื่อเสียงของเขาถึงขั้นที่แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ามาเป็นศิษย์ใหม่ยังรับรู้...

ร่างเดิมของเขาช่างทำเรื่องน่าเวทนาไว้เสียจริง!

แต่เดิม เขาคือคนธรรมดาบนโลกมนุษย์ เมื่อห้าวันก่อนอยู่ดี ๆ ก็ล้มป่วยหมดสติไป และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองข้ามมิติกลายเป็นเจ้าสำนักลำดับที่เก้าของสำนักเซียนสวรรค์ที่มีชื่อเดียวกับเขา

ในตอนแรก เขารู้สึกพอใจกับชะตาใหม่นี้ไม่น้อย

การเป็นเจ้าสำนักนับว่าเป็นตำแหน่งสูงส่ง แต่หลังจากหลอมรวมความทรงจำของร่างเดิม ความพึงพอใจก็หายวับไป

เพราะเจ้าของร่างเดิมผู้นี้สร้างปัญหาไว้มากมาย เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาฝึกฝนจนพลังย้อนกลับ ทำให้พลังแก่นทองคำในร่างแตกสลาย

พลังฝีมือที่เคยอยู่ในขั้นแก่นทองคำกลับถดถอยลงสู่ขั้นสร้างรากฐานในชั่วข้ามคืน

หากเป็นเพียงเท่านี้ก็นับว่ายังพอรักษาตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ได้ แต่ไม่รู้ว่าใครช่างจงใจเผยข่าวนี้จนลือกันทั่วทั้งสำนัก ทำให้ทุกคนต่างพากันรับรู้

และนี่เอง เมื่อวานนี้ในการประชุมอาวุโสระดับสูงของสำนักเซียนสวรรค์

เหล่าเจ้าสำนักจำนวนมากร่วมกันลงนามเสนอให้เจ้าสำนักใหญ่ถอดถอนตำแหน่งของเขา...

ขั้นสร้างรากฐานไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าสำนัก

เพราะในสำนักเซียนสวรรค์ การที่พลังตกลงไปอยู่ขั้นสร้างรากฐานย่อมไม่คู่ควรกับการเป็นเจ้าสำนัก

อย่างไรก็ตาม เจ้าสำนักใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธคำร้อง แต่กลับเสนอทางเลือกหนึ่งออกมา

สามเดือนหลังจากนี้ จะมีงานประลองศิษย์ประจำปีของสำนักเซียนสวรรค์ ซึ่งเหล่าศิษย์ภายใต้การดูแลของเจ้าสำนักแต่ละคนจะเข้าร่วมแข่งขัน ผลการประลองจะถูกใช้จัดอันดับเจ้าสำนักในแต่ละปี

หากจางอวิ๋นสามารถนำพาศิษย์ของตนเข้าสู่สามอันดับแรกได้ ตำแหน่งเจ้าสำนักของเขาจะคงอยู่ต่อไป แต่หากทำไม่ได้ ตำแหน่งนี้จะถูกถอดถอน

เมื่อคำนี้ถูกประกาศ ไม่มีใครคัดค้าน เพราะจางอวิ๋นไม่มีศิษย์อยู่เลยสักคน อย่าว่าแต่สามอันดับแรกเลย อีกสามเดือนเขาจะมีศิษย์เข้าร่วมการประลองได้หรือไม่นั้นยังไม่แน่

จางอวิ๋นรู้ความจริงข้อนี้ดี

เริ่มต้นมาก็เจอปัญหาหนักหนาราวกับฝันร้าย แต่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความเป็นจริง

วันนี้พอดีกับวันงานรับศิษย์สามปีครั้งของสำนักเซียนสวรรค์ เขาจึงลองเสี่ยงมาที่นี่ เผื่อว่าจะมีโอกาสรับศิษย์สักสองคน

“แต่สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย!”

เมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของเหล่าหนุ่มสาวในลานพิธี จางอวิ๋นได้แต่ยิ้มแห้งและเดินขึ้นแท่นสูงที่จัดไว้เฉพาะสำหรับเจ้าสำนัก

“โอะ ดูสิ ใครมานี่!”

ทันทีที่เขาขึ้นแท่น เสียงที่เต็มไปด้วยการเสียดสีดังขึ้นข้างหู “นี่มันเจ้าสำนักลำดับที่เก้าที่เลื่องชื่อของเราไม่ใช่หรือ? ปกติไม่เคยเห็นเจ้ามาร่วมงานรับศิษย์เลย วันนี้ว่างถึงขั้นมาหาศิษย์ได้เชียวหรือ?”

เสียงนี้มาจากชายในชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าคมเข้ม แต่ตาดูเจ้าเล่ห์ ชวนให้รู้สึกไม่น่าไว้วางใจ

คนผู้นี้คือ เมิ่งจง เจ้าสำนักลำดับที่สิบของสำนักเซียนสวรรค์

เมิ่งจงเป็นคนขี้อิจฉา และไม่ถูกกับร่างเดิมของจางอวิ๋นเอาเสียเลย ทั้งคู่เข้าสำนักพร้อมกัน อีกทั้งยังถูกจัดว่าเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกฝน พลังของทั้งสองบรรลุขั้นแก่นทองคำในวัยไม่ถึงสามสิบ

อย่างไรก็ตาม ร่างเดิมของจางอวิ๋นก้าวถึงแก่นทองคำได้ก่อนเมิ่งจงถึงสามเดือน ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกเรื่องเขามักเหนือกว่าเมิ่งจงอยู่เสมอ เช่น ฝึกฝนกระบวนท่าการต่อสู้ชนิดเดียวกัน ร่างเดิมใช้เวลาเพียงปีครึ่ง แต่เมิ่งจงต้องใช้ถึงสองปี หรือการออกล่าสัตว์อสูรชนิดเดียวกัน ร่างเดิมใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน แต่เมิ่งจงใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน

ด้วยนิสัยขี้อิจฉาของเมิ่งจง เมื่อถูกกดดันแบบนี้ ย่อมเก็บความแค้นไว้ในใจ

และเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าพลังแก่นทองคำของจางอวิ๋นแตกสลาย และถดถอยลงไปสู่ขั้นสร้างรากฐาน…

เมิ่งจงเป็นคนแรกที่กระโดดออกมาจากฝูงชน

เมื่อวาน เขาคือผู้ที่นำเสนอให้ถอดถอนตำแหน่งเจ้าสำนักของจางอวิ๋น

“ข้าจะมารับศิษย์หรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” จางอวิ๋นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เจ้า…” เมิ่งจงถึงกับอึ้งและโกรธจัด ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “หยาบคาย!”

จางอวิ๋นกลอกตาใส่ ไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย และเดินไปนั่งยังที่ของเจ้าสำนักลำดับที่เก้าของตน

“ฮึ! เจ้าแค่ใช้เวลาเพลิดเพลินกับตำแหน่งเจ้าสำนักครั้งสุดท้ายเถอะ! อีกสามเดือน เจ้าคงไม่มีสิทธิ์นั่งตรงนี้อีกแล้ว!” เมิ่งจงหัวเราะอย่างเย็นชา

เขารู้ดีว่าจางอวิ๋นต้องมาร่วมพิธีรับศิษย์ในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยส่งคนที่เตรียมจะเข้ามาเป็นศิษย์ในสังกัดของเขาไปเล่าประวัติ “ความสำเร็จอันน่าอับอาย” ของจางอวิ๋นในหมู่ศิษย์ใหม่

เขามั่นใจว่าหากเหล่าศิษย์ใหม่ไม่ได้โง่ ก็คงไม่มีใครเลือกฝากตัวเป็นศิษย์ของจางอวิ๋น

หลังจากที่จางอวิ๋นมาถึง เหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ก็มาถึงลานพิธีกันเรื่อย ๆ

“ว๊าก——!!”

ไม่นาน เสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้นมาจากฟากฟ้า

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนกกระเรียนขาวตัวใหญ่ที่มีความยาวกว่า 2 เมตร บินตรงมาสู่ลานพิธี

บนหลังของมัน ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีม่วงยืนอย่างสง่างาม

“เจ้าสำนักใหญ่! เจ้าสำนักใหญ่ของสำนักเซียนสวรรค์มาแล้ว!!”

“นี่คือผู้บำเพ็ญเพียรในขั้นปฐมวิญญาณตามตำนานหรือ? ช่างมีออร่าที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

...

ภายในลานพิธีเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย

ในดินแดนเซียนวิถี ลำดับขั้นของผู้ฝึกตนเริ่มจาก หลอมลมปราณ จากนั้นจึงเข้าสู่ สร้างรากฐาน แก่นทองคำ ปฐมวิญญาณ เทพจำแลง หลอมจิตสูญญตา ร่างมหาเซียน และมหาอรหันต์

ผู้ที่สามารถบรรลุขั้นปฐมวิญญาณได้นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับหนึ่งในแผ่นดิน

ทั้งแคว้นเมฆาใต้มีผู้บรรลุขั้นนี้ได้ไม่ถึงสิบคน

เหล่าหนุ่มสาวในลานพิธีต่างมองด้วยสายตาชื่นชม

แม้แต่จางอวิ๋นเองยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับความอิจฉาที่วาบผ่านในแววตา

ในดินแดนเซียนวิถี พลังคือทุกสิ่ง หากเขาอยู่ในขั้นปฐมวิญญาณแล้วไซร้ ไหนเลยต้องมาวิตกว่าจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งเจ้าสำนัก?

ต้องแข็งแกร่งขึ้น!

ความปรารถนาอันแรงกล้าผุดขึ้นในจิตใจของจางอวิ๋น

ทันใดนั้น ศีรษะของเขาก็สั่นสะเทือน คล้ายกับเกิดการเชื่อมโยงบางอย่าง ภาพความทรงจำและเศษเสี้ยวของจิตในร่างเดิมหลอมรวมเข้ากับความปรารถนาอันแรงกล้าของเขา

และในวินาทีนั้นเอง เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์

“มหาพิภพแห่งเซียน เปิดใช้งานแล้ว!”

พร้อมกันนั้น เสียงลึกลับบางอย่างดังขึ้นในหูของเขา

จางอวิ๋นรู้สึกเหมือนแสงสว่างวาบขึ้นต่อหน้า และเมื่อเขามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่อันขาวโพลนว่างเปล่า

ในความว่างเปล่ารอบตัว มีลูกแก้วแสงจำนวนมากลอยวนเวียนไปมา

“นี่มันอะไรกัน?”

จางอวิ๋นตกตะลึง

แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มเดาสถานการณ์ได้ “เดี๋ยวนะ หรือว่านี่จะเป็น…สิทธิพิเศษของผู้ข้ามมิติ?”

แววตาของเขาสว่างวาบด้วยความตื่นเต้น

“ระบบ?”

“จิตวิญญาณอาวุโส?”

“มีใครอยู่หรือเปล่า?”

เขาลองตะโกนถามออกมาหลายครั้ง

แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงลูกแก้วแสงที่ลอยวนไปมาในความว่างเปล่า

“หรือว่าข้าต้องสัมผัสลูกแก้วเหล่านี้?”

จางอวิ๋นขมวดคิ้ว ก่อนจะลองยื่นมือไปคว้าหนึ่งในลูกแก้วแสง

ฟู่มมม!

ในวินาทีที่เขาสัมผัสลูกแก้ว มันสลายกลายเป็นพลังงานพิเศษที่พุ่งเข้าสู่สมองของเขาโดยตรง

“ได้รับความสามารถ เนตรเซียนสวรรค์!”

จางอวิ๋นรู้สึกเหมือนสมองสั่นสะเทือน ข้อความหนึ่งแวบผ่านสายตาของเขา และเสียงลึกลับนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“การเปิดใช้งานครั้งถัดไป จะเกิดขึ้นหลังจากรับศิษย์แล้ว!”

จากนั้น…

แสงวูบขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองกลับมาอยู่ในลานพิธีรับศิษย์ของสำนักเซียนสวรรค์

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด