บทที่ 695 《หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน》 เริ่มออกอากาศ
ผลงานที่สวี่เย่ปล่อยออกมานี้ ไม่ใช่เพลงเลยด้วยซ้ำ ต้องบอกว่าเป็นท่าเต้นมากกว่า
แต่ถ้าอยากจะเข้าใจความหมายของท่าเต้นนี้ ก็ต้องมีเพลงนี้ประกอบ
ท่าเต้นสะบัดไหล่มันช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจเกินต้านทาน
พอดูจบหนึ่งรอบ ก็อยากดูรอบที่สอง และเมื่อดูจนจบ หลายคนก็เหมือนจะติดงอมแงม
พีตัน เจ้าของช่องในเสี่ยวหลันจ้าน ดูวิดีโอท่าเต้นสะบัดไหล่นี้รวดเดียวเจ็ดรอบ
หลังจากดูจบ เขาลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ ยืนหน้ากระจก และเริ่มทำท่าสะบัดไหล่เลียนแบบในวิดีโอ
เขายังพยายามเลียนแบบสีหน้าของสวี่เย่ในวิดีโออีกด้วย เขาวางแผนจะทำคลิปวิดีโอที่ตัวเองเต้นท่าสะบัดไหล่
แต่พีตันก็พบว่า ท่าเต้นสะบัดไหล่นั้นไม่ง่ายเลย สำหรับคนที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาอย่างเขา แขนขาเริ่มแข็งทื่อไปหมด การจะเต้นให้ได้แบบสวี่เย่ต้องฝึกอีกเยอะ
“สวี่เย่ นายมันร้ายจริงๆ!” พีตันถอนหายใจ
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก
ความตลกขบขันไม่มีพรมแดน
และแล้ว การเลียนแบบท่าเต้นสะบัดไหล่ก็เริ่มต้นขึ้น
ในตอนแรก คนที่ไม่รู้จักท่าเต้นนี้ พอเห็นคนอื่นเต้นก็ยังรู้สึกว่าเป็นอะไรที่งงๆ
แต่ไม่รู้ทำไม พอได้ดูท่าเต้นสะบัดไหล่แล้ว กลับรู้สึกว่ามันตลกมาก และทำให้รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
สวี่เย่ก็ปล่อยวิดีโออีกคลิปหนึ่งออกมาในอินเทอร์เน็ต
“วิดีโอสอนเต้นท่าสะบัดไหล่”
ช่วงแรกของวิดีโอ เขายังสอนท่าเต้นอย่างปกติ
แต่จู่ๆ ภาพก็ตัดไปที่ MV เพลง Never Gonna Give You Up
งานนี้ไม่กล้าพูดว่าทุกคนที่ดูจะโดนหลอกหมด แต่ที่แน่ๆ คืออย่างน้อย 99% โดนหลอก
วิดีโอสอนเต้นนี้ถูกโพสต์ทั้งในและต่างประเทศ
ชาวเน็ตต่างชาติถึงกับกลั้นขำไม่ไหว
“นักร้องฮวาเซี่ยคนนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะมาเรียนท่าเต้นสะบัดไหล่จริงๆ นะ”
“ชาวฮวาเซี่ย ช่วยดูแลนักร้องคนนี้หน่อย อย่าให้เขาออกมาเพ่นพ่าน!”
“ฮวาเซี่ยไม่เลี้ยงคนว่างงานหรอก!”
ส่วนชาวเน็ตในประเทศก็ชินเสียแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาโดนหลอก
แต่ไม่นาน สวี่เย่ก็เปิดประเด็นในอินเทอร์เน็ต “มาสะบัดไหล่กันเถอะ”
เนื่องจากเวลาของเขามีจำกัด จึงทำได้แค่ถ่ายทำเวอร์ชันพระราชวังต้องห้ามเพื่อโปรโมทวัฒนธรรมฮวาเซี่ย แต่พลังของชาวเน็ตนั้นไร้ขีดจำกัด
หลังจากหัวข้อนี้ถูกเปิดตัว ชาวเน็ตทั่วประเทศต่างก็เข้าร่วมกิจกรรมนี้กันอย่างคึกคัก
มีท่าเต้นสะบัดไหล่ในเวอร์ชันเมืองต่างๆ โดยมีการแนะนำสถานที่สำคัญในเมือง
มีเวอร์ชันของมหาวิทยาลัย โดยนักศึกษาจะแนะนำสถานที่ในมหาวิทยาลัยของตน
แม้แต่บัญชีทางการของบางหน่วยงานก็เข้าร่วมกิจกรรมนี้ และเริ่มสะบัดไหล่ไปด้วยกัน
เพลง Coincidance ก็ขึ้นสู่ชาร์ตเพลงระดับโลกเช่นกัน
เพลงที่สวี่เย่แต่งขึ้นหลายเพลงกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก และทำให้เกิดเทรนด์ตามกระแสขึ้นมา
สิ่งนี้ส่งผลให้รายได้จากการฉายในต่างประเทศของภาพยนตร์ กังฟู เพิ่มขึ้นถึง 50 ล้านดอลลาร์
นี่ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดของภาพยนตร์ฮวาเซี่ยในต่างประเทศในรอบสิบปีที่ผ่านมา
อีกทั้งคำวิจารณ์จากต่างประเทศยังออกมาดีมาก ทำให้คนที่เคยบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะล้มเหลวในต่างประเทศต้องเงียบปากไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเข้าสู่เดือนตุลาคม เนื่องในโอกาสวันชาติ เพลง มาตุภูมิของฉัน ก็ดังกระหึ่มทั่วโลกออนไลน์
แม้สวี่เย่จะยุ่งอยู่กับการถ่ายทำภาพยนตร์ในกองถ่าย แต่ข่าวของเขาก็ยังคงมีอยู่ในอินเทอร์เน็ต
หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และกำหนดออกอากาศทางช่องเด็กของสถานีโทรทัศน์กลาง ส่วนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับสิทธิ์ออกอากาศคือ เสี่ยวหลันจ้าน
หลังจากการร่วมงานที่ราบรื่นในโปรเจกต์ก่อนๆ ตอนนี้ไม่ว่าอนิเมชันเรื่องไหนที่สร้างโดยสตูดิโอจูเมิ่ง เสี่ยวหลันจ้านก็พร้อมทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์ทันที และถ้ามีแพลตฟอร์มอื่นเข้ามาแย่ง ก็เพิ่มเงินเข้าไปอีก
ไม่เหมือนแต่ก่อน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสี่ยวหลันจ้านมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ในระหว่างการเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ของเสี่ยวหลันจ้านก็ถามสวี่เย่ว่า สนใจมาร่วมงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีของเสี่ยวหลันจ้านไหม?
สวี่เย่รู้สึกแปลกใจ
ในโลกนี้ งานปาร์ตี้ส่งท้ายปีมักจัดโดยสถานีโทรทัศน์ ยังไม่เคยมีแพลตฟอร์มวิดีโอไหนจัดงานแบบนี้มาก่อน
แต่บนโลกใบเดิม Bilibili ได้เริ่มจัดงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำได้ดีมากทีเดียว
งานปาร์ตี้ส่งท้ายปีของ Bilibili มีสไตล์แตกต่างจากงานที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์ทั่วไป
ในโลกนี้ เสี่ยวหลันจ้านก็เตรียมจัดงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเช่นกัน โดยมีผู้กำกับหลักของงานเป็นคนคุ้นเคยของสวี่เย่ นั่นคือ อวี๋เวย
อวี๋เวยมีประสบการณ์จัดงานปาร์ตี้มากมาย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานในรูปแบบนี้ งานปาร์ตี้ส่งท้ายปีสำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอ
ตอนแรกสวี่เย่กังวลเรื่องเวลา จึงบอกว่าจะขอพิจารณาก่อน
แต่ไม่นาน อวี๋เวยก็เดินทางมาหาเขาถึงกองถ่าย
ในฐานะผู้กำกับระดับตำนานของวงการวาไรตี้ การที่เธอมาชวนด้วยตัวเองแบบนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาเลย มีนักแสดงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
ครั้งนี้อวี๋เวยถือโอกาสมาดูการถ่ายทำด้วย
เมื่อเธอมาถึงกองถ่าย ก็เห็นสวี่เย่แต่งตัวเป็นซุนหงอคง
“นี่แต่งตัวอะไรของนาย?” อวี๋เวยถามด้วยความสงสัย
ข่าวการถ่ายทำ ไซอิ๋วภาคพิสดาร สวี่เย่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน แม้แต่ภาพคาแรกเตอร์ก็ยังไม่ได้ปล่อย
อวี๋เวยจึงไม่รู้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร พอมาเห็นแบบนี้ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ผมเล่นเป็นซุนหงอคงครับ” สวี่เย่ตอบ
อวี๋เวยมองไปที่เสี่ยวหวังที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “แล้วแฟนของนายเล่นเป็นอะไร?”
“ก็เล่นเป็นแฟนผมสิครับ” สวี่เย่ตอบ
อวี๋เวยถึงกับงงไปชั่วขณะ
แฟนของนายเล่นเป็นแฟนของนาย? หรือว่าจะเล่นเป็นแฟนของซุนหงอคง?
ซุนหงอคงมีแฟนด้วยเหรอ?
นี่มันเกินคาดไปมาก!
อวี๋เวยแทบไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเนื้อเรื่องแบบไหน
ปัจจุบันมีผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ที่ดัดแปลงจาก ไซอิ๋ว ออกมามากมายในตลาด แต่ยังไม่มีเรื่องไหนเลยที่เพิ่มเรื่องราวความรักให้กับซุนหงอคง
“ไม่เสียทีที่เป็นสวี่เย่” อวี๋เวยถอนหายใจในใจ
เธอไม่ได้มามือเปล่า แต่ยังนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ทีมนักแสดง และเลี้ยงน้ำผลไม้ทีมงานทุกคน
สวี่เย่พาเธอไปที่ห้องพัก และเสิร์ฟแตงโมหนึ่งจานให้เธอ
สวี่เย่แนะนำว่า “แตงโมนี่รสชาติเหมือนน้ำแตงโมทุกประการ ฉันเรียกมันว่า ‘น้ำแตงโมแบบแข็ง’ ลองชิมดูสิ”
อวี๋เวยฟังแล้วงงไปชั่วขณะ
เธอรู้ดีว่าการมาคุยกับสวี่เย่นั้น ต้องมีโมเมนต์ที่ทำให้คนฟังไปไม่เป็นแน่นอน
พอคุยกันไปสักพัก อวี๋เวยก็เริ่มพูดถึงงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีของเสี่ยวหลันจ้าน
งานปาร์ตี้ส่งท้ายปีของเสี่ยวหลันจ้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่
ต่างจากสถานีโทรทัศน์ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์กลาง (CCTV) ที่งานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเน้นกลุ่มผู้ชมทุกช่วงอายุ
เสี่ยวหลันจ้านจึงมีข้อจำกัดในเรื่องการคัดเลือกโชว์น้อยกว่ามาก
อวี๋เวยยิ้มและพูดว่า “สวี่เย่ ถ้าคุณมาร่วมงาน คุณจะได้ทำหน้าที่เป็นคนวางแผนงานด้วย ถ้าคุณมีไอเดียจะทำโชว์อะไร ก็จะสะดวกขึ้น”
ข้อเสนอนี้พูดได้ว่าโดนใจสวี่เย่เข้าอย่างจัง
เธอเคยสังเกตเห็นว่าในงานปาร์ตี้ของสถานีโทรทัศน์กลางที่ผ่านมา สวี่เย่ดูเหมือนจะไม่ค่อยปล่อยตัวตามสบาย หรืออาจจะรู้สึกอึดอัดกับความเป็นทางการของเวทีนั้น
เวทีของสถานีโทรทัศน์กลางยังคงเป็นเวทีที่ดูเคร่งขรึมและจริงจัง
จะว่าไปก็ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงที่มากประสบการณ์ย่อมเข้าใจจุดนี้ได้ดีกว่า เธอพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้สวี่เย่สนใจทันที
สวี่เย่ถามว่า “คุณหมายความว่า ผมสามารถออกแบบบางส่วนของโชว์ในงานนี้ได้เองใช่ไหม?”
อวี๋เวยยิ้มตอบว่า “ใช่ค่ะ นอกจากค่าตัวของคุณแล้ว เรายังจ่ายค่าตอบแทนในฐานะผู้วางแผนให้ด้วย คุณเลือกได้เลย”
สวี่เย่ถามต่อว่า “ทำอะไรก็ได้ใช่ไหม ห้ามเปลี่ยนใจนะ”
อวี๋เวยถึงกับใจหายวาบ
แย่แล้ว พูดไปเร็วเกินไปหรือเปล่า?
ดูสีหน้าสวี่เย่แล้ว เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
หรือว่าสวี่เย่มีแผนในใจมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ?
แต่เมื่อพูดไปขนาดนี้แล้ว อวี๋เวยก็ไม่คิดจะถอย
ปล่อยให้สวี่เย่ได้ลองทำดูหน่อยจะเป็นอะไรไป
จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องแนวคิดโชว์ในงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีอย่างคร่าวๆ
ในเรื่องโชว์ สวี่เย่มีไอเดียมากมาย
หลายผลงานของเขาสามารถนำไปต่อยอดทำโชว์บนเวทีได้
สำหรับงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีนี้ สวี่เย่ก็อยากทำอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง
“ในเมื่อเป็นโชว์สำหรับคนรุ่นใหม่ งั้นเพิ่มวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้าไปหน่อยละกัน” สวี่เย่พูดขึ้น
อวี๋เวยถึงกับงง
เธอคิดในใจว่า คุณรู้ไหมว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้สนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมมากนัก?
แต่เธอก็ยังถามต่อว่า “แล้วคุณจะทำบนเวทียังไง?”
“ก็เอาวัฒนธรรมดั้งเดิมมาผสมกับอนิเมชันของสตูดิโอจูเมิ่งไง แบบนี้จะได้หนึ่งโชว์ แล้วเอามาผสมกับเพลงป๊อป ก็จะได้อีกหนึ่งโชว์...” สวี่เย่เริ่มอธิบายให้เธอฟัง
อวี๋เวยรู้สึกว่าไอเดียของสวี่เย่ช่างสร้างสรรค์ เธอพอจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าจะเอามาผสมกันได้ยังไง
การผสมกับเพลงยังพอเข้าใจได้ แต่การผสมกับอนิเมชันนี่เกินกว่าที่เธอจะจินตนาการออก
สุดท้าย อวี๋เวยได้แต่ยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณมีแผนในใจ ก็ตามนั้นเลยค่ะ”
หลังจากตกลงเรื่องงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเรียบร้อยแล้ว สวี่เย่ก็เริ่มวางแผนจัดการทันที
งานปาร์ตี้ใหญ่แบบนี้ปกติจะมีผู้วางแผนหลายคน แต่คราวนี้อวี๋เวยให้สวี่เย่จัดการได้เต็มที่ ทำให้เขามีอิสระในการทำงานมากขึ้น
เขาสามารถเลือกทีมผู้แสดงและออกแบบโชว์ได้เอง โดยทีมผู้กำกับก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่
“พอดี หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน กำลังจะออกอากาศ ถ้ามีเวลาพอก็อาจทำโชว์ที่เกี่ยวกับ หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน ได้ด้วย” สวี่เย่คิดในใจ
ไม่นานก็ถึงวันออกอากาศของ หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน
บนโลกใบเดิม หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน มีสองภาคที่ได้รับความนิยม ภาคแรกคือ หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “หงเหมียวช่วยคุณปู่”
ภาคต่อชื่อว่า หงเหมียวจินกัง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างน้องสาวของงูปีศาจกับหงเหมียวทั้งเจ็ด
สวี่เย่ได้นำทั้งสองภาคมารวมกัน และใช้ชื่อว่า หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน
ในโลกเดิม ทีมผู้ผลิตอนิเมชันจึงทำภาคต่อเพราะภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ในกรณีของสวี่เย่ เขาไม่มีปัญหานั้น จึงนำมารวมกันทีเดียว
จนถึงทุกวันนี้ หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน ยังคงเป็นอนิเมชันคลาสสิก
ลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อนิเมชันจีน
ในอินเทอร์เน็ต สตูดิโอจูเมิ่งได้ประกาศข่าวการออกอากาศของ หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน พร้อมกับโพสต์โปสเตอร์โปรโมท
โปสเตอร์เป็นภาพหงเหมียวทั้งเจ็ดยืนอยู่บนแท่นดอกบัว ซึ่งเป็นภาพที่คลาสสิกมาก
หลังจากโปสเตอร์ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตต่างก็งงกันไปหมด
เพราะลักษณะของตัวละครดูแปลกใหม่มาก
หัวของพวกเขามีลูกน้ำเต้าติดอยู่ และเสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูประหลาด
“นี่คืออนิเมชันใหม่ของสวี่เย่เหรอ? ทำไมดูตลกจัง?”
“ตัวละครพวกนี้หน้าตาเหมือนกันหมดเลย แค่เสื้อคนละสี นี่มันหลอกคนชัดๆ”
“สตูดิโอจูเมิ่งเริ่มทำผลงานลวกๆ เพื่อหาเงินแล้วเหรอ?”
ในอินเทอร์เน็ตมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
ซึ่งก็ไม่แปลก ในยุคนี้ ตัวละครอนิเมชันต้องมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
แต่หงเหมียวทั้งเจ็ดกลับแตกต่างกันแค่สีเสื้อ ใครเห็นก็คงคิดว่าไม่เวิร์ก
แต่ไม่นาน สตูดิโอจูเมิ่งก็โพสต์ข้อความชี้แจง
“อนิเมชันนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ โรงละครแสงแดดในวัยเด็ก และเป็นผลงานอนิเมชันเรื่องสุดท้ายในแผนงานห้าปีของสตูดิโอเรา รับประกันคุณภาพ”
แต่ถึงอย่างนั้น โพสต์ชี้แจงนี้ก็ยังไม่สามารถปิดปากกลุ่มนักวิจารณ์ได้
“พวกละครที่ถูกวิจารณ์ว่าแย่ๆ บางเรื่อง ทีมผู้สร้างก็ยังคิดว่าเป็นละครดีเลย”
“คุณภาพดีหรือไม่ คนดูต่างหากที่เป็นคนตัดสิน”
“เห็นตัวละครเปลือยอกแบบนี้แล้วรู้สึกขยะแขยง แจ้งลบไปแล้ว อนิเมชันแบบนี้ไม่ควรได้ออกอากาศ!”
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ สตูดิโอจูเมิ่งก็เลือกที่จะปล่อยให้ผลงานเป็นตัวพิสูจน์เอง
ในเวลา 18:00 น. หงเหมียวและหลันถู่เจ็ดอัศวิน ก็ออกอากาศทางช่องเด็กของสถานีโทรทัศน์กลางอย่างเป็นทางการ
