ตอนที่แล้วบทที่ 612: หมดเวลาประเมิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 614: ทีมพายุทราย

บทที่ 613: การต่อสู้สัตว์อสูรแบบทีม


"ย่าห์..."

หยาเป่าแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ พร้อมกับจ้องมองไปที่วานรเหล็กสังหาร ราวกับว่ามันยังไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้

เปลวไฟบนหลังของมันที่ดูคล้ายปีกสะบัดไปมาด้วยความอ่อนแรง ราวกับว่ามันอาจจะดับลงได้ในทุกวินาที

ในจังหวะนั้นเอง เสียงอันคุ้นเคยของเฉียวซางดังขึ้น

"หยาเป่า กลับมาเถอะ"

"ย่าห์..."

หยาเป่าหันศีรษะกลับมาทันที สีหน้าของมันดูเหมือนตั้งใจจะเทเลพอร์ตกลับไปหาเจ้าของของมันในทันที

แต่ในขณะที่พลังงานกำลังเริ่มหมุนเวียน ความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้าใส่มันอย่างรุนแรงจนไม่อาจต้านทานได้ มันจึงหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้

ร่างของหยาเป่าค่อยๆ ร่วงลงมาจากกลางอากาศ

เฉียวซางที่เห็นเหตุการณ์นั้นถึงกับใจหาย รีบสะบัดมืออย่างรวดเร็วและเก็บหยาเป่ากลับเข้าไปในตำราอสูรได้ทันเวลา

นี่น่ะเหรอความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรระดับนายพลกับสัตว์อสูรระดับสูง... เฉียวซางคิดพลางมองไปที่วานรเหล็กสังหาร

ก่อนหน้านี้ หยาเป่าเคยต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับนายพลมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยพ่ายแพ้อย่างยับเยินแบบในครั้งนี้มาก่อน

ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรระดับนายพลเองก็ยังมีความแตกต่างที่ชัดเจนในระดับเดียวกันอีกด้วย...

ผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์รอบข้าง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้ชมอีกต่อไป ก็เริ่มทยอยแยกย้ายกันไปทีละคน

บลูสตาร์

มหาวิทยาลัยจงคง

อาจารย์ผู้คุมสอบทั้งสามคนละสายตาจากหน้าจอเสมือนที่กำลังแสดงผลการต่อสู้ แล้วเริ่มแสดงความคิดเห็นกันอย่างจริงจัง

"ดูเหมือนค่าพลังงานของสุนัขเพลิงพร่างพรายตัวนี้จะตรงกับข้อมูลที่เราทดสอบเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นมันคงไม่สามารถคงร่างแยกเงาได้มากขนาดนี้และพร้อมกับใช้ทักษะฝนดาวตกไปด้วย"

"ฉันคิดว่าตอนนี้มันสามารถเทียบชั้นกับสัตว์อสูรระดับนายพลทั่วๆไปได้แล้วนะ ทั้งในด้านค่าพลังงานและความเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะระดับสูง"

"ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ถ้าในเรื่องของความเชี่ยวชาญการใช้ทักษะระดับสูง มันยังเหนือกว่าสัตว์อสูรระดับนายพลส่วนใหญ่อีกด้วย ผมเคยดูเฉียวซางแข่งรอบชิงมาก่อน และสุนัขเพลิงพร่างพรายของเธอใช้ทักษะฝนดาวตกได้ถึงขั้นไร้ที่ติแล้ว ในหมู่สัตว์อสูรระดับนายพล มีแค่หยิบมือเท่านั้นที่จะพัฒนาความชำนาญของทักษะระดับสูงให้ไปถึงขั้นไร้ที่ติดได้"

"ในภาพรวมตอนนี้ สุนัขเพลิงพร่างพรายตัวนี้ที่เป็นสายโจมตีดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีมากเลยทีเดียว การต่อสู้กับวานรเหล็กสังหารก็ยืนระยะได้นานกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เยอะมาก”

"พูดตรงๆเลยนะ ฉันประทับใจช่วงที่มันใช้โชติช่วงออกมาจนสามารถกดดันวานรเหล็กสังหารได้สำเร็จมาก"

"ฮ่าๆฉันเชื่อว่าคะแนนที่เราประเมินไว้น่าจะออกมาใกล้เคียงกันมาก"

อาจารย์ผู้คุมสอบเหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่แค่คุมสอบเท่านั้น แต่การประเมินคะแนนหลักก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาโดยตรง

คะแนนของผู้เข้าสอบจะคำนวณจากคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากอาจารย์ผู้คุมสอบทั้งสามคน รวมกับคะแนนจากอาจารย์ผู้คุมสอบที่อยู่ในสนามสอบโดยตรง

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ พวกเขาก็หันกลับไปดูหน้าจอเสมือนอีกครั้ง

"คนถัดไปที่จะเข้าสอบคือถังอี้ ใช่ไหม?"

"ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นนกคลุมฟ้าของเขาอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ว่าระหว่างการสอบครั้งนี้มันอาจจะมีการวิวัฒนาการแบบสายสัมพันธ์อีกก็ได้"

อัลติเมทสตาร์

ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร

ในขณะถังอี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบ เฉียวซางก็เดินไปยังมุมหนึ่งของสนามและเรียกหยาเป่ากับลู่เป่าออกมา

ไม่นานนัก ภายใต้แสงแห่งการรักษาสภาพของหยาเป่าก็ฟื้นฟูกลับมาจนดูเหมือนปกติ

"ย่าห์ ย่าห์..."

ถึงอย่างนั้น หยาเป่าก็ยังคงมีใบหูที่ลู่ลง สีหน้าของมันดูหม่นหมองเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่สามารถทำใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้

มันไม่เคยแพ้ยับเยินขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

“แกทำได้ดีมากแล้วล่ะ หยาเป่า” เฉียวซางพูดปลอบมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “วานรเหล็กสังหารตัวนั้นน่ะเป็นสัตว์อสูรระดับนายพลแถมยังดูเหมือนว่าจะวิวัฒนาการมาหลายปีแล้ว แต่แกเพิ่งจะโตขึ้นมาไม่นานเอง”

เธอพูดพลางลูบมันอย่างปลอบโยน “ผลแพ้ชนะครั้งนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ฉันเชื่อว่าในไม่ช้า แกจะต้องเอาชนะมันได้แน่นอน แล้วตอนนั้น ฉันจะหาโอกาสนัดอาจารย์คนนั้นมาแข่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่เสียใจ แต่การพ่ายแพ้ในการสอบครั้งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกท้อแท้ไม่น้อย เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นเดินบนเส้นทางนี้มา เธอแทบไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลย

แต่เมื่อคิดให้รอบคอบอีกครั้ง เธอเองก็เป็นแค่นักเรียน ส่วนคู่ต่อสู้นั้นเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ ทั้งอายุ ประสบการณ์ และระดับของสัตว์อสูรก็ต่างกัน จะให้ชนะในทันทีคงเป็นเรื่องที่เกินจริงไปหน่อย

“ย่าห์!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของ หยาเป่าก็กลับมามีแววตามุ่งมั่นอีกครั้ง มันตัดสินใจแน่วแน่ว่า ครั้งหน้า มันจะต้องชนะให้ได้!

หลังจากการสอบของถังอี้สิ้นสุดลง ฉวี่จั๋วก็สะบัดมือเก็บวานรเหล็กสังหารกลับเข้าไปในตำราอสูร

ในขณะเดียวกัน ผู้พิชิตโขดหินก็เก็บอุปกรณ์ถ่ายทำของมันอย่างเป็นระเบียบ

“พวกเธอพักผ่อนตอนกลางวันให้เต็มที่” ฉวี่จั๋วมองไปที่เฉียวซางและถังอี้ก่อนจะกล่าว “ให้สัตว์อสูรพักฟื้นที่ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรให้เรียบร้อย ตอนบ่ายสองเราจะเริ่มการทดสอบการต่อสู้สัตว์อสูรแบบทีม”

“ขอเตือนไว้ล่วงหน้า การจะได้คะแนนสูงในการสอบครั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างสัตว์อสูรสำคัญกว่าความสามารถในการต่อสู้เดี่ยวของพวกมันซะอีก”

“ฉันรู้ว่าพวกเธออาจยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้แบบทีมมากนัก ก็หวังว่าช่วงเวลานี้ก่อนบ่ายสอง พวกเธอจะใช้เวลาให้สัตว์อสูรฝึกฝนความเข้ากันไว้บ้าง ฉันจะตั้งตารอดูการแสดงความสามารถของพวกเธอในช่วงบ่าย”

น้ำเสียงของฉวี่จั๋วดูนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย

ผลงานอันโดดเด่นของเฉียวซางและถังอี้ที่เขาได้เห็นเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาลืมเรื่องที่เคยถูกสัตว์อสูรระดับราชาสัตว์ร้ายต้นธาราโจมตีจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปชั่วขณะ

ในตอนนั้นเอง เสียงคล้ายจักรกลก็ดังขึ้น

“หนอนหยุดตะวัน สัตว์อสูรประเภทแมลงระดับกลาง ใช้เวลาส่วนใหญ่ในเปลือกเพื่อการเจริญเติบโต สามารถอยู่ได้โดยไม่กิน ไม่ดื่ม หรือขยับตัว หากพบมันกำลังซ่อนตัวในเปลือก แนะนำว่าอย่ารบกวน”

ฉวี่จั๋วหันไปตามเสียง เห็นผีวงแหวนอาคมกำลังถือเครื่องตรวจสอบสัตว์อสูรสีชมพูอ่อน และส่องไปที่สัตว์อสูรตัวหนึ่งที่เดินผ่านมันไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อมองเห็นผีวงแหวนอาคม เขาก็อดนึกถึงข้ามพิกัดมิติไม่ได้ และความทรงจำที่เขาเคยลืมไปชั่วคราวก็กลับมาอีกครั้ง

รอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้าของฉวี่จั๋วหายไปในทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าลืมเวลานัดตอนบ่าย”

เขากล่าวจบก่อนจะพาผู้พิชิตโขดหินหันหลังเดินจากไป

“เฮ้อ…” ถังอี้ถอนหายใจยาวออกมา ขณะที่มองแผ่นหลังของฉวี่จั๋วที่เดินจากไป “ตอนแรกฉันคิดว่าการทดสอบพิเศษสำหรับการรับเข้าเรียนนี้จะเป็นแค่พิธีเท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเรายังสอบไม่จบก็แพ้ซะแล้ว แบบนี้คงไม่มีหวังได้คะแนนเต็มแน่ๆ”

เฉียวซางปรายตามองเขา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ฉันสอบจนจบ”

ถังอี้: “…”

“จริงสิ ตอนสอบบ่ายนี้ เธอจะส่งสัตว์อสูรตัวไหนลงแข่งสองตัวล่ะ?” ถังอี้ถาม

เฉียวซางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “หยาเป่ากับลู่เป่า”

หยาเป่าและลู่เป่าเคยฝึกฝนความเข้ากันมาก่อนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันกระชับมิตร ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องการให้กงเป่าได้สะสมคะแนนเพิ่มมากขึ้น เธอคงส่งทั้งสองตัวนี้ลงแข่งตั้งแต่ต้นจนจบการแข่งขันนั้นแล้ว

บ่ายสองโมง

ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร

สนามฝึกกลางแจ้ง

ผู้พิชิตโขดหินจัดการตั้งอุปกรณ์ถ่ายทำด้วยความคล่องแคล่วและคุ้นเคย

“การทดสอบการต่อสู้แบบคู่ของสัตว์อสูรในครั้งนี้จะมีการบันทึกวิดีโออย่างเต็มรูปแบบ และจะอัปโหลดไปยังมหาวิทยาลัยจงคงโดยตรง…” ฉวี่จั๋วพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ พร้อมกล่าวประโยคมาตรฐานที่เขาใช้พูดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

หลังจากกล่าวสิ่งที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะหยุดสายตาลงที่ถังอี้ในที่สุด

“ตอนเช้าการทดสอบเริ่มจากเฉียวซางแล้ว ตอนบ่ายนี้ถังอี้เป็นคนเริ่มก่อน”

ถังอี้ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาตอบรับด้วยความมั่นใจ ก่อนจะรีบเดินไปยืนประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้ทันที

ในขณะเดียวกัน เฉียวซางก็เดินออกไปยังพื้นที่ขอบสนาม เลือกหาทำเลดีๆ ที่จะใช้ชมการแข่งขันได้อย่างชัดเจน

เธอคิดในใจว่า การได้เริ่มทีหลังนั้นถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเธอจะมีโอกาสได้สังเกตดูก่อนว่าผู้คุมสอบจะส่งสัตว์อสูรสองตัวไหนลงสนาม และดูว่าทักษะหรือวิธีการประสานงานระหว่างคู่ของพวกเขาเป็นอย่างไร จะได้ไม่ต้องพลาดเหมือนตอนเช้าที่เธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวานรเหล็กสังหารมาก่อนเลย…

เธอคิดไปพลาง และเริ่มลงมือทำบางอย่าง

เฉียวซางประกบมือเพื่อเรียกลู่เป่าออกมา

ในเมื่อเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะส่งหยาเป่าและลู่เป่าลงแข่งรอบนี้ ก็จำเป็นต้องให้พวกมันได้ดูและทำความเข้าใจกับคู่ต่อสู้ล่วงหน้าสักหน่อย

“ปิงลู่?”

เมื่อปรากฏตัว ลู่เป่าหันมองรอบๆด้วยความสงสัย มันกวาดตามองอย่างละเอียด แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น และไม่มีใครที่ดูเหมือนกำลังบาดเจ็บ มันก็เผยสีหน้าฉงนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ดูการต่อสู้ไว้ก่อน พวกมันอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของแกในรอบต่อไป” เฉียวซางอธิบายให้มันฟัง

เธอไม่ได้บอกแน่ชัดว่าคู่ต่อสู้จะเป็นตัวไหน เพราะจากสีของกลุ่มดาวของผู้คุมสอบที่เป็นสีส้มเหลือง แสดงว่าเขามีสัตว์อสูรถึงสี่ตัว ซึ่งสามารถจับคู่ใหม่ได้หลายรูปแบบเพื่อใช้ในการต่อสู้สองครั้งในช่วงบ่ายนี้

“ปิงลู่”

“ย่าห์”

ลู่เป่าและหยาเป่าหันมามองหน้ากันอย่างรู้ใจก่อนจะส่งสัญญาณผ่านสายตา แล้วหันกลับไปสนใจสนามต่อสู้อย่างจริงจัง

ส่วนซุนเป่าที่อยู่ด้านหลัง ยังคงถือเครื่องตรวจสอบสัตว์อสูรสีชมพูสดใสที่เพิ่งได้มาใหม่ และส่องสำรวจสัตว์อสูรทุกตัวที่เดินผ่านมันไปด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่ไกลจากมันนัก กงเป่านั่งอยู่ในท่าทางสงบนิ่งและสุขุม มันกำลังนึกถึงการต่อสู้ที่ได้เห็นในช่วงเช้า พลางถอนขนนกออกมาจากตัวเองอย่างระมัดระวัง และลองโยนออกไปในอากาศเลียนแบบใบมีดเพื่อฝึกทักษะการโจมตีของมันเองในความเงียบสงบ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด