ตอนที่แล้วบทที่ 20 การฝากตัวเป็นศิษย์ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 สำนักเซียน 

บทที่ 21 การรวมกำลัง 


หลี่เซี่ยงผิงมองไปยังซือหยวนไป๋ที่กำลังควบคุมเรือบินลอยลำหายลับไปในท้องฟ้า เขาจึงลุกขึ้นหยิบแผ่นไม้บนโต๊ะ เปิดผ้าผูกออกและกางออกเพื่อดูข้อความ

“วิธีบำรุงวงล้อพลังแห่งความบริสุทธิ์ขั้นหนึ่ง”

เขาไล่อ่านอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเคล็ดลับการบำเพ็ญในขั้นลมหายใจ ขณะที่กำลังขมวดคิ้วอ่าน หลี่ทงหยาก็อุทานเบาๆว่า

“เคล็ดการดูดซับพลังนี้เพียงแค่ฝึกการดูดซับพลังทุกวัน ไม่ต้องหลอมรวมแสงจันทร์เลยหรือ?”

“ย่อมเทียบไม่ได้กับ…เคล็ดลับของตระกูลเรา”

หลี่เซี่ยงผิงกำลังจะพูดถึงกระจก แต่ก็กลัวว่าซือหยวนไป๋จะกลับมาอีกจึงเปลี่ยนคำพูด

“ซือหยวนไป๋ผู้นั้นเป็นถึงเจ้าหุบเขาแห่งสำนักชิงฉือจริงหรือ? ชื่อจิ้งที่ไปกับเขาแบบนี้มันดูง่ายเกินไปหน่อยไหม”

หลี่ทงหยากล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า

“เรามีทางเลือกอะไรอีกเล่า? หากเขาเป็นผู้บำเพ็ญสายมารก็สามารถลักพาตัวคนไปได้ ทำไมต้องพูดพร่ำมากความกับพวกเราและยังทิ้งเคล็ดลับและสิ่งยืนยันไว้ให้เราอีก”

หลี่เซี่ยงผิงพยักหน้า หยิบแผ่นไม้อีกแผ่นบนโต๊ะ กางออกดู

“เคล็ดวิชาฝึกพลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์ เคล็ดลับการบำเพ็ญในขั้นฝึกพลังระดับสอง”

หลี่ทงหยาหยิบแผ่นไม้ขึ้นมาอ่านด้วยตัวเอง

“บันทึกลับแห่งหลี่เซี่ย”

เมื่ออ่านไปไม่กี่บรรทัดใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความดีใจก่อนหันมาพูดกับหลี่เซี่ยงผิงว่า

“บันทึกลับนี้บันทึกความรู้พื้นฐานในการบำเพ็ญมากมาย รวมถึงการกระจายอำนาจในหลี่เซี่ยและตลาดแลกเปลี่ยนของผู้บำเพ็ญกระจัดกระจาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการอย่างมากในตอนนี้”

หลี่เซี่ยงผิงรับแผ่นไม้มาดูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า

“ที่แท้ก็แบ่งระดับเคล็ดลับออกเป็นเก้าขั้น ขั้นแรกต่ำสุด ขั้นเก้าดีที่สุด เคล็ดลับ ยา และอาวุธวิเศษต่างสอดคล้องกับระดับขั้นของการบำเพ็ญ แต่ไม่รู้ว่าเคล็ดลับของตระกูลเราอยู่ในระดับใด”

เมื่อเห็นน้องชายกำลังอ่านบันทึกลับอย่างตั้งใจ หลี่ทงหยาได้หยิบตราประทับหยกสีเขียวอ่อนที่ซือหยวนไป๋ทิ้งไว้ขึ้นมาใช้พลังวิญญาณกระตุ้นตรานั้น

“อยู่ใต้การดูแลของสำนักชิงฉือ”

ทันใดนั้นตัวอักษรสีทองจางๆก็ปรากฏขึ้นบนตราหยกก่อนจะเลือนหายไปกลายเป็นตัวอักษรสีขาวเรืองแสง “หลี่” และแผนที่เล็กๆ

“หมู่บ้านหลี่จิ้ง  หมู่บ้านหลี่ชวนโข่ว หมู่บ้านจิ้งหยาง หมู่บ้านหลี่เต้าโข่ว”

หลี่มู่เถียนหยีตามองเพื่อแยกแยะชื่อหมู่บ้านก่อนจะอ่านชื่อออกมา หมู่บ้านทั้งสี่แห่งนี้คือหมู่บ้านที่ซือหยวนไป๋กล่าวถึง ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางจากเส้นทางโบราณกู่หลี่เสู่ตีนเขาต้าหลี่

“เมื่อมีสำนักชิงฉือเป็นที่พึ่ง ตระกูลหลี่ของเราก็มีพลังเพียงพอไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไปและสามารถสร้างกำลังอย่างเปิดเผยได้แล้ว!”

“หมู่บ้านเหล่านี้เป็นของตระกูลหลี่เรา”

หลี่เซี่ยงผิงที่ก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า

“เริ่มจากคืนพรุ่งนี้”

———

ในเช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเอ้อร์หนิวเห็นผู้เช่าของตระกูลหลี่เดินขวักไขว่ไปทั่วหมู่บ้านเหมือนปลาว่ายผ่านหัวบ้านท้ายบ้านเรียกทุกครัวเรือนให้ไปร่วมประชุม

“ป้าหลี่! ฝากบอกลุงหลี่ด้วยนะว่า หลังจากลงนาแล้วคืนนี้ให้ไปที่ท้ายหมู่บ้าน ลุงเถียนมีเรื่องสำคัญจะพูด!”

“อ้อ ได้เลย…”

“พี่หลิว! ตระกูลหลี่ขอเชิญ…”

ชั่วขณะนั้นเกิดความวุ่นวายไปทั่วหมู่บ้าน ทุกคนต่างสงสัยกันไปต่างๆนานา ในที่สุดพอถึงพลบค่ำ เฉินเอ้อร์หนิวรีบไปยังท้ายหมู่บ้านทันทีหลังจากกินข้าวเสร็จ

ตระกูลหลี่ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของหมู่บ้านมีอิทธิพลมาก เฉินเอ้อร์หนิวมองไปรอบๆเห็นทั้งครอบครัวใหญ่และเล็กในหมู่บ้านมารวมตัวกัน แม้แต่หัวหน้ากลุ่มผู้ลี้ภัยอย่างสวี่เหวินซานซึ่งเคยย้ายมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อนยังยืนอยู่ด้านหลังหลี่เซี่ยงผิงอย่างนอบน้อม

“ให้ตายสิ มาสายจนได้”

เฉินเอ้อร์หนิวบ่นพึมพำ ปัจจุบันสวี่เหวินซานกลายเป็นผู้เช่าของตระกูลหลี่ พูดจาน่าฟังและเข้ากับคนได้ดี เขาพากลุ่มผู้ลี้ภัยกว่าสิบครอบครัวรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น เขาเริ่มเข้ามามีบทบาทแทนเฉินเอ้อร์หนิวจนต้องกัดฟันด้วยความขัดใจ

เมื่อมองไปรอบๆเขาไม่เห็นหลี่มู่เถียน แต่กลับเห็นหลี่เซี่ยงผิงยืนออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ต้องขออภัยที่รบกวนทุกท่าน ตอนนี้มีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ”

เมื่อเห็นทุกคนเงี่ยหูฟังหลี่เซี่ยงผิงจึงกล่าวต่อว่า

“เมื่อคืนนี้ผู้บำเพ็ญเซียนแห่งสำนักชิงฉือผ่านมาแถวนี้ เขาเห็นน้องชายข้าหลี่ชื่อจิ้งมีพรสวรรค์ล้ำเลิศจึงรับตัวเขาไปยังเขาเซียนเพื่อฝึกวิชาเซียนแล้ว”

คำพูดนี้เหมือนหินก้อนใหญ่ตกลงในน้ำที่สงบนิ่ง สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนในที่นั้น ผู้คนต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเหมือนกำลังฟังนิทาน

“ยินดีด้วย”

แต่กลับเป็นหมอหานผู้ที่มักถอนหายใจอย่างยาวนานกลับยืนขึ้นและกล่าวแสดงความยินดีด้วยเสียงดัง

หานเหวินสวี่มาจากตัวเมืองเป็นคนมีประสบการณ์กว้างขวาง เมื่อได้ฟังหลี่เซี่ยงผิงกล่าวถึงสำนักเซียนชิงฉือเขาก็พอเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ผิดไปจากที่คิดมากนัก หลี่ชื่อจิ้งคงมีประตูวิญญาติดตัวมาแต่กำเนิดจึงถูกผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักชิงฉือพาตัวไป

“คนแต่ละคนล้วนมีวาสนาในตัวเอง”

หานเหวินสวี่กล่าวพึมพำเบาๆก่อนจะช่วยพูดแทนหลี่เซี่ยงผิงว่า

“หลี่ชื่อจิ้งได้เข้าสำนักเซียนนับเป็นบุญของทั้งหมู่บ้าน”

หานเหวินสวี่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมานานกว่ายี่สิบปี ช่วยรักษาโรค ช่วยสอนความรู้และช่วยคลี่คลายปัญหาในชีวิตให้กับผู้คน เขาจึงกลายเป็นบุคคลที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือที่สุด เมื่อเขาเอ่ยปากเช่นนี้ คำพูดของหลี่เซี่ยงผิงก็เริ่มมีน้ำหนักขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่ชาวบ้านจะยังคงพูดคุยกันเสียงเบาๆด้วยความสงสัย

หลี่เซี่ยงผิงยังคงสีหน้าสงบนิ่งและยกตราประทับหยกขึ้นในมือพร้อมใช้พลังกระตุ้น ทันใดนั้นอักษรสีทองสี่ตัวก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

“อยู่ใต้การดูแลของสำนักชิงฉือ”

“เซียนแท้ๆ!”

เมื่อเห็นวิชาเซียนเช่นนี้ ชาวบ้านต่างส่งเสียงฮือฮา หลายคนถึงกับคุกเข่าลงกราบไหว้และเปล่งเสียงออกมาอย่างน่าตกใจ เฉินเอ้อร์หนิวเองก็ตกใจจนแทบพูดไม่ออกได้แต่มองไปยังหลี่เซี่ยงผิงด้วยความแปลกใจและไม่แน่ใจ

หลี่เซี่ยงผิงมองดูตราหยกที่ปรากฏตัวอักษร “หลี่” ก่อนเก็บตรานั้นไว้ เขาหันไปมองชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างแล้วกล่าวเสียงดังว่า

“เซียนท่านนั้นยังได้มอบเคล็ดวิชาเซียนและมอบหมายให้ตระกูลหลี่ดูแลหมู่บ้านหลี่จิ้ง หมู่บ้านหลี่ชวนโข่ว หมู่บ้านจิ้งหยาง และหมู่บ้านหลี่เต้าโข่ว”

พูดจบหลี่เซี่ยงผิงบีบมือเบาๆ แสงสีทองเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ด้วยการสะบัดข้อมือ แสงนั้นก็ลอยผ่านเข้าไปในแนวป่าเขาที่ทอดยาวก่อนจะเกิดเสียงระเบิดเบาๆ พร้อมกับนกบินแตกตื่นออกมาจากป่า

เมื่อแสดงวิชาแสงสีทองนี้ ชาวบ้านทั้งหมดก็พากันคุกเข่าลงทันที แม้แต่หลิวหลินเฟิงหัวหน้าตระกูลหลิวก็ถึงกับตัวสั่นคุกเข่าลงและมองหลี่เซี่ยงผิงด้วยความอึ้ง

“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกเราล้วนเป็นญาติกันทั้งนั้น”

แม้จะมองชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่หลี่เซี่ยงผิงก็ไม่ได้ขยับตัวและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงบ

เฉินเอ้อร์หนิวที่ฟังคำพูดของหลี่เซี่ยงผิงอยู่ เอาหน้าผากแนบพื้น ความคิดสับสนอยู่ในหัวใจมีเพียงคำพูดไม่กี่คำที่ดังก้องอยู่ในหัว

“โลกกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว”

———

หลี่ทงหยาเดินออกมาจากหมู่บ้านหลี่ชวนโข่วอย่างช้าๆ ด้านหลังเขามีหลี่เย่เซินที่ในมือถือผ้าผืนหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือดินสอถ่านจดบันทึกอะไรบางอย่างอย่างไม่ค่อยเรียบร้อยนัก

“หมู่บ้านหลี่ชวนโข่วที่เคยประสบภัยแล้งเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนนี้ยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ มีครัวเรือนอยู่เพียงร้อยกว่าครัวเท่านั้นช่างน่าสงสารจริงๆ”

หลี่ทงหยากล่าวพลางเดินไปพลางก่อนจะหันไปพูดกับหลี่เย่เซิน

“พี่ชาย เราได้จัดการเรื่องตระกูลใหญ่ในหมู่บ้านหลี่ชวนโข่วและกระจายที่ดินให้กับชาวบ้าน ตอนนี้ไม่มีใครต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว ภาษีที่นาเพียงสิบส่วนก็ถือว่าผ่อนคลายมากแล้ว!”

หลี่เย่เซินตอบกลับอย่างนอบน้อมก่อนเก็บดินสอถ่านและส่งต่อให้ชาวบ้านที่เดินตามมาด้านหลัง จากนั้นจึงก้มตัวและกล่าวเบาๆว่า

“สุดท้ายแล้วก็ต้องส่งคนมาดูแลกิจการที่นี่ แต่คนในตระกูลหลี่ของเราไม่มีใครที่มีความรู้ด้านการอ่านเขียนเลย”

“อย่ากังวลไป”

หลี่ทงหยาส่ายหน้าเบาๆใช้วิชาทำความสะอาดเสื้อผ้าลบฝุ่นบนตัวออกอย่างใจเย็นและตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ท่านพ่อกับเซี่ยงผิงจะจัดการให้เอง”

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด