บทที่ 20 การฝากตัวเป็นศิษย์
เมื่อชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวผู้ดูคล้ายเซียนปรากฏในลานบ้าน หลี่เซี่ยงผิงรู้สึกขมขื่นขึ้นมาในใจทันทีพลางคิดในใจว่า
"แย่แล้วสิ! เกรงว่าคงเป็นเจ้าของกระจกที่มาตามหา!"
ในทันใดเขาก็เกิดความหวาดกลัวและไม่สบายใจรู้สึกว่าชายผู้นี้ดูมีพลังอันน่าเกรงขามและลึกลับจนยากจะหยั่งถึง เมื่อเขาเงยหน้ามองหลี่ชื่อจิ้งและหลี่ทงหยา ทั้งสองแม้ดูท่าทางสงบนิ่งแต่แววตากลับแฝงความกังวลอยู่ลึกๆ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่คิดเหมือนกับหลี่เซี่ยงผิง
"ข้าคือซือหยวนไป๋จากยอดเขาชิงสุ่ยเฟิงแห่งสำนักชิงฉือ
ซือหยวนไป๋ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตระกูลหลี่แสดงท่าทีระมัดระวังไม่ได้แสดงความเคารพเหมือนคนทั่วไป กลับยิ่งยืนยันความคิดของเขาในใจ ซือหยวนไป๋พูดต่อด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ต้องกังวลไป ที่นี่เป็นเขตปกครองของสำนักชิงฉือ พวกเจ้าบำเพ็ญวิถีเซียนก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักชิงฉือ"
เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาเพื่อตามหากระจก หลี่ทงหยากับคนอื่นๆก็โล่งใจลงเล็กน้อย ความเป็นศัตรูกับซือหยวนไป๋ลดลงมาก หลี่ทงหยาประสานมือคารวะด้วยความเคารพแล้วพูดว่า
"พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านในชนบท ความรู้ความเข้าใจน้อยนัก มิได้ตั้งใจล่วงเกินท่าน ข้าน้อยไม่ทราบว่าสำนักของท่านยิ่งใหญ่เพียงใดต้องขออภัยต่อท่านผู้สูงศักดิ์"
ซือหยวนไป๋นิ่งไปครู่หนึ่งในใจก็เข้าใจทันทีว่าเขตโบราณกู่หลี่นี้ไม่ได้มีคนจากสำนักชิงฉือมาเยี่ยมเยือนหลายร้อยปี ทำให้ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงของสำนักชิงฉือ ดังนั้นเขาจึงใช้มือร่ายคาถาปรากฏภาพแผนที่แคว้นเย่วลอยเด่นขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
ท่าทีนี้ทำให้คนตระกูลหลี่ตกตะลึงไปทันที หลี่ชื่อจิ้งกับคนอื่นๆแม้จะเรียนรู้คาถามาบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถร่ายให้เกิดรูปร่างได้ดีนัก นับประสาอะไรกับการสร้างแผนที่ที่ซับซ้อนเช่นนี้
"นี่คือแคว้นเย่ว"
ซือหยวนไป๋ใช้จิตควบคุมให้แผนที่ปรากฏพื้นที่ทางใต้เป็นสีเขียวบริเวณนี้กินพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของแคว้นเย่ว
"นี่คือเขตของสำนักชิงฉือ"
"ที่แท้ก็คือสำนักเซียนชิงฉือ" หลี่มู่เถียนกล่าวพลางคารวะด้วยความเคารพ
"เมื่อครั้งที่ข้ายังหนุ่มข้าเคยร่วมรบกับแม่ทัพหยางปราบพวกซานเย่ว และใช้ยันต์ที่สำนักเซียนชิงฉือจัดหาให้"
"อย่าได้เรียกว่าสำนักเซียนเลย ข้ารับไม่ได้"
ซือหยวนไป๋โบกมือแล้วกล่าวกับหลี่เซี่ยงผิงและคนอื่นๆว่า
"ในเมื่อพวกเจ้าเข้าสู่ประตูแห่งความล้ำลึกแล้ว หมู่บ้านที่อยู่ใกล้เขตโบราณกู่หลี่นี้ก็ตกอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเจ้า เพียงแค่จำไว้ว่าต้องส่งมอบทรัพยากรตามที่สำนักกำหนดทุกปี"
"ในเขตโบราณกู่หลี่ยังมีอีกหลายตระกูล บ้านของเจ้ามีรากฐานอ่อนแอ ควรอดทนและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งให้มากที่สุด ทุกๆห้าปีสำนักจะส่งคนมารับคนขึ้นเขา หากมีคนที่มีพรสวรรค์ในตระกูลก็จะเป็นประโยชน์แก่ตระกูลอย่างมาก"
ใบหน้าของหลี่ทงหยาพลันเปลี่ยนเล็กน้อย เขาถามด้วยเสียงเบาว่า
"ทรัพยากรที่ว่าคืออะไรบ้างหรือ?"
"ทุกห้าปีต้องมอบผลไม้วิเศษไป่หยวนสิบลูกและข้าววิญญาณสองร้อยชั่ง"
ซือหยวนไป๋ตอบด้วยท่าทีจริงจัง
"ทรัพยากรเหล่านี้ขาดไม่ได้เลย หากไม่มีลูกศิษย์ในสำนักก็คงจะหลีกเลี่ยงโทษไม่ได้"
เมื่อได้ยินคำพูดของซือหยวนไป๋ หลี่ทงหยาก็เข้าใจทันที เขาหันไปสบตากับคนอื่นๆ หลี่มู่เถียนคิดในใจว่า
"คนผู้นี้มาในเวลานี้ คงเพราะต้องการให้ชื่อจิ้งเข้าสำนักชิงฉือกระมัง"
"นับว่าไม่เลวชื่อจิ้งมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ อยู่ในหุบเขาลึกเช่นนี้ดูจะน่าเสียดาย หากเขาเข้าสำนักเซียนก็คงจะได้แสดงศักยภาพและยังช่วยเหลือตระกูลได้ทั้งในและนอก"
เมื่อคิดดังนั้นหลี่มู่เถียนพยักหน้าให้หลี่ชื่อจิ้งเบาๆ หลี่ชื่อจิ้งเข้าใจทันที เขาประสานมือคารวะซือหยวนไป๋และพูดด้วยความเคารพว่า
"ข้าหลี่ชื่อจิ้งแม้สติปัญญาจะต่ำต้อย แต่ก็ชื่นชมในความสง่างามของท่าน หวังจะได้เป็นศิษย์ใต้สำนักเพื่อรับฟังคำสั่งสอนจากท่าน"
"ดีมาก เจ้าเหมาะที่จะเข้าสู่เขตชิงสุ่ยเฟิงของข้า"
ซือหยวนไป๋ยิ้มและพยักหน้า เขาตบที่เอวข้างซ้ายทำให้ปรากฏถุงสองใบใหญ่เล็กวางลงบนพื้น ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน ซือหยวนไป๋อธิบายว่า
"นี่คือถุงเก็บของ เมื่อใดที่พวกเจ้าบำเพ็ญจนถึงระดับวงล้อหยกอันสูงส่งก็จะใช้มันได้"
"ถุงใบใหญ่คือเมล็ดพันธุ์ข้าววิญญาณส่วนถุงใบเล็กคือเมล็ดผลไม้วิเศษไป่หยวน"
ซือหยวนไป๋พลิกฝ่ามือเผยตำราไม้หลายเล่ม เขากล่าวต่อ
"เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงศิษย์กวาดลาน เมื่อเจ้าเข้าสำนักข้าแล้วก็ควรรู้ชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์ ข้าคือซือหยวนไป๋เป็นเจ้าสำนักแห่งภูเขาชิงสุ่ยเฟิงของสำนักชิงฉือ แน่นอนว่าข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทนทุกข์"
"ตำราไม้สามเล่มนี้คือวิชาสำหรับผู้บำเพ็ญในแคว้นเย่วให้ญาติพี่น้องของเจ้านำไปศึกษาต่อได้ อีกเล่มหนึ่งเป็นวิธีการเพาะปลูกข้าววิญญาณและผลไม้วิเศษไป่หยวน เจ้าต้องตั้งใจเรียนรู้ให้ดี!"
คนกลุ่มนั้นตอบรับเบาๆ ซือหยวนไป๋ยิ้มพลางกล่าวขึ้นว่า
"ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเจ้าบำเพ็ญวิชาอะไรกันอยู่?"
ทันใดนั้นหลี่เซี่ยงผิงและพรรคพวกถึงกับเหมือนพบเจอศัตรู พวกเขาสบตากัน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตอบ
เมื่อเห็นพวกเขาดูลังเลซือหยวนไป๋พลันเข้าใจ เขาโบกมือพลางกล่าว
"ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ คงเป็นเพราะผู้อาวุโสคนนั้นสั่งกำชับอะไรไว้"
ซือหยวนไป๋ซึ่งพึ่งสร้างฐานพลังสำเร็จเมื่อปีที่แล้วจึงอดคิดไม่ได้ว่าผู้อาวุโสที่หลี่เซี่ยงผิงกล่าวถึง คงเป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเมื่อสิบปีก่อน
หลี่มู่เถียนได้ยินดังนั้นจึงไอเบาๆแล้วก้าวออกมาจากกลุ่มพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
"สิบกว่าปีก่อน ข้าเคยช่วยชีวิตผู้อาวุโสคนหนึ่ง เขาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านข้าเป็นเวลาหลายปี ก่อนจากไปเขาได้ทิ้งเคล็ดวิชาไว้ให้พร้อมกำชับว่าห้ามเปิดเผยให้ใครรู้ แล้วเขาก็จากไปอย่างเงียบงัน..."
"นั่นแหละ!" ซือหยวนไป๋พยักหน้าเบาๆสีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจในความเข้าใจของตนเอง เขาคิดในใจว่า
"ก็คงเป็นแค่วิชาแห่งวงล้อพลังทั่วไป จะเป็นวิชาเซียนที่เก็บพลังแสงจันทร์หรือดวงตะวันอะไรไปได้? ถ้าข้าบังคับเอาคงทำให้ศิษย์คนนี้ไม่พอใจเสียเปล่า"
เขามองหลี่มู่เถียนด้วยสายตาเวทนาก่อนพลิกฝ่ามือ หยกสีเขียวอ่อนชิ้นหนึ่งปรากฏในมือเขา เขาลูบหยกเบาๆหยกนั้นพลันส่องแสงสีทองพร้อมตัวอักษรสีทองปรากฏขึ้นว่า
"อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักชิงฉือ"
ซือหยวนไป๋มองไปยังกลุ่มคนพร้อมกล่าวว่า
"นี่คือเครื่องยืนยันว่าอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักชิงฉือ ข้าได้ฝังอักขระไว้ในหยกแล้ว เจ้าสามารถใช้มันเพื่อกำหนดเขตแดนกับตระกูลรอบข้างและสามารถใช้ร้องขอความช่วยเหลือจากสำนักได้ จงเก็บรักษาให้ดี"
เขายกมือซ้ายขึ้นเบาๆหยกนั้นก็ลอยไปยังมือของหลี่ทงหยา เขามองดูหลี่ทงหยารับหยกนั้นด้วยความเรียบร้อยจากนั้นจึงหันไปพูดกับหลี่ชื่อจิ้ง
"เจ้าศิษย์น้อย ไปกล่าวลาครอบครัวของเจ้าเสียก่อน"
หลี่ชื่อจิ้งน้ำตาคลอเบ้าเข้าสวมกอดพี่ชายทั้งสองคนจากนั้นเขาคุกเข่าต่อหน้าหลี่มู่เถียนและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
"ลูกไม่อาจทำหน้าที่กตัญญูต่อหน้าบิดามารดาได้อีก ขอให้ท่านทั้งสองรักษาสุขภาพด้วย"
หลี่มู่เถียนไอเบาๆแล้วรีบพยุงหลี่ชื่อจิ้งขึ้นพร้อมกล่าวกำชับว่า
"เรื่องในบ้านมีพี่ชายของเจ้าไม่ต้องกังวล ตั้งใจฝึกฝนในสำนักให้ดีเพื่อเป็นที่พึ่งของตระกูลหลี่"
หลังจากล่ำลาพี่ชายทั้งสองคน หลี่ชื่อจิ้งเดินไปยังข้างกายของซือหยวนไป๋พลางกล่าวว่า
"อาจารย์ ข้าล่ำลาครอบครัวเรียบร้อยแล้ว"
ซือหยวนไป๋พยักหน้ารับ พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาไม่สนใจหลี่ทงหยาและคนอื่นที่คำนับด้วยความเคารพ แต่กลับพูดกับตัวเองว่า
"วันนี้ได้ศิษย์ดีคนหนึ่ง ก็ปล่อยปีศาจหมูตัวนั้นไปเถอะ!"
พูดจบเขาจับแขนหลี่ชื่อจิ้งเบาๆพลางร่ายคาถา เรือวิเศษลอยขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา เขาร่ายคาถาอีกครั้ง เรือวิเศษขยายใหญ่ขึ้นจนพอสำหรับคนสองคน จากนั้นพวกเขาขึ้นไปยืนบนเรือวิเศษและลอยหายไปทางทิศเหนือราวกับดาวตก
(จบบท)