ตอนที่ 34 เม็ดยากลิ่นโลหิตจิตวิญญาณหงส์
ตอนที่ 34 เม็ดยากลิ่นโลหิตจิตวิญญาณหงส์
หนิงโจวรู้สึกถึงความกดดันที่เร่งรัดถาโถมเข้ามา
เขาไม่อาจทราบได้ว่า เหล่าผู้แข่งขันรายต่อไปจะถูกดึงจิตวิญญาณเข้าสู่ ตำหนักเซียนลาวา เพื่อรับการทดสอบเมื่อใด
อาจจะเป็นในวินาทีต่อมา ที่เมิ่งชงผู้นั้นถูกดึงเข้าไป และฝ่าด่านไปจนถึงห้องเตรียมตัว และเขาย่อมพบรายชื่อของหนิงโจวบนกระดานอันดับ
ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น
“อีกฝ่ายเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ระดับเซียนสูงสุด!”
“จะมีวิธีใดบ้าง ที่จะทำให้พื้นฐานจิตวิญญาณของข้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในเวลาอันสั้น?”
หนิงโจวขมวดคิ้วแน่น เขาเปิดลิ้นชักหลายตัวออก
ภายในลิ้นชักเหล่านั้นเต็มไปด้วย หยกจารึก ซึ่งแต่ละชิ้นมีคำบันทึกกำกับไว้
เขาค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบหยกจารึกชิ้นหนึ่งขึ้นมาแนบไว้ที่หน้าผาก
หนิงโจวดึงพลังจิตจากจิตสำนึก เพื่อสำรวจข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในหยกจารึกนั้น
ตั้งแต่เขาเริ่มสะสม ศิลาวิญญาณ เมื่อหลายปีก่อน หนิงโจวก็เริ่มพัฒนานิสัยในการเก็บรวบรวมข่าวสารจากโลกภายนอก นิสัยอันดีนี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปี
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ เขาจึงสามารถทำความเข้าใจ เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อมูลเหล่านี้ ด้วยความสามารถของเขาในขอบเขตหลอมรวม จะมีทางใดให้เข้าใจถึงผู้บ่มเพาะขอบเขตแก่นทองคำ หรือวิญญาณแรกกำเนิดได้?
แม้ข่าวสารส่วนใหญ่จะเป็นเพียงข้อมูลผิวเผิน แต่การที่เขาเก็บสะสมต่อเนื่องมานานปี พร้อมทั้งเปรียบเทียบเหตุการณ์ต่างๆ และวิเคราะห์ความเชื่อมโยง หนิงโจวจึงมีความเข้าใจลึกซึ้งในหลายเรื่อง
เขาเปิดดูหยกจารึกหลายชิ้น โดยมุ่งเน้นค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ
เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน…
ที่นอกเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ ปรากฏ ผู้บ่มเพาะสายปีศาจ คนหนึ่ง นามว่า ฮวาเชียนหุน นางปลูกดอกไม้ในหุบเขาแห่งหนึ่งใกล้เมือง จนเกิดเป็นทะเลดอกไม้ที่ปกคลุมภูเขาโดยรอบ
ด้วยการสร้างข่าวลือเกี่ยวกับการกำเนิดของดอกไม้ประหลาดที่มีพลังวิญญาณ มนุษย์จำนวนมากหลงเชื่อและมุ่งหน้าเข้าไปในทะเลดอกไม้ แต่แล้วจิตวิญญาณของพวกเขาถูกดูดออก และกลายเป็นปุ๋ยสำหรับดอกไม้
ในที่สุด ดอกไม้ประหลาดที่เลื่องลือก็ปรากฏขึ้นจริง นามว่า ดอกจิตวิญญาณพิสุทธิ์ ฮวาเชียนหุนเด็ดดอกไม้ทันที ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว…
เมื่อแปดปีก่อน
มีข่าวลือเกี่ยวกับ โคมไฟเจ็ดดารา แพร่สะพัดไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อก็ได้รับรู้ถึงข่าวนี้เช่นกัน
โคมไฟเจ็ดดาราเป็นสิ่งประดิษฐ์ของ ข่งยื่อเยว่ อัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์เซียนชิงซาน เขามุ่งหวังที่จะฝืนชะตาฟ้าด้วยการประดิษฐ์โคมไฟนี้ โดยตั้งใจใช้พลังแห่งดวงดาวแทนที่บางส่วนของจิตวิญญาณมนุษย์ด้วย จิตวิญญาณสวรรค์
แต่แผนการกลับล้มเหลวเพราะถูก ไต้เหยียน สายลับของราชวงศ์เซียนปาอี้ทำลายลง
การปรากฏของโคมไฟเจ็ดดาราในครั้งนั้น สร้างความปั่นป่วนในหลายราชวงศ์ มีการแย่งชิงกันอย่างดุเดือดในหมู่ผู้บ่มเพาะ และเกือบจะนำไปสู่สงครามระหว่าง ราชวงศ์เซียนชิงซาน และ ราชวงศ์เซียนปาอี้
เมื่อห้าปีก่อน
ผู้บ่มเพาะขอบเขตแก่นทองคำ จากสำนักเซียนวานรศักดิ์สิทธิ์ ได้เดินทางมาถึงเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ
ระหว่างที่พำนักอยู่ เคล็ดวิชาบ่มเพาะเกิดความผิดพลาด จิตวิญญาณของเขาหลอมรวมกับวิญญาณแห่งความโกรธของสัตว์เลี้ยงลิงเพลิงอสูร
เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ เหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแก่นทองคำต้องร่วมมือกันกำจัดเขา จึงสามารถสยบเหตุการณ์นี้ได้
เมื่อสี่ปีก่อน
ณ สุสานเชิงเขาเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ มี เปลวไฟวิญญาณ ปรากฏขึ้นจำนวนมาก จนเกิดกระแสการเก็บเปลวไฟวิญญาณในช่วงเวลาหนึ่ง
เมื่อสามปีก่อน
ห่างจากเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อไปเจ็ดร้อยลี้ มีภูเขาแห้งแล้งแห่งหนึ่งใน หุบเขามรณะ ปรากฏบ่อน้ำพุเหลืองซึ่งดึงดูดเหล่าผู้บ่มเพาะให้แย่งชิงกัน
เมื่อสองปีก่อน
แมวดำนรกเก้ามรณะ ปรากฏตัวใกล้เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ เจ้าเมืองต้องออกศึกด้วยตนเอง การต่อสู้นั้นยืดเยื้อถึงสามวันสามคืน จึงสามารถขับไล่มันไปได้
แต่ผลกระทบจากการต่อสู้ครั้งนี้ได้แผ่ขยายไปยังป่ารอบเมืองในรัศมีหลายร้อยลี้ พลังมรณะปกคลุมภูเขา และเกิดปรากฏการณ์ วิญญาณราตรีหลายร้อยตนเดินทางในยามค่ำคืน
เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เจ้าเมืองต้องออกคำสั่งระดมผู้บ่มเพาะจำนวนมากออกมาปราบปรามป่าเขาโดยรอบ และฟื้นฟูธรรมชาติกลับคืนมา
ในครั้งนั้น ราชสำนักหนานโตวได้จัดส่งเงินช่วยเหลือและทรัพยากรมากมายมาสนับสนุน จนสามารถฟื้นฟูสภาพแวดล้อมรอบเมืองได้สำเร็จ
เมื่อปีที่แล้ว
ซุนเลี่ย ปรมาจารย์ด้านการปรุงยา เดินทางมาที่เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อเพื่อเยี่ยมสหาย
เขาได้รับคำขอจากตระกูลโจว ให้ใช้ จิตวิญญาณหงส์ และ โลหิตบริสุทธิ์ เป็นส่วนประกอบปรุงยา เม็ดยากลิ่นโลหิตจิตวิญญาณหงส์
ในวันที่เม็ดยาปรุงสำเร็จ เสียงนกร้องกังวานไปทั่วห้องปรุงยา เสียงนั้นดังยาวนานถึงสามวัน จนกลายเป็นปรากฏการณ์น่าตื่นตาในเมือง
เม็ดยาที่สำเร็จออกมามีทั้งหมด 18 เม็ด ตระกูลโจวได้รับไป 12 เม็ด ส่วนอีก 6 เม็ดกลายเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงในหมู่ผู้บ่มเพาะ จนเกิดการต่อสู้รุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย
ผู้ก่อเหตุ หานหมิง หลบหนีไปจนถึงปัจจุบัน…
“เม็ดยากลิ่นโลหิตจิตวิญญาณหงส์…” แววตาของหนิงโจวเปล่งประกายความมุ่งมั่น
เขารู้จักยานี้ดี มันมีสีแดงดั่งโลหิต ส่งกลิ่นหอมลึกซึ้งถึงจิตใจ และมีคุณสมบัติเลิศล้ำในการฟื้นฟูและบำรุงจิตวิญญาณ
หนิงโจวหยิบ ตราสัญลักษณ์ ออกมาแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ
ตราสัญลักษณ์นั้นแตกออกกลางอากาศ และแปรเปลี่ยนเป็นชุดเกราะทันที
ชุดเกราะเหล็กนภา
หลังจากการต่อสู้ในเหตุการณ์ “ระเบิดตำหนักเซียน” ชุดเกราะเหล็กนภาได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณด้านหลัง ความเสียหายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่ภายในกลไกสำคัญ — เม็ดยาก่อตั้งรากฐาน ซึ่งเหลือพลังเพียงหนึ่งในสิบ
“ไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าต้องลงมือ!”
หนิงโจวสวมชุดเกราะเหล็กนภา พลางก้มตัวลงพิงไม้เท้า แสงและเงาพลิ้วไหวไปทั่วชุดเกราะ ก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูเหมือนชายชราผู้โรยรา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาลึกโหล ขอบตาดำคล้ำ มีรอยย่นลึกทั่วใบหน้า
เขาสวม เสื้อคลุมหนังเก่าขาด ผมที่ทำจากสายเชือกกลไกปรกลงจากศีรษะจนถึงปลายเท้า
แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ปรากฏตัวอีกครั้ง
หนิงโจวหลบมุมอยู่ในเงามืดของกำแพง และเปิดใช้งาน ค่ายกลเคลื่อนย้าย
ในชั่วพริบตา เขาหายตัวไป และปรากฏขึ้นในชั้นใต้ดินลึก
เขาเดินออกจากห้องส่งผ่าน ลอดผ่าน เตาหลอมศพขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่าน จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปในทางเดินมืดมิดใต้ดิน
เมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ - ตลาดมืด
ในลานบ้านหลังหนึ่ง ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งกำลังคุกเข่าบนพื้น
ร่างของเขาสั่นเทา ใบหน้าฟกช้ำจนดูไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เขายกมือคารวะพร้อมอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ
“ท่านซุน ข้าจะคืนเงินแน่! ได้โปรดเชื่อข้าเถิด! ข้าจะคืนแน่นอน!”
ฉัวะ!
ทันใดนั้น แสงคมดาบวาบผ่าน แขนของชายที่คุกเข่าอยู่ถูกตัดออกทันที
“อ๊าก—!”
เขาชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เสียงโหยหวนของเขาดังก้องไปทั่วลาน
เขากุมต้นแขนที่ขาด นอนดิ้นพราดบนพื้นด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นแอ่งโลหิตขนาดใหญ่
“ฮิ ฮิ ฮิ…”
ท่านซุน หัวเราะเบาๆ ขณะมองดูภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความเพลิดเพลิน
เขามีผมสั้นสีดำเงางาม ใบหน้ากลมอิ่มสองแก้มแดงระเรื่อ ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ดวงตากลมโต สีดำขาวคมชัด ผิวพรรณเนียนใสดุจผิวเด็ก เขาดูเหมือนเด็กชายอายุเพียงสามหรือสี่ขวบเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะในวัยทารก ซุนหลิงถง ได้พลั้งพลาดกินยา คงรูปเข้าไป ทำให้รูปลักษณ์ของเขาคงอยู่ดั่งเด็กเล็ก และต่อมาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเฉพาะจนเป็นที่เลื่องลือ
ซุนหลิงถง หรือที่ผู้คนเรียกขานว่า ท่านซุน เป็นผู้บ่มเพาะในขอบเขตก่อตั้งรากฐาน
เขาแค่นหัวเราะเย็นพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“เจ้ายังคิดจะหลอกข้าอีกหรือ? ข้าที่ครองตลาดมืดมาเนิ่นนาน ไต่เต้าขึ้นมาได้ก็เพราะดวงตาคู่นี้ของข้า เจ้าอยากหลอกสายตาวิญญาณของข้าน่ะหรือ?”
ระหว่างพูด เขาเล่นมีดสั้นในมือ มีดเล่มนั้นคมกริบดุจมีชีวิต มันเคลื่อนไหวไปมาด้วยความชำนาญในมือของซุนหลิงถง ดุจผีเสื้อโบยบินใต้แสงจันทร์
ในขณะนั้นเอง ชายผู้บ่มเพาะคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม เอียงตัวกระซิบข้างหูซุนหลิงถงเบาๆ
ทันทีที่ได้ยิน ซุนหลิงถงเปลี่ยนสีหน้า รอยยิ้มที่เคยปรากฏหายวับไป ความเย็นชาแฝงอยู่ในแววตา
“เตรียมตัวให้เรียบร้อย มีแขกคนสำคัญมาถึงแล้ว” เขาโบกมือออกคำสั่ง
ในทันใดนั้น ชายร่างใหญ่สองคนที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดก็เร่งฝีเท้าเข้ามา
หนึ่งในนั้นบิดคอของชายผู้บ่มเพาะแขนขาดจนสิ้นลมหายใจ ก่อนยกศพเดินออกไป
อีกคนใช้วิชา กำจัดคราบโลหิตและทำความสะอาดลานบ้านจนเรียบร้อย
ไม่นานนัก แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ก็ถูกนำเข้าสู่ลาน
ซุนหลิงถงยกสองแขนออก พลางเดินไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ
“น้องชาย! ลมอะไรพัดเจ้ามาถึงที่นี่กัน?”
แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ท่าทีไร้ความรู้สึก
“พี่ซุน ข้าครานี้มาหาเจ้า เพราะมีเรื่องจะขอร้อง”
ซุนหลิงถงชะงักเล็กน้อย แววตาแฝงด้วยความสงสัย
“เรื่องอันใดหรือ?”
คำตอบนั้นทำให้ดวงตาของเขาหดแคบลงด้วยความตระหนก
“ข้าต้องการลงมือกับซุนเลี่ย”