ตอนที่ 1033 มาตรงนี้หน่อยสิ
เพียงไม่นานก็มีหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าสวยโดดเด่น เดินออกมาจากด้านในสุดของสนามบิน พร้อมผู้ช่วยสองคน
และด้านหลังผู้ช่วย ยังมีบอดี้การ์ดในชุดดำอีกหลายคนตามมาด้วย
“เทพธิดา!(女神) ช่วยเซ็นชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“เทพธิดา! ผมรักคุณ!”
“คุณหลิว! ช่วยถ่ายรูปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
เมื่อผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวคนนี้ ต่างก็แสดงความตื่นเต้นกันสุดขีด และพากันกรูเข้าไปหาเธอ
ในตอนนี้ ผู้คนที่ล้อมรอบหญิงสาวคนนี้มีจำนวนมากกว่าฝูงชนที่ล้อมรอบ เจิ้ง ชิงเยว่ เมื่อครู่เสียอีก
“หลิว รั่วซิน?!!!”
เจิ้ง ชิงเยว่ ถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจทันทีเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวคนนี้
หลิว รั่วซิน อายุมากกว่าเธอเพียงไม่กี่ปี น่าจะประมาณสามสิบต้นๆ แต่ หลิว รั่วซิน เข้าสู่วงการมาก่อน และถือเป็นรุ่นพี่ของเธอ
ที่สำคัญกว่านั้น หลิว รั่วซิน มีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าเธอ แม้แต่ตัว เจิ้ง ชิงเยว่ เองก็ยังต้องมอง หลิว รั่วซิน ด้วยความนับถือ
เจิ้ง ชิงเยว่ รู้ดีว่าตัวเธอเองนั้นมีชื่อเสียงเพราะความบังเอิญที่ทำให้โด่งดังขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กระแสนิยมจะจางหายไป ต่างจาก หลิว รั่วซิน ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเข้าวงการจนถึงตอนนี้
ทุกครั้งที่เธอเจอ หลิว รั่วซิน เธอจะต้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความเคารพว่า ‘พี่ซิน’
ในขณะเดียวกัน เจิ้ง ชิงเยว่ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อครู่เหล่าแฟนคลับที่ล้อมรอบเธอเพื่อขอลายเซ็น และถ่ายรูปถึงได้จากไปอย่างกะทันหัน
หลิว รั่วซิน มีฐานแฟนคลับที่กว้างขวางกว่า และมีชื่อเสียงมากกว่า แฟนคลับส่วนใหญ่ที่ล้อมรอบเธอนั้นเป็นเพียงแฟนคลับทั่วไป
ตอนนี้.. เมื่อเห็น หลิว รั่วซิน ที่มีน้ำหนักในวงการมากกว่า ก็ย่อมละทิ้งเธอไปหาอีกฝ่ายเพื่อขอลายเซ็นแทน
“ไม่ใช่ว่าเธอกำลังถ่ายละครที่เมืองเย่ว์เฉิงอยู่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ถึงมาโผล่ที่เซี่ยงไฮ้ได้?”
เจิ้ง ชิงเยว่ แสดงความประหลาดใจอย่างชัดเจน
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอยังได้ยินข่าวว่า หลิว รั่วซิน กำลังถ่ายทำละครย้อนยุคที่เมืองเย่ว์เฉิงอยู่เลย แล้วทำไมวันนี้จู่ๆ เธอถึงมาปรากฏตัวที่เซี่ยงไฮ้?
“หลิว รั่วซิน?”
ทางด้านของ เย่เฉิน, ซู หนิงซวง ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เธอไม่คาดคิดเลยว่าขณะรอพ่อแม่ของเธอ จะได้พบกับ หลิว รั่วซิน โดยบังเอิญ
และหากไม่มีอะไรอื่น เป็นไปได้สูงว่าการมาของ หลิว รั่วซิน ในครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องกับการรับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทเครื่องสำอางของพวกเธอ
ซู หนิงซวง คิดว่าถือโอกาสนี้ขอลายเซ็นจาก หลิว รั่วซิน เสียเลย เพราะทั้งตัวเธอ และแม่ต่างก็ชื่นชอบละครย้อนยุคของ หลิว รั่วซิน มาก
ซู หนิงซวง พึมพำขึ้นเบาๆ
“จะขอลายเซ็นก็ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวเรียกเธอมาหาเราก็พอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ซู หนิงซวง เย่เฉิน ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“นั่นมันเยี่ยมไปเลย!”
อีกด้านหนึ่ง หญิงวัยกลางคนเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับ หลิว รั่วซิน ก่อนที่จะออกจากสนามบิน
‘นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความรู้จักกับ หลิว รั่วซิน ต่อไปอาจมีโอกาสลองเชิญเธอมาเป็นพรีเซนเตอร์’
หญิงวัยกลางคนครุ่นคิดในใจ
อย่างไรก็ตาม หลิว รั่วซิน เป็นดาราดังที่มีอิทธิพลมากกว่า เจิ้ง ชิงเยว่ ค่าตัวสำหรับการเป็นพรีเซนเตอร์สองปีน่าจะสูงถึงประมาณ 80 ล้านหยวนหรือมากกว่านั้น
แค่การจ่าย 55 ล้านหยวนเพื่อจ้าง เจิ้ง ชิงเยว่ ก็ถือว่าพวกเธอใช้เงินเกินตัวไปแล้ว...
การที่จะให้พวกเขาจ่ายเงินถึง 80 ล้านหยวนหรือมากกว่านั้น เพื่อเชิญ หลิว รั่วซิน ซึ่งเป็นดาราดังระดับแนวหน้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ คงเป็นไปได้ยากมาก
หญิงวัยกลางคนบอกกับพนักงานของเธอคร่าวๆ
พนักงานที่เข้าใจความหมายของเธอก็รีบเดินไปข้างหน้า พยายามเบียดฝูงชนออกเพื่อให้เธอเข้าไปถึง หลิว รั่วซิน ได้
“ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับนะคะ แต่ครั้งนี้ที่ฉันมาเซี่ยงไฮ้ ฉันมีธุระสำคัญ ต้องขอโทษที่ไม่สามารถอยู่กับทุกคนได้นานค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง หลิว รั่วซิน เซ็นชื่อให้แฟนๆ ไม่กี่คน ก่อนจะกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ
วันนี้ หลิว รั่วซิน มีภารกิจหลายอย่าง อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่งานพบปะแฟนคลับ(แฟนมีตติ้ง)
เมื่อได้ยิน หลิว รั่วซิน พูดเช่นนั้น บอดี้การ์ดในชุดดำของเธอก็รีบเดินเข้าไปกันแฟนคลับที่พยายามเข้ามาขอลายเซ็น แล้วเตรียมตัวพา หลิว รั่วซิน ออกจากสนามบิน
ภายใต้การคุ้มกันของบอดี้การ์ด หลิว รั่วซิน เดินตรงไปยังทางออกสนามบิน
ในเวลานั้น หญิงวัยกลางคน และเจิ้ง ชิงเยว่ ก็รีบตรงเข้ามาหา หลิว รั่วซิน ทันที
“พี่ซิน!”
เจิ้ง ชิงเยว่ กล่าวด้วยท่าทีที่สุภาพอย่างยิ่ง
เมื่อ หลิว รั่วซิน เห็น เจิ้ง ชิงเยว่ ซึ่งเป็นคนรู้จัก เธอจึงหยุดเดิน
“อ้าว เสี่ยวเจิ้งนี่เอง”
หลิว รั่วซิน ยิ้มพยักหน้า
เสี่ยวเจิ้ง?
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ เจิ้ง ชิงเยว่ ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ยิ้มตอบรับไปเท่านั้น
“ขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ซูเปอร์ คอสเมติกส์…”
หญิงวัยกลางคนรีบฉวยโอกาสแนะนำตัวเองทันที
จะว่าไป บริษัท ซูเปอร์ คอสเมติกส์ของเธอก็ไม่ใช่บริษัทเล็กๆ ถึงจะไม่ใช่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นบริษัทขนาดกลางที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง
เธอคิดว่าในฐานะผู้จัดการทั่วไปของบริษัทขนาดกลาง หลิว รั่วซิน น่าจะให้เกียรติพูดคุยกับเธอบ้าง
หลังจากแนะนำตัวเสร็จ หญิงวัยกลางคนก็รอให้ หลิว รั่วซิน ตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพ
“มาตรงนี้หน่อยสิ”
ในตอนที่หญิงวัยกลางคนพูดจบ เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา จากระยะไม่ไกลนัก
เสียงที่ฟังดูเรียบง่ายนี้ดึงดูดความสนใจของใครหลายคนได้..ในทันที
หญิงวัยกลางคนหันขวับไปมองยังทิศทางของเสียง เห็นว่าคนที่พูดดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ซู หนิงซวง
หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขาพูดคุยอยู่กับใคร
เขาป่วยหรือเปล่านะ?
เธอส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นก็หันกลับไปตั้งใจพูดคุยกับ หลิว รั่วซิน
แต่สิ่งที่ หลิว รั่วซิน ทำต่อไปกลับทำให้หญิงวัยกลางคนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หลิว รั่วซิน ไม่ได้พูดคุย หรือทักทายเธอเลย แม้กระทั่งยืนอยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่มี แต่กลับเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของหญิงวัยกลางคน หลิว รั่วซิน เดินตรงไปหา ซู หนิงซวง และชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ
อะไรกัน?!!!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
หลิว รั่วซิน ทำไมถึงเดินไปหา ซู หนิงซวง และชายหนุ่มคนนั้นได้?
ทันใดนั้น ในหัวของหญิงวัยกลางคนก็ฉายคำพูดหนึ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดก่อนหน้านี้ว่า – ‘มาตรงนี้หน่อยสิ’
หรือว่า...ชายหนุ่มคนนั้นพูดกับ หลิว รั่วซิน?
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ หลิว รั่วซิน เดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ แถมยังมีท่าทีสุภาพอย่างมาก
หญิงวัยกลางคนที่เห็นภาพนั้นถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก
“สวัสดีคะ ท่านประธาน”
หลิว รั่วซิน มายืนต่อหน้า เย่เฉิน พร้อมกับทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้าของเธอ
ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยสถานะของหญิงวัยกลางคน หลิว รั่วซิน ก็คงพูดคุยด้วยความสุภาพสักสองสามคำอยู่แล้ว
ตอนแรก หลิว รั่วซิน ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
แต่เมื่อเธอเห็นว่าใครเป็นคนพูดคำเหล่านั้น ใบหน้าของ หลิว รั่วซิน ก็เปลี่ยนไปทันที เธอไม่กล้าแม้แต่จะลังเล รีบละทิ้งหญิงวัยกลางคนแล้วเดินตรงมาหา เย่เฉิน
พร้อมกันนั้น ในใจของเธอก็เกิดข้อสันนิษฐานบางอย่างที่น่าตกใจขึ้นมา...