บทที่ 80 การถูกไล่(ฟรี)
บทที่ 80 การถูกไล่(ฟรี)
ห้องอาหารชั้นสองของโรงอาหาร
โต๊ะอาหารสิบกว่าตัวแทบไม่มีที่ว่าง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสนานาชนิด
แม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ปกติห้ามในโรงอาหาร ตอนนี้ก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ
เห็นได้ชัดว่า หลังการแข่งขันครั้งนี้ ตระกูลให้คนรุ่นใหม่ได้ผ่อนคลายและสนุกสนาน ตามหลักการเคร่งและผ่อนในวิถียุทธ์
นอกจากลูกหลานสายตรงของตระกูลเย่แล้ว คนรุ่นใหม่จากตระกูลอื่นๆ ก็ถูกจัดให้อยู่ที่ชั้นสองของโรงอาหาร ให้คนหนุ่มสาวได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
เพราะแขกที่ได้รับเชิญมาชมการแข่งขันของตระกูลเย่วันนี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิทธิพลฝ่ายเดียวกับตระกูลเย่
อีกหลายปีต่อจากนี้ พวกเขาจะเป็นผู้สืบทอดรุ่นใหม่อย่างแน่นอน การสร้างความคุ้นเคยตอนนี้จึงมีประโยชน์มาก
"พี่เย่หาน ขอแสดงความยินดีที่วันนี้คว้าแชมป์การแข่งขัน ข้าขอดื่มอวยพรท่าน"
คนพูดเป็นหนุ่มหน้าตาดี กิริยาสง่างาม บุคลิกไม่ธรรมดา บนใบหน้ามีรอยยิ้มบาง
"ขอบคุณพี่เหยา คืนนี้เราต้องดื่มจนเมา"
เผชิญหน้ากับหนุ่มรูปงาม ท่าทีของเย่หานสุภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ยกแก้วดื่มพร้อมกัน
เช่นเดียวกัน พวกคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้าไปคุยกับเย่หาน ก็รู้กาลเทศะไม่เข้าไปรบกวน
เพราะใครๆ ก็รู้ว่า สถานะของถังจิ่นเหยาอาจกล่าวได้ว่าทัดเทียมกับเย่หาน
หนุ่มหน้าตาดีที่ชื่อ 'ถังจิ่นเหยา' คือคนรุ่นใหม่อันดับหนึ่งของตระกูลถัง หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่
เมื่อไม่นานมานี้ ถังจิ่นเหยาก็ใช้วิทยายุทธ์อันยอดเย่มคว้าแชมป์การแข่งขันของตระกูลถัง และยังเป็นลูกชายของประมุขตระกูลถังอีกด้วย
ยามนี้ยอดฝีมือของสองตระกูลใหญ่นั่งดื่มสุราด้วยกัน ใครจะกล้าไปร่วมวง?
หรือพูดอีกอย่าง พวกเขายังไม่มีคุณสมบัติพอ
"ได้ยินว่าตระกูลเย่ของพวกท่าน มีคนจากสาขาในเมืองชิงหยุนชื่อ 'เย่หยาง' ทำไมวันนี้ไม่เห็นเขา?"
ระหว่างพูดคุย ถังจิ่นเหยาดูเหมือนจงใจถาม
หลายวันนี้ เขาไม่เพียงได้ยินเรื่องราวของเย่หยางจากผู้จัดการใหญ่ ฉินเก๋อ ของหอการค้าไท่เซินในตระกูล แม้แต่พ่อถังเจิ้นยวี่ก็ชื่นชมเขามาก รู้สึกสนใจมาตลอด
ดังนั้นวันนี้จึงตามพ่อมาเยือนตระกูลเย่ อยากเห็นกับตาตัวเอง
ไม่คิดว่า ตลอดการแข่งขัน กลับไม่เห็นร่องรอยของเย่หยางเลย ทำให้ทุกครั้งที่เห็นลูกหลานสาขาของตระกูลเย่ขึ้นเวที เขาต้องถามฉินเก๋อเบาๆ เพื่อยืนยันว่าคนนั้นใช่เย่หยางหรือไม่
จนการแข่งขันจบ ถังจิ่นเหยาก็ผิดหวังอย่างยิ่ง
คิดว่าฉินเก๋อก็คงผิดหวังส่ายหน้า แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มอย่างมีนัยยะว่า "ด้วยความสามารถของคุณชายเย่หยาง คงไม่สนใจการแข่งขันเด็กๆ แบบนี้"
คำเยินยออันสูงส่งเช่นนั้น แม้นึกถึงตอนนี้ ถังจิ่นเหยาก็ยังรู้สึกแปลกใจ และยิ่งสนใจเย่หยางมากขึ้น
"พี่เหยา หรือว่าท่านรู้จักเขา?"
ได้ยินชื่อเย่หยาง ดวงตาของเย่หานวาบไปด้วยความเย็นชาที่ซ่อนไว้
"ไม่หรอก แค่ได้ยินเรื่องราวของเขามาบ้าง รู้สึกสนใจนิดหน่อย"
ถังจิ่นเหยายิ้มเรียบๆ ด้วยความสามารถในการสังเกตสีหน้าท่าทาง เขาเห็นว่าเย่หานดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับคนจากสาขานั้น
"แค่คนจากสาขาที่หยิ่งผยองเท่านั้น พี่เหยาไม่ต้องเสียเวลากับคนแบบนั้นหรอก"
เย่หานแค่นเสียงเย็น ดูถูกอย่างไม่ไว้หน้า
ได้ยินดังนั้น ถังจิ่นเหยาเพียงยิ้มอย่างไม่แสดงความเห็น ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อเรื่องนี้
"ไม่น่าจะต่ำต้อยอย่างที่เย่หานพูด คนที่ได้รับความชื่นชมจากท่านพ่อและผู้จัดการหอขนาดนั้น"
"ดูเร็ว ไอ้อ้วนเหวินกับเย่หยางมาแล้ว"
ขณะนั้น เย่หยางและคนอื่นๆ ก็เดินขึ้นบันไดมา ดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว
"วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเลย"
"ก่อนหน้านี้พวกเขาทำให้พี่หานไม่พอใจ คงกลัวเจอกันบนเวที เลยไม่กล้าเข้าร่วม"
"เมื่อก่อนข้านึกว่าไอ้คนจากสาขานั่นเก่งแค่ไหน ที่ไหนได้สุดท้ายกลายเป็นขี้ขลาดเป็นเต่าหดหัว"
"จิ๊ จริงดังคำพูดนั้น หมาได้แต่เห่า ไม่กล้ากัด"
ทันใดนั้น เสียงเยาะเย้ยที่ไม่ปิดบังก็ดังขึ้นในชั้นสองของโรงอาหาร
ใบหน้าเย้ยหยันเหล่านั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในม่านตาของเย่เหวินเฉิง กลายเป็นต้นตอความโกรธที่อธิบายไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะท่านประมุขกำชับเป็นพิเศษว่าก่อนการแข่งขันล่าสัตว์ห้ามเปิดเผยเรื่องโควตาที่กำหนดไว้ ตอนนี้เขาอยากจะพูดออกมา ให้พวกดูถูกคนเหล่านี้ช็อกตาย
ต่อเรื่องนี้ เย่หยางไม่แสดงสีหน้า ละเลยคำเยาะเย้ยทั้งหมด
"คืนนี้คึกคักดีนะ อาหารก็ดูดี"
เขามองไปรอบๆ เห็นห้องอาหารที่แทบไม่มีที่ว่าง อดแปลกใจไม่ได้
"ตรงนั้นมีที่ว่าง พวกเราไปนั่งรวมโต๊ะกัน"
เย่หยางมองดูคร่าวๆ ก็เห็นโต๊ะอาหารตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
โต๊ะกลมตัวนี้นั่งได้อย่างน้อยแปดคน ตอนนี้มีคนนั่งอยู่หกคน พอดีมีที่ว่างให้นั่ง
จากนั้นเขาก็เดินไปอย่างใจเย็น เย่เหวินเฉิงก็ตามไปด้วย
"ที่นี่มีคนแล้ว ไม่ใช่ที่นั่งของพวกเจ้า"
แต่ขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังจะนั่งลง หนุ่มผมยาวคนหนึ่งก็พูดขัดขึ้นกะทันหัน
คนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า คือเย่เป่าหรงที่เคยถูกเย่หยางซ้อมจนต้องนั่งรถเข็นนั่นเอง
หลังจากพักฟื้นและบำรุงด้วยยาวิเศษหลายวัน ตอนนี้สามารถเดินด้วยไม้เท้าได้แล้ว
"สองที่นี้ไม่มีชามตะเกียบด้วยซ้ำ จะบอกว่ามีคนนั่งได้ยังไง?!"
พอได้ยินคำพูดนี้ เย่เหวินเฉิงก็โกรธทันที อีกฝ่ายชัดเจนว่าจงใจหาเรื่อง
"พวกเขายังไม่มา จองไว้ก่อนไม่ได้หรือ?"
เย่เป่าหรงหัวเราะเยาะ คนที่เหลือห้าคนบนโต๊ะต่างก็มีรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก
"คนนั้น ที่แท้ก็คือเย่หยางที่พ่อกับลุงฉินเก๋อพูดถึง"
ความเคลื่อนไหวตรงนี้ดึงดูดความสนใจของถังจิ่นเหยา
สายตาของเขาตกลงบนตัวเย่หยางทันที พินิจพิเคราะห์ด้วยความสนใจ
"แต่ดูเหมือนว่าเย่หยางคนนี้ ในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลเย่ ดูเหมือนจะไม่เป็นที่ต้อนรับ"
เห็นเย่หยางแค่จะกินข้าวยังถูกกีดกัน ถังจิ่นเหยาก็หัวเราะในใจ
การดูถูกเช่นนี้ เขาอยากดูว่าเย่หยางจะแก้ไขอย่างไร จะเก่งกาจอย่างที่พ่อและคนอื่นๆ พูดจริงหรือไม่
เย่หานก็เงียบลงเช่นกัน มองดูเย็นชา
วันนี้ไม่ได้ปะทะกับเย่หยางในการแข่งขัน แม้จะคว้าแชมป์ได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง
เพราะหลายวันมานี้ เขาถึงขั้นคิดอย่างจริงจังว่าจะเหยียบย่ำเย่หยางบนเวทีอย่างไร
ไม่คิดว่าคนคนนี้กลับไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดสูญเปล่า รู้สึกไม่สบอารมณ์
"ในเมื่อมีคนจองแล้ว พวกเราไม่นั่งก็ได้"
มองใบหน้าเยาะเย้ยของเย่เป่าหรง เย่หยางกลับไม่แสดงอาการใดๆ
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินไปยังพื้นที่ว่างไม่ไกล หยิบโต๊ะอาหารหนึ่งตัว เก้าอี้ไม้สองตัว และชามตะเกียบออกมาจากถุงเก็บของ
ตอนออกจากเมืองชิงหยุน หลินวั่นเอ๋อร์กลัวของในบ้านจะถูกขโมย จึงเอาของที่เอาไปได้ติดตัวมาด้วย รวมถึงเครื่องใช้สำหรับกินข้าวพวกนี้
ตอนนี้ พอดีได้ใช้ประโยชน์