บทที่ 8 วิธีเชื่อมโยงคัมภีร์
“วิชาเซ่นวิญญาณไข่มุกดำ”มีความละเอียดซับซ้อนกว่าคัมภีร์ “การบำเพ็ญพลังแห่งแสงจันทร์”อย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะอธิบายถึงวิธีการใช้กระจกเพื่อดึงดูดแสงจันทร์แห่งไท่อินมาหล่อหลอม “สัญลักษณ์ไข่มุกดำ”
เมื่อปลูกสัญลักษณ์นี้ลงในตันเถียนของผู้อื่นจะช่วยส่งเสริมการฝึกพลังของเขา เมื่อถึงเวลาไม่ว่าผู้นั้นจะบรรลุระดับพลังสูงสุดหรือเสียชีวิต สัญลักษณ์นี้จะสะท้อนผลกลับมายังผู้ใช้ นำไปสู่การฝึกปรือ แสงแห่งไท่อิน
นอกจากนี้ยังมี “วิธีเชื่อมโยง” เพื่อสอนให้ผู้รับสัญลักษณ์สามารถเชิญสัญลักษณ์ไข่มุกดำจากกระจกและเลี้ยงดูในตันเถียนได้อย่างเหมาะสม
หลู่เจียงเซียนรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นคัมภีร์เล่มนี้ ในตอนแรกเขารู้สึกว่าคัมภีร์นี้ช่างคล้ายกับวิชามารในหนังสือที่เคยอ่าน แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดเขากลับพบว่าสัญลักษณ์ไข่มุกดำนี้ไม่ได้ส่งผลเสียใดๆต่อผู้รับทั้งยังมีประโยชน์อย่างมาก
คัมภีร์ “วิชาเซ่นวิญญาณไข่มุกดำ” เป็นวิชาประจำตัวของกระจกเล่มนี้ จำนวนสัญลักษณ์ไข่มุกดำที่สามารถหล่อหลอมขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับพลังของจิตวิญญาณของหลู่เจียงเซียนเอง ในตอนนี้เขาสามารถสร้างสัญลักษณ์ไข่มุกดำได้เพียงหกดวงเท่านั้น
เมื่อคิดถึงจุดนี้หลู่เจียงเซียนใช้พลังจิตของเขากวาดดูทั่วตระกูลหลี่ทั้งภายในและภายนอกก่อนจะถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า
“ช่างเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ!”
เขาได้หลับใหลอยู่ในกระจกถึงสามปี ในเวลานั้นตระกูลหลี่ได้ขุดบ่อน้ำสร้างตำหนักหลังใหญ่จนดูเจริญรุ่งเรืองมาก หลี่จางหูถึงกับแต่งงานและไว้หนวดเครา ดูเหมือนหัวหน้าคนใหม่ของตระกูลอย่างแท้จริง
เขาใช้คาถากวาดผ่านคนในตระกูลหลี่ แต่กลับพบสิ่งที่คาดไว้แล้วก็น่าผิดหวัง นั่นคือ——ไม่มีใครเลยที่มีประตูวิญญาณ
หมายความว่าคนในตระกูลหลี่หากไม่มีเหตุการณ์พิเศษใดๆจะไม่มีวันบรรลุสู่เส้นทางเซียน พวกเขาจะต้องวนเวียนอยู่ในโลกและอายุขัยสูงสุดของพวกเขาก็อาจอยู่เพียงเจ็ดสิบปีเท่านั้น
เขามองดูคนในตระกูลหลี่ข้างกาย หลู่เจียงเซียนถอนหายใจยาวก่อนจะใช้พลังคาถา
“พ่อ! มาดูนี่เร็ว!” บรรดาพี่น้องในตระกูลหลี่ต่างพากันเข้ามาล้อมรอบกระจก หลี่ชื่อจิ้งซึ่งมีสายตาเฉียบคมร้องเรียกขึ้น
หลี่มู่เถียนรีบเพ่งมองไปยังกระจกเห็นแสงสีขาววูบวาบปรากฏขึ้นพร้อมกับอักษรเล็กๆตัวจิ๋วเรียงราย เขาจึงตบไหล่หลี่ชื่อจิ้งพลางพูดว่า
“ไปเอาผ้าและหมึกมา!”
พี่น้องคนอื่นๆต่างรีบไปหยิบของ โชคดีที่ตระกูลหลี่ได้สร้างห้องหนังสือไว้ ภายในมีเครื่องเขียนเก่าที่อาจารย์เคยใช้ หากไม่มีอาจจะต้องไปขอยืมจากหมู่บ้าน
ไม่นานหลี่จางหูได้นำผ้ามาส่วนหลี่ทงหยาได้นำโต๊ะไม้พร้อมหมึกและแปรงมา หลี่ชื่อจิ้งซึ่งเฝ้ารอกระจกอยู่ข้างๆได้จดจำเนื้อหาที่ปรากฏบนกระจกไว้
ในกลุ่มพี่น้องหลี่ชื่อจิ้งเป็นคนอายุน้อยที่สุด แต่กลับอ่านหนังสือมากที่สุด หลี่มู่เถียนจึงให้เขาเป็นผู้จดบันทึกข้อความเล็กๆเหล่านั้น
“วิธีเชื่อมโยง”มีความยาวมาก หลี่ชื่อจิ้งจดบันทึกจนเมื่อยข้อมือต้องเปลี่ยนให้หลี่ทงหยามาช่วยจดต่อ บรรดาพี่น้องต่างเฝ้าดูด้วยความตั้งใจกลัวว่าจะจดผิดแม้เพียงตัวเดียว
พวกเขาสลับกันจดบันทึกอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามจนกระทั่งจบ
หลู่เจียงเซียนกลัวว่าพวกเขาอาจฝึกวิชาผิดพลาดจึงทำให้ข้อความบนกระจกปรากฏขึ้นถึงสามครั้ง รวมทั้งอธิบายความหมายของคำที่คลุมเครือในคาถาและแสดงภาพเส้นทางการไหลของพลังไว้อย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้ตรวจสอบข้อความอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงค่อยๆหดแสงจากกระจกลง
“วิธีเชื่อมโยง”
หลี่เซี่ยงผิงมองดูข้อความบนผืนผ้าและค่อยๆอ่านออกเสียง
“ไข่มุกดำเป็น ‘แก่นพลัง’ เริ่มต้นหมุนรอบแรก แก่นพลังจะตกลงสู่สายสัมพันธ์หัวใจ ดังนั้นจึงกล่าวว่าสำนักพลังอยู่ในตำหนัก แก่นพลังตกลงมาเป็นการหมุนรอบแรก...หลังจากแก่นพลังตกลงมาให้กลั้นหายใจเก้าครั้ง นับเป็นหนึ่งรอบจนถึงเก้าครั้ง รวมทั้งหมดแปดสิบเอ็ดรอบ ดังนั้นจึงเรียกว่าการนับเก้า...”
“นี่มันวิชาเซียน!”
หลี่จางหูทั้งตกใจและดีใจอยากจะกอดกระจกแล้วหอมให้ชื่นใจ
ทุกคนต่างระงับความดีใจไว้ก่อนจะส่งคาถานี้ให้กันอ่านอย่างละเอียดพร้อมทั้งพยายามท่องจำข้อความในม้วนคัมภีร์
สายตาของหลี่เซี่ยงผิงกวาดมองจากข้อความบนผืนผ้าไปยังประโยคท้ายสุดของคาถา
“เมื่อฝึกฝนวิธีเชื่อมโยงสำเร็จให้รอในวันสำคัญต่างๆ เช่น ปีใหม่ วันกลางเดือนเจ็ด วันเกิด วันสามเดือนสามฤดู แปดเทศกาล วันเดือนดับและเดือนเพ็ญ วันเหล่านี้ถือเป็นวันที่ฟ้าดินมีชีวิต พลังหยางส่องแสงสลายความมืดนำกระจกไปวางใต้แสงจันทร์ จุดธูปอาบน้ำตั้งจิตขอพรกล่าวว่า
‘ข้าพเจ้าศิษย์แห่งตระกูลหลี่ขออัญเชิญคัมภีร์แห่งไท่อิน ประทานพรแห่งชีวิต สงบจิตวิญญาณ ปฏิบัติตามวิถีแห่งเซียน จะขอฝึกพลังให้สำเร็จโดยไม่ละทิ้งความเชื่อถือ ขอเผาบทคาถานี้ให้เสร็จสิ้น แล้วมอบชีวิตแก่แสงจันทร์แห่งไท่อิน’ หลังจากนั้นกลืนลมปราณสามครั้ง”
“ฝึกพลังให้สำเร็จโดยไม่ละทิ้งความเชื่อถือ ขอเผาบทคาถานี้ให้เสร็จสิ้น แล้วมอบชีวิตแก่แสงจันทร์แห่งไท่อิน”
เขาท่องเบาๆซ้ำๆ
หลี่มู่เถียนมองเด็กที่ก้มหน้าครุ่นคิดพลางลูบศีรษะเขาเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า
“ประทานพรแห่งชีวิต สงบจิตวิญญาณ ปฏิบัติตามวิถีแห่งเซียน”
.....
ในยามเช้าตรู่หลังคาบ้านในหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยสายควันจากการหุงหาอาหาร บรรยากาศอบอวลไปด้วยหมอกบางๆคล้ายผ้าฝ้ายโปร่ง
“ลุงหลี่วันนี้มีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือเปล่า?” หลี่มู่เถียนเดินฮัมเพลงขณะผ่านทุ่งนาได้ยินเสียงคนทักจากในนา
เขาก้มมองลงไปเห็นว่าเป็นหลานชายเย่เฉิงฝู เด็กคนนี้หน้าตาซื่อๆนิสัยซื่อสัตย์ แต่คำพูดกลับช่างประจบประแจง
“รวงข้าวในนานี่สิที่น่าชื่นใจ!” หลี่มู่เถียนหัวเราะลั่นตอบกลับไป
ในหมู่บ้านหลี่จิ้งมีตระกูลใหญ่สี่ตระกูล ได้แก่ ตระกูลเย่ ตระกูลเถียน ตระกูลหลี่ และตระกูลหลิว โดยตระกูลเย่ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่สุด มีสมาชิกในหมู่บ้านกว่า 30% ที่แซ่เย่ หากทุกคนรวมพลังกันก็ถือว่าไม่อ่อนแอเลยทีเดียว
“โอ้ นั่นเป็นเพราะโชคของพี่ชายหลี่จางหูต่างหากล่ะ!” เย่เฉิงฝูเท้าเสียมไว้กับพื้น ตอบกลับด้วยความเคารพ
“เจ้านี่ช่างพูดเก่งจริงๆ!”
หลี่มู่เถียนรู้ว่าเขาหมายถึงงานแต่งงานของหลี่จางหูเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าสาวสกุลเหรินงดงามอ่อนโยนและฉลาดหลักแหลมทั้งยังทุ่มเทหัวใจให้หลี่จางหูอย่างเต็มที่
หลี่มู่เถียนกำลังรอให้สกุลเหรินให้กำเนิดทายาทก่อนจะค่อยๆเปิดเผยความลับบางอย่าง เพราะนางเป็นคนเก็บความลับได้ดีและการปิดบังกันมากเกินไปในบ้านเดียวกันอาจทำให้เกิดความบาดหมาง
“แต่เจ้าหลี่ทงหยานี่สิไม่ยอมแต่งงาน ส่วนหลี่เซี่ยงผิงก็ถึงวัยแล้ว” หลี่มู่เถียนลูบเคราตัวเองขณะนับครอบครัวในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ
“เถียนหยุนดูเหมือนจะเหมาะสมอายุพอดี กลับไปจะลองถามหลี่เซี่ยงผิงดู หากเรื่องลงตัวก็จะจัดการขอหมั้นหมาย” เขาคิดด้วยความยินดี
หลี่ทงหยาและพี่น้องอีกหลายคนกำลังตั้งใจศึกษาคัมภีร์ “วิธีเชื่อมโยง”อยู่ในลานบ้าน ขณะที่หลี่จางหูซึ่งออกไปตรวจนาตอนเช้าก็รีบกลับมาร่วมศึกษากับพี่น้อง
มีเพียงเขาเองที่รู้สึกว่าตนแก่เกินไป สมาธิไม่ดีเหมือนเดิมจึงละทิ้งวิชาเซียนมาดูแลงานในนาแทน
ประการแรกคืองานทางโลกนี้ต้องมีคนดูแล หากไม่เช่นนั้นเรื่องอาหารการกินก็จะลำบาก ประการที่สองคือต้องคอยระวังพวกคนไม่หวังดีที่อาจลอบเข้ามาแอบดู
วันนี้หลี่มู่เถียนอารมณ์ดีมาก เขาจึงนั่งคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านอย่างไม่เร่งรีบ
———
ที่ตระกูลหลี่
หลู่เจียงเซียนใช้พลังจิตมองไปยังหลี่ทงหยาและอีกสามคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในลานบ้าน เหนือศีรษะของพวกเขาปรากฏแสงสีขาวบางๆลางๆ
แสงของหลี่ชื่อจิ้งสว่างที่สุดยาวประมาณแปดนิ้วเปล่งประกายแวววาว ขณะที่หลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงยาวหกนิ้วและห้านิ้วตามลำดับ ส่วนหลี่จางหูมีเพียงสามนิ้วเท่านั้น
แสงสีขาวนี้เป็นตัวแทนระดับความเหมาะสมระหว่างผู้ฝึกกับ สัญลักษณ์ไข่มุกดำ หากแสงยาวถึงหนึ่งฟุตจะสามารถดูดซับสัญลักษณ์ไข่มุกดำและฝึกพลังได้เหมือนคนที่มีประตูวิญญาณ
หลี่ชื่อจิ้งมีแสงยาวแปดนิ้วเทียบได้กับคนที่มีประตูวิญญาณและสามารถฝึกพลังได้ถึง 80% ของความเร็ว ส่วนหลี่จางหูมีเพียงสามนิ้ว ความเร็วในการฝึกจึงเป็นเพียง 30% ของผู้มีประตูวิญญาณ
นั่นหมายความว่าการฝึกหนึ่งวันของหลี่จางหูยังไม่เท่ากับการฝึกสี่ชั่วยามของคนอื่น...
(จบบท)