บทที่ 7 คัมภีร์วิชา
ยามเช้า
แสงอรุณที่เจิดจ้าสาดแสงจากภูเขาต้าหลี่กระทบทะเลสาบวั่งเยว่ที่ส่องประกายสีทอง ลมพัดผ่านทุ่งกกอันกว้างใหญ่ที่ไร้ที่สิ้นสุด เสียงหัวเราะและการหยอกล้อของเด็กๆลอยมาจากแม่น้ำเหมยชื่อ
เฉินเอ้อร์หนิวนั่งอยู่บนคันนามองพืชผลในนาอย่างกังวล พร้อมคิดถึงภรรยาที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
เฉินเอ้อร์หนิวเกิดที่หมู่บ้านหลี่ชวนโข่ว ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาต้าหลี่ เมื่อยี่สิบปีก่อน หมู่บ้านหลี่ชวนโข่วเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่โดยไม่มีสาเหตุใดๆ ฝนไม่ตกแม้แต่หยดเดียวและพื้นดินยังปล่อยควันสีขาวลอยขึ้นมา ชาวบ้านพากันหวาดกลัวและแยกย้ายกันหลบหนี
ในตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบขวบเท่านั้น ด้วยความสับสนเขาหนีมายังหมู่บ้านหลี่จิ้ง หลังจากที่อ้อนวอนอยู่นาน หลี่เกินสุ่ยชาวนาในหมู่บ้านก็ตัดสินใจรับเขาไว้และในปีถัดมาได้ให้เขาเช่านาหนึ่งหมู่เพื่อยังชีพ
เมื่อเขาโตขึ้นเขาได้เช่านาน้ำอีกหนึ่งหมู่เพื่อทำกิน สร้างบ้านดินและแต่งงานกับบุตรสาวของหลี่เกินสุ่ยจนสามารถตั้งหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงในหมู่บ้าน
ทว่าภรรยาของเขากลับป่วยกระทันหัน โชคดีที่เขาเก็บออมเงินไว้บ้างจึงนำตัวภรรยาไปรักษาที่บ้านหมอหาน หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคเล็กน้อยและให้ยามารับประทานสองสามชุดก็เพียงพอ เขาจัดการให้ภรรยาพักฟื้นที่บ้านหมอ แต่หัวใจของเขายังคงไม่สงบเพราะรู้ว่าการป่วยหนึ่งครั้งอาจทำให้คนทั้งครอบครัวลำบากไปถึงสามรุ่น
“ลุงเขย!” เสียงสดใสร่าเริงดังขึ้นทำให้เฉินเอ้อร์หนิวที่กำลังเหม่อลอยต้องสะดุ้ง
เขาเห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าบ้านพร้อมรอยยิ้มสดใส เขาทักทายเฉินเอ้อร์หนิวอย่างกระตือรือร้น
“อ๊ะ จางหูมาแล้วหรือ มาเถอะ มาเถอะ!”
เฉินเอ้อร์หนิวรีบโค้งคำนับ เขาเป็นเพียงผู้เช่าที่แต่งงานกับบุตรสาวสายรองของตระกูลหลี่จึงไม่คู่ควรที่จะรับคำทักทายจากบุตรชายคนโตของตระกูล
หลี่เกินสุ่ยเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ก็เจ้าชู้มาก นอกจากภรรยาหลวงเขายังรับผู้หญิงอีกสองคนมาเป็นอนุภรรยา ภรรยาหลวงให้กำเนิดบุตรชายสองคนส่วนอนุภรรยาให้กำเนิดบุตรชายสามคนและบุตรสาวสี่คน
เมื่อหลายปีก่อนหลี่เกินสุ่ยที่อายุมากแล้วล้มป่วยใกล้จะเสียชีวิต ทว่าบุตรชายคนสุดท้องที่อยู่ดูแลกลับเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน บุตรชายคนอื่นๆของเขาซึ่งยังหนุ่มแน่นต่างจ้องมองทรัพย์สมบัติในรูปของที่ดินสิบกว่าหมู่อย่างกระหาย
ในตอนนั้นหลี่มู่เถียนผู้ซึ่งออกจากบ้านไปนานได้กลับมา เขาถือดาบพร้อมพาผู้ติดตามกลับมาอย่างมุ่งมั่น ชายผู้มีนิสัยดุดันคนนี้ลงมือปลิดชีพหัวหน้าคนงานที่ไม่ซื่อสัตย์และวางยาพิษสังหารตระกูลใหญ่ที่พยายามฮุบสมบัติทั้งหมด
หลี่มู่เถียนและพี่น้องร่วมทางถือดาบเปื้อนเลือดลากศพจากปลายหมู่บ้านมาจนถึงต้นหมู่บ้าน คราบเลือดที่ทิ้งไว้ทำให้ทุกบ้านต่างปิดประตูเงียบงันด้วยความหวาดกลัว บุตรชายคนอื่นๆของหลี่เกินสุ่ยที่หวาดหวั่นใจคิดว่าตัวเองจะหมดสิทธิ์ในที่ดินเหล่านี้
แต่ใครจะคาดคิดว่าหลี่มู่เถียนกลับเรียกพี่น้องทั้งหมดมาพบและกล่าวว่าสายเลือดเดียวกันไม่ควรแบ่งแยก จากนั้นเขาแบ่งที่ดินของตระกูลใหญ่ให้แต่ละคนสองหมู่และมอบให้ผู้ติดตามที่เขาพามาด้วยคนละสี่หมู่ พี่น้องที่เหลือซาบซึ้งใจจนยอมรับเขาเป็นพี่ใหญ่ของตระกูล
เมื่อมองรอยยิ้มอันอบอุ่นของหลี่จางหู เฉินเอ้อร์หนิวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาของหลี่มู่เถียนในอดีต เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวภายใต้แสงแดดอันแรงกล้าและถามด้วยความเคารพ
“จางหูมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ลุงเขยไม่ต้องเกรงใจ” หลี่จางหูยิ้มเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ได้ยินว่าป้าป่วย พ่อเลยคิดว่าลุงเขยคงยุ่งมากเลยให้ข้ามาชวนลุงเขยกับเสี่ยวเจ๋อไปทานข้าวที่บ้าน”
“เอ่อ… เกรงใจจริงๆ” เฉินเอ้อร์หนิวฝืนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“มาเถอะ!แม่เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว” หลี่จางหูตบไหล่เฉินเอ้อร์หนิวเบาๆก่อนจะขอตัวกลับ
“ได้สิ” เฉินเอ้อร์หนิวพูดพร้อมกับส่ายหัวพลางยิ้ม เขาเดินเข้าไปในบ้านและตะโกนบอกว่า
“เสี่ยวเจ๋อ เตรียมตัวนะ เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านลุง”
เมื่อปีที่แล้วตระกูลหลี่เพิ่งซ่อมบ้านเสร็จ บ้านขยายพื้นที่ออกไปหลายเท่า ตัวเรือนทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศใต้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลานหน้าบ้านปูด้วยอิฐและวางก้อนหินทรงกลมสำหรับฝึกกำลัง เฉินเอ้อร์หนิวเห็นหินเหล่านั้นซึ่งดูมีน้ำหนักไม่น้อยจึงเอ่ยชมว่า
“บ้านตระกูลหลี่นี่ดีจริงๆหินฝึกกำลังแบบนี้ยังมีไว้ใช้ฝึกยุทธ์อีกด้วย”
ก้าวเดินไปบนหินปูพื้นเข้าสู่ลานบ้านหลัก ที่กลางลานมีบ่อน้ำขนาดเล็กสร้างด้วยหินในบ่อเลี้ยงปลาสีเขียวไว้หลายตัว รอบบริเวณลานใช้หินสีฟ้าเขียวก่อเป็นพื้น โดยทั้งสองฝั่งของลานหลักเป็นเรือนพักของหลี่จางหูและลี่ทงหยาตัวเรือน ห้องโถง ทางเดิน และประตูใหญ่จนถึงประตูรองล้วนปูด้วยขั้นบันไดหินดูสง่างามอย่างยิ่ง
หลี่ทงหยาเข้ามาทักทายในลานหลัก ตอนนี้เขาอายุได้สิบแปดปีแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ขณะที่หลี่จางหูนั้นได้แต่งงานกับบุตรสาวคนรองของตระกูลเริ่นและได้จัดพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ไปเมื่อไม่นานมานี้
เฉินเอ้อร์หนิวนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกับคนในตระกูลหลี่ที่ลานบ้าน พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย แต่ทันใดนั้นหลี่ชื่อจิ้งก็เดินเร่งรีบเข้ามาในลานหน้าและก้มกระซิบกับหลี่มู่เถียนอย่างแผ่วเบา
หลี่ชื่อจิ้งอายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น แต่เขามีหน้าตาหล่อเหลาฉลาดเฉลียวทำให้เหล่าลุงและพี่น้องในตระกูลล้วนชื่นชอบเขาเป็นพิเศษ
หลี่มู่เถียนซึ่งกำลังมองดูเหล่าลูกหลานพูดคุยกันอย่างสบายใจกลับต้องหันมาสนใจเมื่อได้ยินหลี่ชื่อจิ้งกระซิบว่า
“ท่านพ่อ…กระจกนั้นเรืองแสงแล้ว!”
เขาทำท่าไม่สะทกสะท้านก่อนจะตบต้นขาและพูดกับคนรอบข้างว่า
“คนแก่แล้วนั่งนานไม่ไหว ข้าขอตัวไปพักก่อน พวกเจ้าคุยกันตามสบายเถิด” ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวเดินไปยังลานหลัง ทุกคนต่างพยักหน้ารับคำส่วนเฉินเอ้อร์หนิวรีบโค้งคำนับและกล่าวลาตัวเอง
ที่ลานหลังมีเรือนขนาดเล็กหลายหลัง หลี่มู่เถียนเดินเข้าสู่เรือนที่ตั้งอยู่กลางลานและมีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งก็คือศาลบรรพบุรุษ ภายในมีป้ายวิญญาณตั้งเรียงรายพร้อมด้วยผลไม้และเครื่องบูชาสำหรับเซ่นไหว้บรรพบุรุษหกชั่วรุ่นของหมู่บ้าน
เขากดผนังด้านหนึ่งและเผยให้เห็นห้องลับด้านหลัง
ห้องลับนั้นมีช่องหน้าต่างให้แสงจันทร์ส่องเข้ามากระทบกับแท่นหินที่ตั้งอยู่กลางห้อง บนแท่นหินนั้นมีกระจกสำริดสีเขียวอมเทาวางอยู่ซึ่งกำลังปล่อยแสงสีขาวใสราวกับสายน้ำออกมา
“ผ่านมาสามปีแล้ว…ชื่อจิ้งไปตามพี่ชายของเจ้าให้มาหาข้า”
หลี่มู่เถียนพูดพร้อมจ้องมองกระจกสำริดด้วยคิ้วขมวด
“รับทราบ” ลี่ชื่อจิ้งพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่นก่อนจะรีบออกไปตามหาพี่ชาย
.....
หลู่เจียงเซียนตื่นขึ้นมาและพบว่ามีข้อมูลมากมายท่วมอยู่ในจิตสำนึกของเขา เขานั่งสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อปรับตัวก่อนจะเริ่มอ่านข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในหยกนั้น
“ตำราการบำเพ็ญพลังแห่งแสงจันทร์”
คัมภีร์นี้สอนวิธีการใช้ “จุดสำคัญ” ในร่างกายเพื่อควบคุมพลังวิญญาณแห่งฟ้าดิน ดึงดูดแสงจันทร์ไท่หยินและสุดท้ายบำเพ็ญจนสร้างวงล้อแห่งลมหายใจทั้งหกขึ้น เมื่อวงล้อเหล่านี้สมบูรณ์ก็สามารถใช้เพื่อยืดอายุและพัฒนาจิตวิญญาณรวมถึงใช้ในการร่ายมนตร์คาถาต่างๆได้ เมื่อผู้บำเพ็ญพัฒนาวงล้อทั้งหกจนสมบูรณ์ราวกับพระจันทร์เต็มดวงจะสามารถเข้าสู่ขั้น “ฝึกพลัง” ได้
ในคัมภีร์ยังมีวิชาเสริมเล็กๆหลายอย่าง เช่น วิชากำแพงแสงทอง วิชาทำความสะอาดเสื้อผ้า วิชาหลบหลีกน้ำ วิชาไล่ปีศาจ และวิชาสื่อจิต เมื่อบำเพ็ญจนสร้างวงล้อทั้งหกได้แล้วก็สามารถใช้พลังตามที่คัมภีร์ระบุไว้
พร้อมกันนี้ คัมภีร์ยังอธิบายถึงขั้นตอนในการบำเพ็ญเป็นเซียนซึ่งแบ่งออกเป็นหกระดับ ได้แก่ “ลมหายใจ” “ฝึกพลัง” “สร้างฐาน” “ตำหนักม่วง” “แก่นทอง” และ “ทารกวิญญาณ” ซึ่งหยกนี้บันทึกวิชาบำเพ็ญวงล้อหายใจของ “ตำหนักจันทร์ฉาย” ในแคว้นเยว่และใช้สำหรับฝึกฝนโดยเหล่าศิษย์แห่งตำหนัก
หลังจากกลืนหยกนั้นหลู่เจียงเซียนรู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พลังจิตสามารถแผ่ขยายได้ถึงหกสิบเมตร และขีดจำกัดพลังแห่งแสงจันทร์ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอีกทั้งยังสามารถใช้วิชาเล็กๆที่บันทึกในคัมภีร์ภายในระยะสามเมตรของกระจกได้หากพลังแห่งแสงจันทร์เพียงพอ
แต่ที่สำคัญที่สุดคือในความทรงจำของกระจกปรากฏวิชาหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า
“วิชาเซ่นวิญญาณไข่มุกดำ”
(จบบท)