บทที่ 607: แผ่นแป้งข้าวโพด
“แกคือเจ้าตัวเล็กสองปีก่อนใช่ไหม?” ไมย่าจ้องมองต้นไม้อสูรตรงหน้าอย่างประหลาดใจพร้อมเอ่ยถาม
“มูมู...”
ต้นไม้อสูรตัวแข็งทื่อก่อนพยักหน้าช้าๆ
ไมย่าถึงกับตาค้างไป เธอไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าตัวเล็กเมื่อสองปีก่อนจะวิวัฒนาการกลายเป็นต้นไม้อสูร แล้วยังกลับมาช่วยพวกเธอไว้อีก
เด็กหญิงตัวน้อยตาเป็นประกาย รีบวิ่งไปหาต้นไม้อสูรด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า
“จริงๆด้วย เป็นแกจริงๆ!”
ต้นไม้อสูรเห็นเด็กหญิงเข้ามาใกล้ตัวเองมากขนาดนี้ สีหน้าก็ดูประหม่าเล็กน้อย
เฉียวซางที่ยืนอยู่ข้างๆ เผยสีหน้าที่เหมือนจะพูดว่า “ก็ว่าแล้วเชียว”
เธอไม่ได้แปลกใจเลยที่ต้นไม้อสูรรู้จักครอบครัวนี้
ถ้าไม่รู้จัก แถมยังเป็นมิตรด้วย ก็คงอธิบายไม่ได้ว่าทำไมต้นไม้อสูรถึงได้พยายามอย่างยากลำบากเพื่อให้ผู้ว่าจ้างรับรู้ถึงการมีอยู่ของมอธเกล็ดแข็ง
และถ้าไม่รู้จักกัน ก็คงอธิบายไม่ได้ว่าทำไมต้นไม้อสูรถึงไม่โจมตีพวกเธอตลอดเวลา
ต้องรู้ไว้ว่าเหตุผลที่สัตว์อสูรป่าเป็นอันตรายก็เพราะมันโจมตีมนุษย์
แต่เจ้าต้นไม้อสูรที่โดนไล่ไปหลายครั้งกลับไม่เคยโจมตี นั่นมันไม่ปกติเลย
“พวกคุณรู้จักกันเหรอ?” เฉียวซางแกล้งทำเป็นถามด้วยสีหน้าตกใจ
“เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ...” ไมย่าจึงเล่าเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนให้ฟังอย่างละเอียด
แค่แผ่นแป้งข้าวโพดอันเดียว มันแกจำได้มาจนถึงตอนนี้เลยเหรอ... เฉียวซางฟังจบถึงกับมองต้นไม้อสูรด้วยความตกตะลึง
สัตว์อสูรป่ามันมีนิสัยแบบนี้ด้วยเหรอ? มันไม่เหมือนกับที่เขียนไว้ในหนังสือเลยสักนิด
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ยังต้องการให้ฉันพาต้นไม้อสูรตัวนี้ฉัไปปล่อยที่อื่นไกลๆอีกไหมค่ะ?” เฉียวซางหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม
ไมย่าหันไปมองลูกสาวที่กำลังเล่นกับต้นไม้อสูรอย่างสนุกสนาน เธอเผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนพูดว่า
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเข้าใจมันผิดไปเอง”
เฉียวซางได้ยินแบบนั้น เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
“แล้วเรื่องภารกิจนี้...”
“ไม่ต้องห่วง!” ไมย่าเข้าใจว่าเฉียวซางจะพูดอะไร เธอรีบพูดแทรกทันที
“ภารกิจนี้ ฉันจะให้คุณห้าดาวเต็มแน่นอนค่ะ!”
ถ้ารับปากแบบนี้ ค่อยวางใจหน่อย... เฉียวซางพอใจกับคำตอบนั้น แต่จู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าของเธอกลับมาจริงจังอีกครั้ง
“มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องบอกค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ไมย่าทำท่าตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
“ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ชื่อต้าเผิงคนนั้น ดูท่าทางจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล” เฉียวซางขมวดคิ้วพูด
“ครั้งสองครั้งอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าติดต่อกันหลายเดือนที่เขามา ‘บังเอิญ’ หยุดยั้งทุกครั้ง มันก็อดรู้สึกแปลกไม่ได้จริงๆ”
ไมย่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า
"เขาเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร คำพูดของเขามักมีคนเชื่อถือเยอะ รอบๆนี้ก็น่าจะมีคนของเขาอยู่หลายคน พวกนั้นคงเป็นคนไปแจ้งข่าว"
"ไม่ใช่ค่ะ" เฉียวซางกล่าว "ที่ฉันหมายถึงคือ ฉันรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนที่มาขัดขวางคุณที่จ้างผู้ฝึกสัตว์อสูรคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนจะขัดขวางต้นไม้อสูรมากกว่า"
ไมย่าได้ยินเช่นนั้นถึงกับนิ่งไป
"แล้วก็..." เฉียวซางพูดต่อ "เขาไม่เหมือนผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ C เลยสักนิดค่ะ ความรู้สึกที่เขาให้ฉันมันแปลกมาก ยังไงคุณก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกันนะคะ"
สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ C ที่อยู่ในเขตที่ยี่สิบห้าและต้องเจอกับสัตว์อสูรป่าทุกวันแบบนี้ ทักษะของต้าเผิงดูอ่อนแอเกินไปมาก
ไมย่าพยักหน้าอย่างครุ่นคิด "ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"
หลังออกจากบ้านของผู้ว่าจ้างภารกิจ เฉียวซางเดินตามเส้นทางในแผนที่ไปยังศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร
แต่เธอไม่ได้ไปเพื่อส่งมอบภารกิจ เธอแค่อยากหาที่พักใกล้ๆเพื่อพักผ่อน
การยืนยันเสร็จสิ้นภารกิจสามารถทำผ่านแอปพลิเคชันทางการของศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรในมือถือได้
ก่อนหน้านี้ตอนกดยืนยัน เธอสังเกตว่าภารกิจนี้จู่ๆก็ถูกเลื่อนระดับเป็นภารกิจสามดาว พอโทรถามฝ่ายบริการลูกค้า พวกเขากลับยืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาด เธอจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปรับภารกิจอื่นอีก
การพักอยู่ใกล้ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นเพราะอาจารย์ผู้คุมสอบไม่ได้ให้ข้อมูลการติดต่อไว้ มีแค่เวลานัดหมายและสถานที่นัดรวมตัว การพักแถวนั้นจึงสะดวกกว่า
ตอนนี้ยังเหลืออีกสองวันก่อนถึงเวลานัด เฉียวซางจึงใช้เวลาเดินเล่นไปมาอย่างสบายใจ
สิบเขตล่างแตกต่างจากสิบเขตบนมาก เธอเห็นสัตว์อสูรป่าเดินอยู่ตามถนนทั่วไป
ด้วยอารมณ์ที่ต่างจากตอนมาถึงแรกๆที่เต็มไปด้วยความกังวลเรื่องภารกิจ ตอนนี้ที่หมดภาระหน้าที่ เธอจึงเดินเล่นชมสัตว์อสูรป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ตามริมทางมีร้านค้าขายของมากมาย บางครั้งเธอยังเห็นสัตว์อสูรป่าถือเงินสกุลพันธมิตรไปต่อคิวซื้อของ เป็นภาพที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใหม่
ดูเหมือนจะต้องซื้อเครื่องตรวจสอบสัตว์อสูรของอัลติเมทสตาร์บ้างแล้ว... หลังจากที่เจอสัตว์อสูรป่าที่ไม่รู้จักหลายตัวติดๆกัน ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นในใจของเฉียวซาง
ทันใดนั้นเอง สายตาเธอไปสะดุดกับร้านแผงลอยแห่งหนึ่ง
“เจ้าของร้าน ขอแป้งข้าวโพดหกแผ่น” เฉียวซางเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้น
“ได้เลย!” เจ้าของร้านเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้ามีสัตว์อสูรสองตัวติดตามอยู่ก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ไม่ควรล่วงเกิน ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างกระตือรือร้นทันที
ไม่นาน แผ่นแป้งข้าวโพดหกชิ้นก็ถูกบรรจุเสร็จเรียบร้อย
หลังจ่ายเงิน เฉียวซางหยิบแผ่นแป้งข้าวโพดในมือแบ่งให้กับหยาเป่าและตัวอื่นๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะมองไปยังสัตว์อสูรชนิดนกตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ผูกสัมพันธ์ไว้หน่อย เผื่อมันจะกลายเป็นต้นไม้อสูรตัวที่สองก็ได้…คิดได้ดังนั้น เฉียวซางก็หยิบแผ่นแป้งข้าวโพดแล้วเดินไปหานกตัวนั้น
"อยากกินไหม?" เธอยื่นแผ่นแป้งข้าวโพดไปพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตร
นกสีเทาตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางระวังตัว ก่อนจะดมด้วยจมูก แล้วทำหน้าเบือนหนีด้วยความรังเกียจ จากนั้นมันก็บินจากไป
"เอาเถอะ คงไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรป่าทุกตัวจะเหมือนต้นไม้อสูร…" เฉียวซางมองตามหลังนกตัวนั้นพลางกัดแผ่นแป้งข้าวโพดในมือ
“กงกง”
กงเป่าที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็อดหัวเราะไม่ได้
เวลา 23:50 น.
ในโรงแรมห่างจากศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรร้อยเมตร
เฉียวซางหลับตาลงตามนิสัยแล้วดึงจิตสำนึกเข้าสู่ตำราอสูร
แม้ช่วงนี้เธอจะอดหลับอดนอนบ่อย แต่ก็มีนิสัยที่จะเข้าไปดูข้อมูลในตำราอสูรตอนก่อนนอนทุกคืน
เธอเปิดดูข้อมูลไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อสายตาเธอหยุดที่บรรทัดสุดท้ายของคะแนนของหยาเป่า เธอก็แทบหยุดหายใจ
[คะแนน: 83,002]
83,002?!
เฉียวซางเบิกตากว้าง มองข้อมูลตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ
เมื่อวานยังแค่ 56,842 อยู่เลย แต่วันนี้มันกระโดดไป 83,002 ได้ยังไง?!
ในเวลาแค่วันเดียว คะแนนพุ่งขึ้นมากว่าสองหมื่น?!
เธอเช็กซ้ำหลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ดูผิด
83,002… พวกมอธเกล็ดแข็งกลุ่มนั้นมีค่ามากขนาดนี้เลยเหรอ… เฉียวซางสูดหายใจลึก ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปดูข้อมูลบรรทัดแรก
[ชื่อ: สุนัขเพลิงพร่างพราย]
[คุณสมบัติ: ไฟ, พลังจิต]
[ระดับ: ระดับสูง (14,500/100,000)+]
ตั้งแต่หยาเป่าวิวัฒนาการ การเพิ่มคะแนนตามธรรมชาติต่อวันไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แม้จะกินเม็ดพลังงานแบบพิเศษก็เพิ่มได้แค่ประมาณ 2,500 คะแนน โดยเฉลี่ยก็ประมาณ 40 คะแนนต่อวัน
ถ้าตามอัตรานี้ หยาเป่าต้องใช้เวลาเกือบ 6 ปี ถึงจะวิวัฒนาการไปถึงระดับนายพลได้
แต่ตอนนี้ เมื่อมีคะแนนพวกนี้ เธอก็ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นอีกแล้ว...
แค่เข้าร่วมการประลองสัตว์อสูรอีกไม่กี่ครั้ง หยาเป่าอาจวิวัฒนาการก่อนที่เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก...
เฉียวซางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง
ทันใดนั้น คะแนน 14,500 หลังระดับของหยาเป่าก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนไปหยุดที่ 90,000
[ระดับ: ระดับสูง (90,000/100,000)+]
"ฉันต้องหาหินแห่งความฝันให้ได้ก่อนที่หยาเป่าจะวิวัฒนาการ"
คะแนนที่เหลืออีก 10,000 ถ้าปล่อยให้เพิ่มตามธรรมชาติ จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน
ตอนนั้นเธอก็จะเรียนจบมัธยมปลายและน่าจะได้หินแห่งความฝันมาแล้ว
แต่ด้วยการประลองที่ต้องมีในอีกสองวันข้างหน้า ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เธอจำเป็นต้องเพิ่มพลังให้หยาเป่าอีกสักหน่อย...
คิดได้ดังนั้น เฉียวซางก็พลิกไปยังหน้าถัดไปในตำราอสูร