บทที่ 601: จับได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
หลังจากที่ส่งข้อความถึงถังอี้ว่า "ฉันไปก่อนนะ" แล้ว เฉียวซางก็เดินตามไมย่าออกจากศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรไปทันที
เพราะภารกิจการทดสอบนี้มีการจำกัดเวลา เธอจึงไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
"ไม่คิดเลยว่าคุณจะรับภารกิจของฉันจริงๆนะเนี่ย" ไมย่าพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ในระหว่างทาง
"ในเมื่อฉันรับภารกิจของคุณแล้ว ตอนนี้คุณคงบอกความจริงกับฉันได้แล้วใช่ไหมคะ?" เฉียวซางเอ่ยถามตรงๆ
"อะไรนะ?" ไมย่าเก็บรอยยิ้มทันที สีหน้าดูเหมือนตกใจเล็กน้อย
เฉียวซางไม่พูดอ้อมค้อม แต่เปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า
"ฉันเพิ่งไปถามพนักงานมา เธอบอกว่าภารกิจของเธอที่ถูกเลื่อนจากระดับหนึ่งดาวมาเป็นสองดาว เป็นเพราะว่าภารกิจนี้ถูกประกาศมาแล้วถึงเก้าเดือน ในช่วงเวลานั้นมีผู้ฝึกสัตว์อสูรถึง 16 คนที่รับภารกิจนี้ไป แต่ไม่มีใครสามารถทำสำเร็จได้เลย นี่มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอบอกฉันตอนที่มาหาฉันเลยนะ"
เมื่อพูดจบ เฉียวซางก็แสดงสีหน้าจริงจังมากขึ้น
"ถ้าเธออยากให้ฉันทำภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง เธอต้องบอกความจริงทั้งหมดให้ฉันรู้ค่ะ"
ไมย่านิ่งเงียบไปสองถึงสามวินาทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ฉันมีคนตามจีบอยู่คนนึง เขาชื่อต้าเผิง ทุกครั้งที่มีผู้ฝึกสัตว์อสูรรับภารกิจของฉัน เขาจะไปข่มขู่พวกนั้นให้ยกเลิกภารกิจ"
เฉียวซางได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเธอคิดว่าไมย่าอาจจะปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนหรือความสามารถของสัตว์อสูรป่าไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าปัญหานี้มันเป็นแค่เรื่องดราม่าความรักเท่านั้นเอง?
นี่มันเกี่ยวกับสัตว์อสูรตรงไหนกันเนี่ย!
เฉียวซางเริ่มรู้สึกเสียใจที่เธอรับภารกิจนี้มา และตอนนี้ก็ไม่แน่ใจด้วยว่าถ้าจะไปเปลี่ยนภารกิจใหม่ตอนนี้ยังจะทันหรือเปล่า...
บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสองคนชะงักงันและอึดอัดไปชั่วขณะ
"เขาไม่ใช่คนที่ตามจีบคุณหรอกเหรอ? แล้วทำแบบนี้ทำไม?" ในที่สุดเฉียวซางก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
"ก็เพราะฉันปฏิเสธเขาน่ะสิค่ะ" ไมย่าหัวเราะเย้ยหยันออกมา "เขาคงหวังว่าฉันจะยอมไปขอร้องเขาน่ะสิ"
เฉียวซาง: "..."
ไม่สิ ภารกิจนี้ถูกประกาศมาเก้าเดือนแล้วใช่ไหม? แล้วเขายังยืนหยัดทำแบบนี้ได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ? เฉียวซางคิดว่าเรื่องนี้ช่างเข้าใจยากจริงๆ
จากนั้นเธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามว่า
"เขาเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับไหน?"
"ระดับ C" ไมย่าตอบ
ระดับ C งั้นเหรอ... เฉียวซางถามด้วยความระมัดระวังว่า
"เขามีสัตว์อสูรระดับนายพลกี่ตัว?"
ถ้าหากอีกฝ่ายมีสัตว์อสูรระดับนายพลถึงสองตัวหรือมากกว่านั้น งานนี้คงจะยุ่งยากไม่น้อย
"หนึ่งตัว" ไมย่าตอบ
อ๋อ งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย... เฉียวซางโล่งใจ
ไมย่าเห็นเฉียวซางมีท่าทีสงบนิ่งเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็แอบถอนหายใจโล่งอกในใจ และคิดว่าความคิดของตัวเองคงไม่ผิดแน่ๆ เพราะในใจเชื่อว่าน่าจะมีผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงคอยคุ้มครองเธออยู่ในที่ลับ
ไม่ไกลจากพวกเธอ มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งขนาดประมาณหนึ่งเมตร ลักษณะเหมือนก้อนหิน มันเดินตามพวกเธออย่างเงียบๆ ดวงตาซ้ายส่องแสงสีเขียวอ่อนๆ บันทึกทุกอย่างที่มันมองเห็น
ในเวลาเดียวกัน ที่ร้านกาแฟใกล้ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร ฉวี่จั๋วนั่งดื่มกาแฟไปพลาง จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าไปพลาง
หน้าจอบนคอมพิวเตอร์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยในแต่ละส่วนแสดงภาพความเคลื่อนไหวของเฉียวซางและถังอี้ในเวลาเดียวกัน
...
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที เฉียวซางก็เดินตามไมย่ามาถึงพื้นที่ที่ดูทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด
บริเวณนั้นมีผู้คนหลากหลายสีผิวจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ดูคล้ายกับพวกอันธพาลข้างถนนหรือคนจรจัด
สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ไมย่าอย่างเปิดเผย แต่เมื่อเห็นสัตว์อสูรในอ้อมแขนของเฉียวซางที่ดูเหมือนจะมีราคาสูง รวมทั้งเหยี่ยวเกราะเหล็กที่บินตามมาอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็รีบหลบสายตาไป ไม่กล้ามองนานเกินไป
ที่มุมกำแพง ชายหนุ่มผิวดำคนหนึ่งที่ดูอายุประมาณยี่สิบห้าปี หยิบโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ข้อความว่า
[ไมย่าเชิญผู้ฝึกสัตว์อสูรมาอีกคนแล้ว]
"ฉันพักอยู่ที่นี่แหละค่ะ" ไมย่าหยุดเดินหน้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่งที่มีลานเล็กๆอยู่ด้านหน้า
บ้านหลังนี้เมื่อเปรียบเทียบกับอาคารข้างๆแล้ว ดูเหมือนจะมีร่องรอยการปรับปรุงใหม่ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ไมย่าหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า แล้วไขประตูด้วยความคล่องแคล่ว
หลังจากที่เธอถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในบ้านได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็มีเด็กหญิงตัวเล็กๆอายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบในชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน วิ่งพรวดพราดออกมาจากทิศทางของโซฟา ก่อนจะกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของไมย่า
"นี่ลูกสาวของฉัน" ไมย่าพูดพร้อมลูบหัวเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้าเธอดูอบอุ่นมาก
เด็กหญิงหันมามองเฉียวซางด้วยสายตาเขินอาย แต่ดวงตาก็สลับมองระหว่างหยาเป่ากับกงเป่าที่อยู่ไม่ห่าง
เดี๋ยวก่อนนะ... เฉียวซางได้ยินคำพูดของไมย่าแล้วรู้สึกเหมือนสมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ
เธอยังจำได้อยู่เลยว่าเมื่อครู่ไมย่าบอกว่ามีต้าเผิงเป็นคนตามจีบเธอ...
แล้วนี่มันยังไงกัน เจ้าของภารกิจคนนี้หย่าร้างหรือว่าเป็นม่ายกันแน่?
ในขณะที่เฉียวซางกำลังจินตนาการเรื่องราวต่างๆไปไกล ไมย่าก็พูดขึ้นต่อด้วยท่าทีปกติ
"สามีของฉันทำงานอยู่ที่เขต 19 ปกติก็ไม่ค่อยกลับมาหรอก"
อ๋อ… ที่แท้ก็ไม่ได้หย่าหรือเป็นม่าย เฉียวซางเงียบไปอยู่ประมาณสิบกว่าวินาที เพื่อประมวลผลข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ
หลังจากเงียบอยู่นานพอสมควร เฉียวซางก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า
"แล้วทำไมพวกคุณไม่ย้ายไปอยู่เขต 19 ด้วยกันล่ะ?"
ไมย่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความรู้สึกบางอย่าง
"ลูกสาวของฉันกำลังอยู่ในวัยเรียน ถ้าจะเรียนที่เขต 19 เราจำเป็นต้องมีบ้านอยู่ที่นั่นด้วย แต่กว่าพวกเราจะเก็บเงินซื้อบ้านที่นั่นได้ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี ดังนั้นก่อนที่จะซื้อบ้านได้ เราก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน"
ไมย่าพูดไปถึงตรงนี้ สีหน้าของเธอเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"สามีของฉันก็เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรเหมือนกัน ถ้าเขาอยู่ที่นี่ ไอ้เวรต้าเผิงคงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้แน่ๆ"
หลังจากพูดจบ ไมย่าก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าคนที่รับภารกิจของเธอคือเฉียวซางซึ่งยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที พร้อมกับไอเบาๆ
"อยากดื่มอะไรไหม? ฉันจะไปเอามาให้"
เฉียวซางไม่ได้เกรงใจ เธอตอบออกไปตรงๆ
"น้ำเปล่าก็พอแล้ว"
ไมย่าหันหลังเตรียมไปเอาน้ำให้ แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็เพิ่งสังเกตว่าลูกสาวยังเกาะขาของเธอไว้อยู่ เธอก้มลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
"หนูไปเล่นก่อนนะ แม่จะไปเอาน้ำให้พี่สาว แล้วก็เอานมให้หนูด้วย"
เด็กหญิงได้ยินแบบนั้นจึงยอมปล่อยมือและเดินกลับไป
หลังจากที่ไมย่าเดินออกไป เด็กหญิงก็เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงใสๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นว่า
"พี่สาวคะ ทำไมพี่ถึงอุ้มสัตว์อสูรไว้ล่ะคะ?"
เฉียวซางยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า
“เพราะว่ามันตัวนุ่มแล้วกอดสบายดีด้วย”
"ย่าห์!"
หยาเป่าซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเฉียวซางเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง
"ตัวมันนุ่มจริงๆเหรอคะ? หนูขอลองจับมันดูได้ไหม?" เด็กหญิงถามออกมาด้วยท่าทีระมัดระวัง แต่ในน้ำเสียงนั้นก็แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"แน่นอนสิ" เฉียวซางพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือจากหยาเป่า เจ้าตัวเล็กกระโดดลงมาทันทีแล้วเดินเข้าไปหาหนูน้อยอย่างว่าง่าย
เด็กหญิงยื่นมือเล็กๆของเธอออกไปแตะหยาเป่าเบาๆด้วยความระมัดระวัง แต่ทันทีที่เธอสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มของมัน ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันใด ความตื่นเต้นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะลูบมันอีกสองสามครั้ง
ในขณะที่ไมย่าเดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าและแก้วนมในมือ เธอเห็นลูกสาวของตัวเองกำลังลูบหยาเป่าด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ไมย่าอดยิ้มตามไม่ได้ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเองหยาเป่าที่ดูเชื่องและเป็นมิตรอยู่เมื่อครู่กลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นดุดัน มันแยกเขี้ยวออกมา และส่งสายตาดุดันไปทางประตู
"มีอะไรอยู่ที่ประตูหรือเปล่าคะ?" ไมย่าถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ลูกสาวของเธอเองก็รู้ตัว รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังแม่ทันทีด้วยท่าทีหวาดกลัว
เฉียวซางไม่ได้ตอบคำถาม เธอเพียงพยักหน้าเบาๆไปทางอากาศด้านซ้าย
ทันใดนั้น ซุนเป่าก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน มันลอยตรงไปยังประตู ก่อนจะชะโงกหัวออกไปสำรวจสิ่งที่อยู่ด้านนอก
ไมย่าอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เธอจ้างมาจะมีสัตว์อสูรประเภทผีติดตามอยู่ตลอดเวลาโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเห็น
ในจังหวะนั้นเอง เสียงแหลมสูงดังขึ้นจากนอกประตูว่า "มูมู!"
ซุนเป่าลอยตัวออกไปนอกประตูทั้งตัว
ผ่านไปประมาณสิบวินาที ประตูถูกเปิดออกด้วยพลังลึกลับบางอย่าง
ซุนเป่าใช้ทักษะควบคุมเงามัดสัตว์อสูรตัวหนึ่งเอาไว้ มันถูกลากลอยเข้ามาในบ้าน สัตว์อสูรตัวนั้นมีลำตัวสีเขียวสดใส หัวของมันดูคล้ายกับพุ่มไม้ขนาดเล็ก
"ต้นไม้อสูร!" ไมย่าร้องออกมาด้วยความตกใจทันทีที่เห็นสัตว์อสูรที่ถูกจับเข้ามา
เฉียวซาง: "???"
อะไรกันเนี่ย?
จับได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ถ้าตอนนี้เธอแค่เอาสัตว์อสูรตัวนี้ไปปล่อยที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไป ภารกิจของเธอก็เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?