บทที่ 41 การหายใจ
"อย่างนั้นหรือ? สมแล้วที่เป็นผู้เฒ่าของชนขาวบริสุทธิ์ พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ถ้าพวกเขาอยากรู้จริงๆ เจ้าก็แค่เผยว่าตัวเองเป็นผู้ใช้ลิขิตเวทก็พอ"
ขณะพาเอียนไปยังลานด้านนอกเพื่อฝึกวิธีหายใจ ฮีเลียดก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเอียนตอนกลางคืน และได้ฟังเรื่องราวการกระทำของผู้เฒ่าพูเด
อัศวินชราพยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยกับการรับมือของเด็กชาย "ไม่ต้องกังวล ผู้ใช้ลิขิตเวทคือผู้ที่ต้องได้รับการบ่มเพาะเป็นอันดับแรก ถึงแม้จะเป็นเจ้าเมืองในท้องถิ่นก็ต้องทุ่มทรัพยากรให้—นี่เป็นผลงานสำคัญ ไม่ว่าเจ้าเมืองคนไหนอยากได้รางวัลหรือเลื่อนตำแหน่ง ดัชนีชี้วัดจำนวนผู้ใช้ลิขิตเวทในเขตปกครองก็สำคัญมาก"
"แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า เมื่อไหร่ที่เจ้าคิดว่าเหมาะสม ก็ค่อยเปิดเผย"
"ส่วนเรื่องคนพื้นเมือง วางใจได้ ถ้ามีใครที่เกินความสามารถที่เจ้าจะรับมือมาทำร้ายเจ้า ข้าจะออกโรงเอง"
—นั่นแปลว่าถ้าพอๆ กัน ก็ปล่อยให้ข้าจัดการเองสินะ?
เอียนเข้าใจความหมายแฝง นี่ก็สอดคล้องกับความประทับใจที่เขามีต่อฮีเลียด—อัศวินชราไม่ใช่คนที่จะดูแลลูกศิษย์เป็นพิเศษ แต่กลับชอบกระตุ้นให้ลูกศิษย์ท้าทายตัวเอง พัฒนาตัวเองท่ามกลางวิกฤต
ซึ่งตรงกับสิ่งที่เขาต้องการพอดี
"ตรงนี้แหละ"
ว่าแล้วฮีเลียดก็พาเอียนนั่งขัดสมาธิในลานหลังบ้าน
เพราะตอนบ่ายฝนตก อากาศยามค่ำคืนจึงเย็นสบาย สายลมทะเลพัดโชย ทำให้จิตใจสงบลงอย่างน่าประหลาด
การสอนศิลปะการหายใจชี้นำ เริ่มต้นขึ้น ณ ที่นี้
"แม้จะเรียกว่าศิลปะการหายใจชี้นำ แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเร่งการหายใจเป็นพิเศษ"
"เอียน จินตนาการถึงถ่านในเตาไฟสิ มันเผาไหม้ช้าๆ เงียบๆ แต่ถ้าใช้เครื่องเป่าลมอัดอากาศเข้าไป ไฟในเตาก็จะลุกโชนรุนแรง แรงพอที่จะหลอมเหล็กกล้าให้เป็นน้ำได้"
"ร่างกายมนุษย์ก็เช่นกัน อาหารที่เรากินทุกวัน มันไม่ต่างจากถ่านหรอกหรือ? แล้วลมหายใจปกติของเรา มันไม่ใช่ลมที่เป่าเข้าเตาหรอกหรือ? ร่างกายมนุษย์คือเตาไฟที่เป่าลมเผาไหม้ไม่หยุด และร่างกายของผู้ยกระดับก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า"
"เอียน จินตนาการสิ จินตนาการถึงการเคลื่อนไหวของต้นกำเนิดที่สอดคล้องกับการไหลเวียนของเลือด ช้าๆ และเป็นธรรมชาติ เหมือนสายลมที่พัดระลอกน้ำในลำธาร แต่นั่นยังไม่ใช่ขีดจำกัดของต้นกำเนิด การใช้ลมหายใจกระตุ้นต้นกำเนิด ขับเคลื่อนให้มันหมุนเวียน ก็เหมือนพายุที่พัดใบเรือ เหมือนสายน้ำที่หมุนวงล้อ"
เสียงของฮีเลียดนุ่มนวลชัดเจน เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แนะนำเอียนที่คุกเข่านั่งหลับตาให้เข้าใจจังหวะการหายใจ "ดีมาก เป็นอย่างนั้นแหละ เจ้าเรียนรู้ได้เร็ว แต่ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์"
"ต่อไป ยื่นมือมา สังเกตจังหวะการหายใจของข้า รวมถึงการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน แม้กระทั่งเลือด"
อัศวินชราให้เอียนวางมือบนหน้าอกของเขา สัมผัสความถี่ของชีพจร เส้นทางการไหลของเลือด แบบแผนการทำงานของกล้ามเนื้อและอวัยวะ พลางอธิบาย "การปรับลมหายใจเป็นเพียงการบอกตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการชี้นำ รวบรวมเศษต้นกำเนิดที่กระจายอยู่ในเส้นเลือดทั่วร่างให้เป็นหนึ่ง ปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของร่างกายออกมา แล้วให้ต้นกำเนิดเปลี่ยนมันเป็นต้นกำเนิดบริสุทธิ์"
"ควบคุมชีพจรของเจ้า ให้มันช้าลงแต่หนักแน่นขึ้น ให้ร่างกายนิ่งสงบลง รู้สึกถึงเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่าง ผ่านทุกปลายประสาท"
"ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวที่ไหลเวียนในร่างกายเจ้า เหมือนรวงข้าวในแสง"
รวงข้าวในแสง เป็นคำที่ผู้ยกระดับบนทวีปเทร่าใช้กันบ่อย
มันหมายถึง 'พลังที่ดวงอาทิตย์มอบให้' และ 'ผลแห่งชีวิต' เป็นต้นกำเนิดของพลังเหนือธรรมชาติทั้งปวง
รวงข้าวสีทองอาบแสงอาทิตย์จนเมล็ดแก่ เปรียบเหมือนต้นกำเนิดที่ก่อตัวจากแก่นแท้ของชีวิต ถ้าเปรียบเลือดเป็นแสงอาทิตย์ที่ไหลเวียนเป็นรูปธรรม และเปรียบต้นกำเนิดเป็นรวงข้าวแห่งชีวิต การชี้นำก็คือกระบวนการเร่งการเติบโตของรวงข้าว
เอียนตั้งใจฟังคำสอนของฮีเลียด พยายามควบคุมลมหายใจให้เข้ากับอีกฝ่าย
แต่ร่างกายวัยแปดขวบมีการเผาผลาญเร็วเกินไป ปอดและทรวงอกยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงยากที่จะหายใจในจังหวะเดียวกับผู้ใหญ่
แม้แต่เขาเอง ในเวลาสั้นๆ ก็ยากที่จะทำจิตให้ 'นิ่ง' จริงๆ เพื่อชี้นำเศษต้นกำเนิดให้รวมตัวกัน
แต่เอียนกลับเก่งเรื่องจินตนาการและการสังเกต
รวมถึง การรับฟัง
หลับตาลง เอียนกลับเปิด 'การมองเห็นล่วงหน้าทันที เขาก็มองเห็นร่างของอาจารย์ตรงหน้าที่เปล่งประกายสีทองอร่าม
เพ่งมองใกล้ๆ ยังเห็นกระแสความร้อนและก้อนแสงสีทองอ่อนไหลเวียนอยู่ในร่างนั้น พวกมันไขว้กันไปมา ก่อร่างเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนแต่เป็นระเบียบอย่างยิ่ง
หายใจเข้า—หายใจออก—
จ้องมอง รับฟัง เลียนแบบ
หัวใจของเอียนผ่อนคลายสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หายใจเข้า—หายใจออก—
ครุ่นคิด วิเคราะห์ สรุป
สมองของเอียนทำงานอย่างเข้มข้นที่สุด
เขาสังเกตเห็นว่าลมหายใจของฮีเลียดยาวและนุ่มลึก มีพลังแต่ไม่รุนแรง เหมือนแม่น้ำที่ไหลบ่า ไม่ใช่ระเบิดที่ปะทุหรือสายฟ้าที่ฟาดลงมาที่มีพลังทำลายล้างฉับพลัน แต่กลับมีพลังมหาศาลที่เอ่อท้น
ลมหายใจของอีกฝ่ายทำให้เส้นแบ่งพร่าเลือน แต่เดิมที่เอียนรับรู้การขยับของปอด การไหลของเลือด เขาควรจะรู้ได้ง่ายๆ ว่าช่วงไหนหายใจเข้า ช่วงไหนหายใจออก
แต่ลมหายใจของอัศวินชรากลับทำให้เขางุนงง เพราะมันดูเหมือนการหายใจเข้ายาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด และก็เหมือนการถอนหายใจยาวที่ไม่มีวันจบ
—นี่มันการหายใจแบบไหนกัน?
มาถึงตรงนี้ เอียนก็ตามจังหวะของฮีเลียดไม่ทันแล้ว แม้จะมีอัศวินชราคอยชี้แนะ เขาก็ยังสูดหายใจติดขัดกะทันหัน แล้วก็เริ่มไอโขลกอย่างรุนแรง
"คอก! คอก!"
"ไม่ต้องรีบร้อน เจ้าทำได้ดีแล้ว"
ยื่นมือลูบแผ่นหลังของเอียนเบาๆ บรรเทาอาการไม่สบาย ฮีเลียดใจเย็นมาก "เจ้าเกือบจะจับจังหวะนั้นได้แล้ว แค่ร่างกายยังไม่พร้อมพอ ตามความคิดไม่ทัน"
พูดตามตรง ตอนนี้ฮีเลียดพอใจมากทีเดียว
ลักษณะพิเศษของร่างกายเด็กก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเริ่มฝึกฝนได้ยาก แต่กลับกัน ถ้าเอาชนะข้อด้อยของร่างกายเด็กได้ สามารถใช้การชี้นำในสภาพแบบนี้ได้ เสถียรภาพในการฝึกฝนของเอียนในวันหน้าจะต้องเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันแน่นอน
"การชี้นำช่วยเสริมความแข็งแรงของปอด เร่งการสกัดต้นกำเนิด แต่มันไม่มีผลต่อกล้ามเนื้อ ไม่ช่วยฝึกความเด็ดเดี่ยว"
ครุ่นคิดจบ อัศวินชราก็เอ่ย "พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะจัดการฝึกร่างกายบางอย่างให้เจ้า ให้เจ้าได้เสริมสร้างพละกำลัง"
เขาย้ำ "ไม่ว่าจะเป็นสายไหน ต่างก็มีข้อกำหนดเรื่องร่างกายที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะศิษย์เกราะทรายที่มีข้อกำหนดสูงมาก ต้องมีพละกำลังและร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป จึงจะผ่านเงื่อนไขพื้นฐานในการดื่มยาวิเศษ สร้างอวัยวะยกระดับได้"
"พูดง่ายๆ คือยิ่งเป็นสายที่แข็งแกร่ง ก็ยิ่งต้องการพื้นฐานร่างกายที่สูง ถ้าคิดว่ามีสายที่แข็งแกร่งแล้วจะผ่อนการฝึกฝนได้ นั่นคือความคิดที่ผิดถนัด"
"ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่ยาวิเศษที่กระตุ้นและเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรุนแรง ก็ฆ่าศิษย์ผู้ยกระดับที่เตรียมตัวไม่พร้อมได้แล้ว"
"เหมือนเมื่อครู่ที่เจ้าเพียงแค่เสียสมาธิ ร่างกายก็รับภาระจากการหายใจไม่ไหว"
"ข้าเข้าใจ ท่านอาจารย์" หายใจได้ปกติแล้ว เอียนเข้าใจเรื่องข้อกำหนดร่างกายที่ฮีเลียดย้ำนักย้ำหนาดี
ข้อกำหนดคุณสมบัติในการเปลี่ยนอาชีพนี่เอง ข้าเข้าใจ ยิ่งเป็นอาชีพที่แข็งแกร่ง ก็ยิ่งต้องมีเงื่อนไขพื้นฐานมาก ปกติมาก!
ที่โลกเดิม เขาเห็นระบบแบบนี้มามากพอแล้ว!
เขาก็มีความคิดจะฝึกฝนเพิ่มพละกำลังอยู่แล้ว เพราะร่างกายของชาวเทร่านั้นได้เปรียบมาแต่กำเนิด ถ้าไม่ขัดเกลาให้ดี เขาก็ไม่รู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองหรอก
"ลองอีกครั้งเถอะ คราวนี้เราช้าลงกว่าเดิม"
ฮีเลียดเห็นว่าเอียนยังสนใจเต็มที่ ไม่ได้ท้อถอยเพราะความเจ็บปวดก่อนหน้า จึงไม่ยุติการสอน "จำจังหวะไว้ ไม่ใช่แค่ปอด ทั้งร่างกาย กล้ามเนื้อ อวัยวะ และเลือดของเจ้าต้องสอดคล้องกับจังหวะการหายใจ..."
"ขอรับ"
ตามคำแนะนำของฮีเลียด เอียนหายใจเป็นจังหวะ
เสียงทั้งหมดถูกกลบด้วยเสียงคลื่นทะเลเดือนกรกฎาคม และจังหวะที่เร่งรีบก็ค่อยๆ กลายเป็นความสงบและยาวนาน ทุกลมหายใจทำให้พลังที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของร่างกายค่อยๆ ฟื้นคืน ค่อยๆ ฟื้นคืน...
ไม่นานนัก
เอียนก็หลับไป