บทที่ 10 การสู่ขอ
หลี่มู่เถียนเดินมายังหน้าลานบ้านตระกูลเถียน มือไขว้หลังไว้ขณะที่เถียนหยุนซึ่งกำลังนั่งคัดเลือกผักพลางฮัมเพลงอยู่ในลานบ้านก็เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่มู่เถียนนางยิ้มอย่างเขินอายพร้อมเอ่ยว่า
“ลุงหลี่!”
จากนั้นนางวางผักในมือลงรีบลุกขึ้นยืนแล้วร้องเรียกเข้าไปในบ้านว่า
“พ่อ! ลุงมู่เถียนมา!”
“ข้าเอง”
หลี่มู่เถียนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเขามองเถียนหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า
เด็กสาวคนนี้ตลอดสามปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่ง รูปร่างได้สัดส่วน แม้ว่าใบหน้าจะไม่ถึงกับงดงามโดดเด่น แต่ก็ดูมีเสน่ห์โดยเฉพาะเมื่อยิ้ม
“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย” หลี่มู่เถียนพูดในใจพร้อมยกมือที่ไขว้หลังขึ้นมาซึ่งในมือนั้นถือห่านป่าตัวใหญ่ไว้
“ลุงหลี่เกรงใจเกินไปแล้ว”
เถียนหยุนตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่เขาถือมา เมื่อนางมองอย่างละเอียดก็ร้องออกมาว่า
“นี่คือห่านป่าหรือ?”
ในคัมภีร์ “พิธีการ” กล่าวว่า “การสู่ขอฝ่ายชายต้องนำห่านป่ามามอบให้”
ในดินแดนแห่งแคว้นเยว่หากชายหนุ่มต้องการสู่ขอสตรีเขาจะต้องนำห่านป่ามาด้วย พิธีนี้เรียกว่า “การมอบของหมั้น”
สำหรับครอบครัวชาวนาธรรมดาในหมู่บ้านหลี่จิ้ง การนำห่านป่ามาสู่ขอถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากส่วนใหญ่ฝ่ายชายมักมาด้วยมือเปล่า เถียนหยุนจึงไม่เคยเห็นพิธีแบบนี้มาก่อนทำให้นางตกใจและเข้าใจความหมายในทันที
“เจ้าคิดอย่างไรกับหลี่เซี่ยงผิงของข้า?”
หลี่มู่เถียนหัวเราะและแกล้งถามนาง
เถียนหยุนที่ตอนนี้หน้าแดงซ่านไปถึงลำคอ พยายามปิดบังความเขินอาย แต่ก็กลัวว่าหลี่มู่เถียนจะเข้าใจผิดนางจึงตอบออกไปว่า
“ข้าชอบเขา!”
ในขณะเดียวกันเถียนโส่วสุ่ยผู้เป็นพ่อของเถียนหยุนได้เดินออกมาจากบ้าน เมื่อได้ยินคำตอบของลูกสาว เขาก็ถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดความกังวลที่อยู่ในใจมานานก็หมดไป
ในฐานะพ่อเขาย่อมมองออกว่าลูกสาวของเขานั้นมีใจให้หลี่เซี่ยงผิงมานานแล้ว แต่หลี่เซี่ยงผิงเป็นคนเก็บตัวจนดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไร เถียนโส่วสุ่ยจึงกลัวว่าลูกสาวจะผิดหวังและไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมา
“พี่ใหญ่!” เถียนโส่วสุ่ยร้องทักพร้อมหัวเราะ
เถียนโส่วสุ่ยเริ่มติดตามหลี่มู่เถียนตั้งแต่เขาอายุห้าขวบและตอนอายุสิบสองพวกเขาก็ไปร่วมรบกับ เหรินผิงอัน ทั้งสามคนช่วยเหลือกันจนรอดชีวิตในสนามรบ
หลังจากกลับมาหมู่บ้านพวกเขาร่วมมือกันสังหารตระกูลใหญ่ตระกูลหยวนก่อนจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายและหันมาทำการเกษตร หลี่มู่เถียนยังช่วยจัดสรรที่ดินให้และช่วยเป็นแม่สื่อให้เถียนโส่วสุ่ยได้แต่งงาน
ความสัมพันธ์ระหว่างเถียนโส่วสุ่ยและตระกูลหลี่นั้นแน่นแฟ้นยิ่งนัก แม้แต่หลี่จางหูก็ถูกเถียนโส่วสุ่ยเลี้ยงดูจนโตและรักเหมือนลูกของตัวเอง
เถียนโส่วสุ่ยมั่นใจว่าหากลูกสาวได้แต่งเข้าตระกูลหลี่นางจะไม่มีวันลำบากแน่นอน
เถียนหยุนที่ไม่รู้ว่าบิดาคิดอะไรมากมาย เมื่อเห็นพ่อออกมาก็รีบถอยกลับไปในบ้านท่าทางของนางทำให้หลี่มู่เถียนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“พี่ใหญ่นอกจากเรื่องแต่งงานนี้ ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่ต้องบอก” เถียนโส่วสุ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เรื่องอะไร?”
หลี่มู่เถียนถามด้วยความสงสัย
“เมื่อหลายวันก่อนข้าขึ้นเขาและผ่านสุสานตระกูลหยวน ข้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แต่เมื่อข้ากลับไปตรวจสอบอีกครั้งกลับไม่พบอะไรเลย”
“ยังมีคนในตระกูลหยวนที่หลงเหลืออยู่หรือ?” หลี่มู่เถียนขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม
“ข้าว่าน่าจะเป็นญาติห่างๆที่แอบมาทำพิธีเซ่นไหว้” เถียนโส่วสุ่ยพยายามปลอบใจตัวเอง
“เจ้าพูดถูกแล้ว” หลี่มู่เถียนเริ่มคลายความกังวล เขาพยักหน้าและพูดว่า
“ในปีนั้นเราสำรวจอย่างละเอียดแล้ว ตระกูลหยวนมีห้าชีวิต ไม่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่”
“พี่ใหญ่ วันดีๆแบบนี้ข้าไม่น่าพูดเรื่องโชคร้ายเลย!” เถียนโส่วสุ่ยพูดพลางตบปากตัวเองเล่นเอาหลี่มู่เถียนหัวเราะเบาๆ
เมื่อก้าวออกจากบ้านตระกูลเถียน หลี่มู่เถียนเดินไปบนทางดินด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตามองไปยังภูเขาต้าหลี่ด้วยความครุ่นคิด
.....
หลี่มู่เถียนเดินกลับมายังลานบ้านของตระกูลหลี่ หลังจากไปเจรจาสู่ขอกับตระกูลเถียน เมื่อผ่านลานหน้าเข้าไปเขาเห็นเพียงพี่น้องสามคนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่รอบโต๊ะไม้
ส่วนหลี่ชื่อจิ้งลูกชายคนเล็กกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้อง แม้ในตอนกลางวันแสงจันทร์จะจางลงทำให้ความคืบหน้าช้าลง แต่เขายังคงตั้งใจฝึกฝนไม่หยุดหย่อนใช้เวลาทุกนาทีให้เกิดประโยชน์
ในลานบ้านหลี่เซี่ยงผิงกำลังพลิกดู “วิธีเชื่อมโยง” อย่างตั้งใจ ผ้าที่จดบันทึกเริ่มเต็มไปด้วยรอยพับ หมึกบนผ้าก็เริ่มเลอะเลือน
“เจ้าก็ใจเย็นๆหน่อยสิ” หลี่ทงหยาพูดแซวพร้อมหัวเราะ ขณะที่มือยังคงจารึกข้อความลงบนแผ่นไม้
หลี่จางหูซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกำลังตรวจสอบบัญชีที่ดิน เมื่อได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกล่าวว่า
“เขาทำอยู่นานตั้งแต่เช้าแล้ว”
หลี่มู่เถียนก้าวข้ามขั้นบันไดหยิบชาเย็นจากโต๊ะมาดื่มก่อนจะนั่งลงบนขั้นบันไดด้วยท่าทีผ่อนคลายแล้วพูดขึ้นว่า
“ข้าไปสู่ขอตระกูลเถียนมาแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่เซี่ยงผิงก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้มองพ่อด้วยสีหน้าเร่งร้อน
“ตระกูลเถียนว่ายังไงบ้าง?”
“เถียนหยุนบอกว่านางชอบเจ้า” หลี่มู่เถียนพูดพลางจิบชาแล้วถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์
“ดี! ดีมาก!” หลี่เซี่ยงผิงกล่าวด้วยความตื่นเต้นและพยักหน้าหลายครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า...” สองพี่น้องต่างพากันหัวเราะออกมา
หลี่มู่เถียนวางถ้วยชาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“พวกเจ้าฟังให้ดี แม้เส้นทางเซียนจะเต็มไปด้วยความลึกลับและอัศจรรย์ แต่ใครจะรู้ว่ามันแฝงด้วยอันตรายมากมายเพียงใด ตระกูลหลี่ของเรามีคนเพียงน้อยนิด หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นใครจะสืบทอดตระกูลต่อไป?”
เมื่อเห็นพวกเขาเงียบลงและเริ่มจริงจัง เขากล่าวต่อว่า
“กระจกวิชานี้เป็นทั้งโอกาสและภัยของตระกูล ข้าจึงรีบจัดการแต่งงานของหลี่จางหูและหวังว่าเขาจะมีทายาทโดยเร็ว เพื่อให้ตระกูลเรามีความหวังหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน”
หลี่มู่เถียนชี้ไปที่หลี่เซี่ยงผิงก่อนจะถอนหายใจและมองไปยังหลี่ทงหยาอย่างหมดหนทาง
“ส่วนเจ้าหลี่ทงหยา ข้าพูดอะไรกับเจ้าไม่เคยได้ผล เจ้าดูเหมือนไม่สนใจหญิงใดในหมู่บ้าน แต่เจ้าก็ต้องมีทายาทบ้าง ไม่เช่นนั้น...”
หลี่ทงหยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า
“พ่อวางใจเถิด ข้ามีแผนอยู่แล้ว”
“ก็ดี” หลี่มู่เถียนกล่าวพร้อมปาดเส้นผมสีขาวข้างขมับรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
แม้ร่างกายของเขาจะแข็งแรงและไม่ขาดแคลนอาหารการกิน แต่เขาก็ใกล้อายุหกสิบและไม่อาจทำนายความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ การจัดการเรื่องในครอบครัวล่วงหน้าเป็นสิ่งที่เขาควรทำ
“ท่านพ่อ!”
เสียงใสดังขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียด หลี่ชื่อจิ้งวิ่งออกมาจากห้องก่อนจะยืนอยู่หน้าเหล่าพี่ชายและพ่อของเขา
“ข้าใกล้จะฝึกครบแปดสิบเอ็ดสาย ลมปราณแห่งแสงจันทร์และสร้างวงล้อแห่งแสงจันทร์ขั้นแรกได้แล้ว!” เขาพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“เจ้าเด็กคนนี้ช่างเก่งจริงๆ”
หลี่มู่เถียนที่ได้ยินลูกชายคนเล็กพูดถึงประตูวัฏจักรแห่งการบำเพ็ญลมหายใจและวงล้อแห่งแสงจันทร์ขั้นแรกก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกอดเขาอย่างปลื้มใจ
บรรยากาศความสุขแพร่กระจายออกไป พี่น้องคนอื่นๆก็ยิ้มตามหลี่จางหูถึงกับหยิกแก้มหลี่ชื่อจิ้งเล่น จนเจ้าตัวร้องครวญครางก่อนจะปล่อยมือ
“ครั้งหน้าที่จะรับสัญลักษณ์ไข่มุกดำ คงต้องรอจนถึงวันครีษมายัน” หลี่ทงหยากล่าวพร้อมยิ้มเมื่อมองเห็นความสุขในลานบ้าน
“วันเดือนดับก่อนหน้านี้เราเตรียมการไม่ทันต้องรอจนถึงวันครีษมายันอีกไม่กี่วัน” เขาพูดต่อพร้อมเก็บความตื่นเต้นในใจขณะจารึก “วิธีเชื่อมโยง” ลงบนแผ่นไม้
ในใจเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นสำหรับเส้นทางแห่งเซียนที่รออยู่เบื้องหน้า
(จบบท)