ตอนที่ 711 ไข่พิศวง (ฟรีลงตอนข้าม)
ณ ห้องวิจัยชั่วคราว
โหย่วเฟ่ยกำลังทดลองอย่างจริงจังกับชิ้นเนื้อของผีมายาขั้น 9
เธอได้นำของเหลวสีเขียวอ่อนเทใส่ลงไปบนชิ้นเนื้อ จนเกิดควันพวยพุ่งออกมาทันที
“ได้ผลงั้นหรอ”
โหย่วเฟ่ยอุทานด้วยความประหลาดใจ และมองดูอย่างละเอียด
หลังจากควันจางหายไป ก็เผยให้เห็นชิ้นเนื้อที่ยังคงสภาพเดิม แต่น้ำยาเปลี่ยนเป็นสีดำ
กลายเป็นว่าน้ำยานี้ล้มเหลว และไม่ได้ผล
“ล้มเหลวอีกแล้ว”
โหย่วเฟ่ยถอนหายใจ และใช้ที่หนีบเอาชิ้นเนื้อออกมาจากชามแก้ว
เธอตรวจดูชิ้นเนื้ออย่างละเอียดเพื่อหาว่ามีร่องรอยเกิดขึ้นบนชิ้นเนื้อนี้ไหม แต่เธอก็ไม่เห็นชิ้นเนื้อนี้ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
นี่เป็นการทดลองครั้งที่สามของเธอ ซึ่งทั้งหมดล้มเหลว
มู่เหลียงนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ที่มุมห้อง เพื่อเฝ้าระวังให้โหย่วเฟ่ย
เมื่อเห็นว่าผลการทดลองออกมาล้มเหลว เขาจึงเดินเข้าไปหาโหย่วเฟ่ยและถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“อย่าคิดมากเลย พรุ่งนี้เราค่อยลองกันไหม่”
โหย่วเฟ่ยเก็บซ่อนแววตาที่ผิดหวังของเธอเอาไว้ และฝืนยิ้มให้
“เราจะไม่ทดลองต่อแล้วหรอ”
“นี้ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว”
มู่เหลียงตอบ พร้อมกับดีดนิ้วใส่หน้าผากของโหย่วเฟ่ยเบาๆ เขาไม่คิดว่าเธอจะทดลองจนลืมเวล่ำเวลาแบบนี้
“เอ้าเย็นแล้วงั้นหรอ…ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง”
โหย่วเฟ่ยถึงกับตกใจ พร้อมกับแสดงท่าทางที่เขินอายขึ้น
มู่เหลียงหันไปมองผีมายาที่แน่นิ่งอยู่กับที่
ชิ้นเนื้อทั้งสามชิ้นที่ถูกตัดออกมาจากตัวมัน ไม่สามารถให้ผลการทดลองอะไรได้เลย
มู่เหลียงจึงเดินไปข้างหน้าผีมายา และชี้นิ้วทั้งห้าไปทางมัน
แล้วลำแสงความเย็นก็ได้พุ่งออกจากนิ้วทั้งห้าของมู่เหลียง ทำการแช่แข็งผีมายาขั้น 9 จนแข็งทั้งตัว
หลังจากนั้นมู่เหลียงก็ได้สร้างบอลผลึกแก้วขึ้นเพื่อขังมันไว้ข้างในอีกชั้น ก่อนที่จะส่งมันเข้าไปในมิติเก็บของส่วนตัว
เมื่อผีมายาขั้น 9 หายไป บรรยากาศในห้องวิจัยก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีกลิ่นไอที่น่ารังเกียจอีก
“ท่านมู่เหลียงค่ะ…มื้อเย็นพร้อมแล้ว”
เสียงของเว่ยหยูหลันดังขึ้นที่หน้าทางเข้าห้องวิจัย
“อื้ม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
มู่เหลียงขานรับอย่างไม่ใส่ใจ
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปลูบหัวโหย่วเฟ่ยเบาๆ และพูดขึ้น
“ไปกินมื้อเย็นกันเถอะ วันนี้ทำงานมาทั้งวันแล้ว เธอควรได้พักบ้าง”
“แต่ฉันยังไม่เหนื่อยเลย เรายังทดลองได้อีกหน่อย”
โหย่วเฟ่ยพูดเบาๆ
“งานวิจัยทดลองพวกนี้ต้องใช้ความคิด เพราะงั้นต้องพักสมองให้เยอะๆ”
มู่เหลียงให้คำแนะนำอย่างอ่อนโยน
โหย่วเฟ่ยที่ได้ยินก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ และรับรู้ว่ามู่เหลียงเป็นห่วงเธอขนาดไหน
ทั้งสองเดินกลับเข้ามาในตำหนัก และตรงไปยังห้องอาหารซึ่งทุกคนรออยู่แล้ว
“มู่เหลียงนั่งก่อนสิ”
มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน และเรียกให้มู่เหลียงนั่งลง
“มาแล้ว มาแล้ว”
มู่เหลียงตอบด้วยท่าทางที่อ่อนโยน
แล้วสาวใช้ก็ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้มู่เหลียงนั่งลง
หลังจากนั้นเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นและคีบมะเขือเทศขึ้นมาหนึ่งชิ้นและกิน
เมื่อเห็นดังนั้นบรรดาสาวๆ ก็เริ่มกินด้วยเช่นเดียวกัน
หยู่ฉินหลานเหลือบมองโหย่วเฟ่ย ที่มีใบหน้าแดงก่ำอยู่ตลอดเวลา และเกิดความคิดแปลกๆ ในใจของเธอ
มู่เหลียงได้ทำอะไรกับเธอรึป่าวนะ?
ก่อนที่เธอจะเอียงหัวไป และถามขึ้น
“การทดลองวันนี้เป็นไงบ้าง”
“ได้แค่แนวทางเล็กน้อยเท่านั้น..”
โหย่วเฟ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูคลุมเครือ
มู่เหลียงได้ยินก็อธิบายต่อ
“ตัวทดลองที่ใช้เป็นผีมายาขั้น 9 เพราะงั้นการทดลองแบบที่เคยทำจึงไม่ได้ผลเท่าไหร่”
“นั่นสินะ สมกับเป็นผีมายาขั้น 9”
หยู่เฟ่ยหยานกับซิไป่ฉีพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับเคี้ยวแก้มตุ้ย
“ระวังตัวด้วย”
ลี่เยว่เตือนเบาๆ
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก มู่เหลียงนั่งคุ้มกันฉันตลอดเวลา”
โหย่วเฟ่ยพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา พร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้น
ได้อยู่กับคนที่ชอบตลอดช่วงบ่าย ไม่ให้ใจฟูคงเป็นไปไม่ได้หรอก
“ดีแล้ว”
ลี่เยว่พูดพร้อมกับเหลือบมองมู่เหลียง
และเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นเหมือนกัน
“ยังมีเวลาอีกห้าเดือนก่อนที่คลื่นภูติจันทรุปราคาจะเกิด เพราะงั้นไม่ต้องรีบร้อน”
มู่เหลียงกล่าวอย่างใจเย็น
“มู่เหลียง…ฉันมีเรื่องดีๆ จะมาบอกเหมือนกัน”
อยู่ๆ ฮู่เตียนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“เรื่องดีๆ…”
แล้วทุกคนก็หันไปมองฮู่เตียนเป็นสายตาเดียวกัน
“วันนี้ที่หอสมบัติเราได้ไข่พิเศษมาใบหนึ่ง”
ฮู่เตียนยิ้มมุมปากและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูมีลับลมคมใน
“ไข่ของอะไร?”
ทุกคนเริ่มอยากรู้ขึ้นมาทันที
“พี่ฮู่เตียน บอกพวกเราเถอะ”
หยู่เฟ่ยหยานถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ใช่ บอกมาเถอะ อย่าทำตัวเหมือนมู่เหลียงเลย”
ซิไป่ฉีพูดขึ้น
ทำให้ทุกคนหันไปมองมู่เหลียง และรู้ว่าสิ่งที่ซิไป่ฉีพูดนั้นคือเรื่องจริง
“....”
มู่เหลียงที่เห็นก็ถึงกับหางตากระตุก
ฮู่เตียนยิ้มหวานๆ และพูดอย่างขี้เล่น
“ฉันเอาไปไว้ที่ห้องทำงานของมู่เหลียงแล้ว เอาไว้ไปดูหลังกินมื้อเย็นก็ได้”
เธอพูดจบก็ทิ้งจังหวะเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ
“ไข่นั้นจะทำให้มู่เหลียงประหลาดใจแน่นอน”
มู่เหลียงหางคิ้วยกขึ้น และเกิดความอยากรู้อย่างท่วนทนทันที ไข่แบบไหนกันที่ฮู่เตียนนำมาให้เขา?
คำพูดของฮู่เตียนทำให้ทุกคนเริ่มกินมื้อเย็นเร็วขึ้น
งั้มๆ
หยู่เฟ่ยหยานกินซาลาเปาเนื้อ เข้าไปคำโตจนน้ำซุปในเนื้อซาลาเปาหยดออกมาจากปาก
หยู่ฉินหลานที่เห็นก็ตีหลังลูกสาวอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องรีบกิน เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
“อู้ อี้ อ้อ”
หยู่เฟ่ยหยานส่งเสียงออกมาพร้อมกับแสดงท่าทางด้วยมือ แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อสาร
ซิไป่ฉีมองหยู่เฟ่ยหยานก่อนที่จะเร่งความเร็วในการกินด้วยเช่นเดียวกัน
นี้พวกเธอกำลังแข่งกินเร็วรึไง? มู่เหลียงเห็นก็ได้แต่ขำอยู่ในใจ ไม่คิดว่าไข่ใบเดียวจะทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นได้ขนาดนี้
ลี่เยว่มองดูฮู่เตียน และถามเบาๆ
“มันเป็นไข่ของสัตว์อสูรวิญญาณงั้นหรอ”
ฮู่เตียนส่ายหัว
“ไข่สัตว์อสูรหายาก?”
หยู่ฉินหลานถาม
ฮู่เตียนก็ยังส่ายหัวปฏิเสธ พร้อมกับหางทั้งแปดของเธอที่เคลื่อนไหวไปมาเบาๆ
การไม่ตอบคำถามของฮู่เตียนยิ่งทำให้คนอยากรู้มากขึ้น
ถ้าไม่ใช่ไข่ของสัตว์อสูรวิญญาณ กับไข่สัตว์อสูรหายาก แล้วมันคืออะไร
“พี่ฮู่เตียน บอกฉันหน่อยได้ไหมนิดนึงก็ได้นะ นะ นะ”
มินโฮทำสายตาอ้อนวอน และแววตาหน้าสงสารใส่ฮู่เตียน
“ไม่ได้หรอก พูดออกมาตอนนี้…ก็ไม่ลุ้นสิ”
ฮู่เตียนส่ายหัวอย่างหนักแน่น
แววตาของมู่เหลียงฉายออกเป็นประกาย และถามอย่างนุ่มนวล
“ถ้ามันไม่วิเศษอย่างที่เธอว่า ฉันคงต้องลงโทษเธอ”
“ลงโทษงั้นหรอ…ลงโทษแบบไหนกันล่ะ”
ฮู่เตียนหางคิ้วยกขึ้นและมองมู่เหลียงด้วยสายตาที่เย้ายวน
“....”
มู่เหลียงยิ้มแห้งและแอบบ่นในใจ จิ้งจอกก็เป็นจิ้งจอก
“เมื่อถึงเวลาเธอจะรู้เอง”
มู่เหลียงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
หยู่เฟ่ยหยานรีบเคี้ยวเสร็จก็พูดขึ้น
“เห็นไหม พี่ฮู่เตียนเลียนแบบมู่เหลียงมาจริงๆ ด้วย”
“....”
มู่เหลียงถึงกับชะงักเล็กน้อย ไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะเป็นที่จดจำขนาดนี้
ก่อนที่เขาจะหันไปถามเปลี่ยนเรื่อง
“วันนี้การฝึกโดดร่มเป็นไงบ้าง”
“การฝึกเป็นไปได้ด้วยดี”
หยางปิงตอบ
หนี่จี่ชาได้พูดเสริมต่อ
“มีทหารบาดเจ็บไม่มาก หนักสุดขาหัก 5 ราย นอกนั้นเป็นแผลถลอก และทุกคนได้รับการรักษาแล้ว”
“มีอะไรเสนอแนะเกี่ยวกับตัวร่มชูชีพอีกไหม ฉันจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้”
มู่เหลียงถามอย่างใจเย็น
“ยังไม่พบปัญหาอะไรตอนนี้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นฉันจะรีบรายงานทันที”
หยางปิงกล่าวอย่างจริงจัง
“ดี”
มู่เหลียงพยักหน้าอย่างพอใจ และกินมื้อเย็นต่อ