ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ข้า หนิงโจว เป็นเพียงคนธรรมดา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 ตราประทับพุทธะมาร

ตอนที่ 7 ให้หนิงโจวกลับบ้าน


ตอนที่ 7 ให้หนิงโจวกลับบ้าน

ในจวนตระกูลหนิง หนิงเซียวเหริน ผู้เป็นนายน้อยของตระกูล ได้เรียก หนิงเจ๋อ เข้าพบอีกครั้ง เพื่อติดตามผลการเจรจากับ แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ

หนิงเจ๋อจำใจรายงานด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความกล้ำกลืน

เมื่อฟังจบ หนิงเซียวเหรินก็โกรธจัด เขาคว้าหยกฝนหมึกบนโต๊ะหนังสือแล้วขว้างออกไปด้วยแรงโทสะ

หยกฝนหมึกกระแทกเข้าที่หน้าผากของหนิงเจ๋ออย่างจัง เลือดสดๆไหลซึมออกมาทันที

หนิงเจ๋อไม่กล้าแม้แต่จะเช็ดเลือด เขาคุกเข่าลงกับพื้นทั้งสองข้าง พลางร้องไห้เสียงดัง “นายน้อย! มิใช่ว่าข้าน้อยไม่พยายาม ข้าได้ทุ่มเททุกสิ่งที่มีแล้ว แต่แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับนั้นช่างดื้อรั้นยิ่งนัก! มิว่าข้าจะพูดเช่นใด เขาก็มิฟัง”

“ข้าไร้ความสามารถเกินไป งานเช่นนี้เกินกำลังข้าจริงๆ”

“นายน้อยวางใจในตัวข้าเกินไป ข้าคือผู้ที่ท่านประเมินสูงเกินจริง งานสำคัญเช่นนี้ ข้าไม่มีทั้งความมั่นใจและความสามารถที่จะทำให้สำเร็จได้เลย”

หนิงเจ๋อไม่กล้ากล่าวถึงเรื่องที่เขาแอบวางแผนใช้ สามภูตผีแห่งตระกูลหวง เพราะเป็นการกระทำตามอำเภอใจของเขาเอง และล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

เขาอยากทิ้งงานนี้มานานแล้ว และเมื่อสถานการณ์เลวร้ายถึงที่สุด เขาจึงตัดสินใจยอมรับความล้มเหลวโดยสมบูรณ์ พร้อมประกาศชัดว่าเขาไม่อาจทำภารกิจนี้ได้

“เจ้า…เจ้า…เจ้า!” หนิงเซียวเหรินชี้นิ้วไปที่หนิงเจ๋อด้วยมือที่สั่นเทา คำพูดติดอยู่ในลำคอเพราะความโกรธ

เขาหายใจแรง พิงหลังกับพนักเก้าอี้ และนิ่งอยู่นาน ก่อนจะโบกมืออย่างอ่อนใจ “งานง่ายๆเช่นนี้ เจ้ายังทำไม่ได้! ช่างเถอะ ข้าจะมอบหมายให้ผู้อื่นทำแทน เจ้าออกไปเสีย! แค่เห็นเจ้าก็ทำให้ข้าปวดหัวแล้ว”

หนิงเจ๋อรีบขออภัยแล้วเดินถอยออกไป ทว่าขณะที่เขากำลังจะพ้นประตู เสียงของหนิงเซียวเหรินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ช้าก่อน!”

หัวใจของหนิงเจ๋อหล่นวูบลง เขารีบหันกลับมาพร้อมโค้งคำนับ “นายน้อยมีสิ่งใดจะสั่งการหรือ?”

หนิงเซียวเหรินเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นราบเรียบขึ้น “ข้าได้ตรวจสอบรายชื่อผลการสอบใหญ่ในครั้งนี้ เห็นว่าหนิงโจวก็อยู่ในรายชื่อด้วย”

“เขาสอบได้ที่ 31 เจ้าในฐานะผู้เป็นลุง มีคำชี้แจงหรือสิ่งใดจะกล่าวถึงเรื่องนี้หรือไม่?”

หนิงเจ๋อ แสดงสีหน้าฝืนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “พูดถึง เสี่ยวโจว ข้าน้อยก็ลำบากใจยิ่งนัก นายน้อย”

“เด็กมันโตแล้ว เห็นแต่ปีกของตัวเองแข็งแรง พอสอบเสร็จเมื่อวานก็ทะเลาะกับข้าและภรรยาเสียใหญ่โต”

“เฮ้อ บางทีอาจเป็นเพราะเสี่ยวโจวกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่เด็ก เราสองคนดูแลเขาไม่ดีพอ ทำให้เขามีนิสัยแปลกๆ และชอบอยู่ตัวคนเดียว เขาดื้อรั้นยิ่งนัก ไม่ยอมรับการช่วยเหลือ ไม่อยากให้พวกเราวิ่งเต้นใช้เส้นสาย เพราะเขากลัวเสียหน้า”

นายน้อยของตระกูลหนิงเซียวเหรินจ้องเขม็ง “หืม?”

“หนิงเจ๋อ เจ้าก็รู้ดีว่าบิดาของหนิงโจว คือ หนิงจง น้องชายแท้ๆ ของเจ้า เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าเคยให้สัญญากับเขาและภรรยาว่า จะดูแลหนิงโจวให้ดี และช่วยเขาในการบ่มเพาะ”

“เด็กไม่เข้าใจ เจ้าก็ยังไม่เข้าใจหรือ?”

หนิงเจ๋อรีบโค้งตัวกล่าวด้วยความลนลาน “นายน้อย ข้าเข้าใจเจตนาของท่านดี ข้าจะกลับไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมเสี่ยวโจวให้เปลี่ยนใจ”

“อืม!” นายน้อยของตระกูลโบกมือ พลางกล่าวคำเตือนหนักแน่น “เรื่องเล็กแค่นี้หากเจ้าทำไม่ได้อีก เจ้าก็ไม่เหมาะจะเป็นผู้ดูแลการจัดซื้ออีกต่อไป!”

หัวใจของหนิงเจ๋อเหมือนถูกก้อนหินใหญ่ทับไว้ ขณะเดินกลับบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาของเขา หวังหลาน เห็นบาดแผลที่หน้าผากของสามี ก็ตกใจจนร้องลั่น “ท่านพี่! ท่านได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ก็เพราะนายน้อยลงมือสั่งสอนข้าน่ะสิ” หนิงเจ๋อถอนหายใจยาว

หวังหลานกัดฟันกล่าวอย่างโกรธแค้น “หนิงเซียวเหรินคนนี้! หากเขาเก่งจริง ทำไมไม่ไปหาวิธีดึงตัว แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ด้วยตนเอง กลับเอาแต่ใช้งานผู้อื่น นี่มันอะไรกัน!”

ขณะที่บ่น นางก็ช่วยทำแผลให้สามีอย่างเบามือ

ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้หนิงเจ๋ออดที่จะกระตุกริมฝีปากไม่ได้ เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่างน้อย ข้าก็ใช้โอกาสนี้โยน เผือกร้อน อันนี้ทิ้งไปได้แล้ว”

“แต่กระนั้น หนิงเซียวเหรินก็ยังมอบหมายอีกเรื่องให้ข้าทำ”

“อา…คราวนี้เป็นเรื่องวุ่นวายของหนิงโจว!”

จากนั้นหนิงเจ๋อก็เล่าเรื่องอย่างย่อให้ภรรยาฟัง

เมื่อภรรยาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าของนางก็แสดงความไม่พอใจทันที ดวงตาเบิกโพลงคล้ายแมวที่กำลังโกรธ นางกล่าวเสียงดังว่า

“กระไรนะ? เราจะต้องเสียเงินเพื่อให้เขาได้ใช้เส้นสาย เข้าไปทำงานในกิจการของตระกูลจริงๆหรือ?”

“ไม่ ข้าไม่เห็นด้วย!”

“จะต้องใช้เงินมากเพียงใดกัน?”

“เราเลี้ยงดูเขามาจนโตขนาดนี้ก็เหนื่อยยากพอแล้ว บัดนี้ยังต้องเสียเงินอีกหรือ?”

หนิงเจ๋อถอนหายใจหนักๆ ก่อนกล่าวว่า

“เขาใช้ชีวิตในสำนักศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน มีเพียงค่าใช้จ่ายประจำวันเล็กน้อยเท่านั้น นั่นแทบไม่นับเป็นอะไรเลย”

“ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่มารดาของเขาจะเสียชีวิต นางก็ทิ้งเงินก้อนหนึ่งไว้ให้นี่นา”

หวังหลานรีบแย้งขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“ท่านเข้าใจผิดหรือไม่ เงินก้อนนั้นมันเป็นของเรา!”

“วันนั้นที่มารดาของหนิงโจวนอนอยู่บนเตียง ข้าเองที่ถูกนางดึงมือไว้ แล้วมอบเงินก้อนนั้นให้กับข้า”

“ตอนนั้น ท่านก็อยู่ด้วย และยังมีผู้อาวุโสในตระกูลอีกหลายคนเป็นพยาน”

“นางกล่าวอย่างชัดเจนว่า เงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินเลี้ยงดูสำหรับหนิงโจว แต่มันคือ ของขวัญขอบคุณ ที่นางมอบให้เรา!”

“เงินก้อนนี้มันเป็นของเรา! เราจะใช้มันอย่างไรก็ย่อมได้”

หนิงเจ๋อแค่นหัวเราะเย็นชา ก่อนกล่าวว่า

“ก็เพราะเป็นเช่นนั้น เราจึงต้องไม่ทำให้หนิงโจวลำบากจนเกินไป”

“เขาคือหลานชายแท้ๆของข้า ข้าเป็นลุงของเขา คราวนี้เขาสอบได้ที่ 31 ข้าจะไม่ช่วยเหลือเลยก็ดูจะไม่เหมาะสม”

หวังหลานกัดฟันแน่น ดวงตาวาวโรจน์ นางยังคงยืนกรานไม่ยอม

“จะให้ข้าควักเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ ข้าว่าให้ฆ่าข้าเสียยังง่ายกว่า!”

“หนิงโจวที่ไม่เคยทำให้เราสบายใจ รวมถึงหนิงเซียวเหรินผู้ละโมบผู้นั้น สมควรตายทั้งคู่!”

“สามี ท่านยังมองไม่ออกอีกหรือ? หนิงเซียวเหรินตั้งใจโยนเรื่องนี้มาให้ท่าน ก็เพื่อให้ท่านต้องมอบของขวัญ ส่งส่วยผ่านเขา เพื่อให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้!”

“ท่านยังไม่รู้หรือว่า คนอย่างหนิงเซียวเหรินมันเป็นคนเช่นไร? มีจิตใจคิดคดเพียงใด?”

“มันเป็นคนที่ใจกว้างแค่ในคำพูด แต่แท้จริงแล้วเป็นคนจิตใจคับแคบและไร้ความเมตตา! สิ่งที่มันสัญญาในวันนี้ พรุ่งนี้มันก็อาจอ้างว่า ลืมไปแล้ว ได้หน้าตาเฉย!”

“ในอดีต เราก็คิดว่าเพราะมีสายสัมพันธ์เช่นนี้ การทำเรื่องต่างๆย่อมง่ายขึ้น แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น! เมื่อเรามีเรื่องต้องพึ่งพาเขา เขาก็ผลัดไปมา หรือไม่ก็เรียกร้องเงินทองจากเรา”

“เพื่อให้ท่านมีตำแหน่งผู้ดูแลการจัดซื้อ เราต้องพึ่งพาหนิงเซียวเหริน และเขาเรียกร้องเงินจากเราไปเท่าใด? มากกว่าคนอื่นถึงสามเท่า!”

“ตอนนี้ เขาก็แค่ต้องการใช้เรื่องของหนิงโจวมารีดไถเงินเราอีกครั้งเท่านั้น!”

“ถ้าเขาเคยคิดถึงบุญคุณที่หนิงจงช่วยชีวิตเขาไว้ เหตุใดตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยสนใจไยดีหนิงโจวเลยสักครั้ง? หากเขาอยากตอบแทนบุญคุณจริงๆ เขาก็สามารถจัดการให้หนิงโจวเข้าร่วมกิจการของตระกูลได้เองอยู่แล้ว! เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลเชียวนะ”

“หน้าซื่อใจคด! น่ารังเกียจที่สุด!”

หนิงเจ๋อถอนหายใจยาว “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? สิ่งที่เขาสื่อชัดเจนนัก หากข้าทำงานนี้ล้มเหลว และไม่รีบประจบสอพลอเขา ส่งของขวัญไปให้ เขาก็จะปลดข้าออกจากตำแหน่งผู้ดูแลการจัดซื้อแน่นอน!”

หวังหลานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “ท่านพี่! ท่านจะยอมให้เขารีดไถเงินเรางั้นหรือ? ท่านไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือ?”

“อย่าลืมว่าเรามีลูกชายอย่างจี้เอ๋อร์ เขาต้องการทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะเช่นกัน! เราจะให้เขาได้อย่างไร? แม้แต่ขนมไหมทองหยาดหยก จากหออาหารทองคำ เรายังไม่อาจซื้อให้เขาได้อย่างเพียงพอ!”

ใบหน้าของหนิงเจ๋อดูเคร่งขรึมขึ้น เขาตะคอกเบาๆด้วยเสียงเข้ม “เพ้อเจ้อ!”

“ขนมไหมทองหยาดหยกนั่น ต่อให้เป็นผู้ดูแลระดับสูงสุด ก็ไม่อาจกินมันเป็นของว่างได้ทุกวันหรอก!”

“อย่าเพิ่งร้อนใจนัก ข้าขอเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รอบคอบก่อน”

แม้หนิงเจ๋อจะรับฟังเรื่องการใช้เงินเพื่อวิ่งเต้นให้หนิงโจวเข้าสู่กิจการของตระกูล แต่ในใจลึกๆ เขารู้สึกต่อต้านอย่างยิ่ง

ต่างจากหวังหลาน หนิงเจ๋อไม่ได้ห่วงเรื่องเสียเงิน แต่เขาห่วงศักดิ์ศรีของตนเองมากกว่า

เมื่อหนิงโจวทะเลาะกับเขาและภรรยาอย่างหนัก ทั้งยังดื้อรั้นไม่ยอมรับการช่วยเหลือ หนิงเจ๋อรู้สึกว่าการที่เขาต้องวิ่งเต้นช่วยเหลือหลานชายเช่นนี้ ทำให้เขาเสียหน้าราวกับเป็นเพียงข้ารับใช้ ไม่ใช่ ผู้อาวุโสในตระกูล อย่างที่ควรจะเป็น

(January 23rd 2025: หยุดไปสองสัปดาห์เพื่อไปแปลเรื่องเฟิงชิงหยางให้ชนต้นฉบับ บัดนี้จักมาเริ่มแปลหนิงโจวอย่างเต็มที่แล้ว)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด