ตอนที่ 4 เปิดเผยกลไก
ตอนที่ 4 เปิดเผยกลไก
หนิงโจวเดินมาหยุดที่เตาหลอมตรงมุมห้อง
ในเตาหลอมมีเปลวไฟลุกโชติช่วง ภายในเปลวไฟนั้น มี ลิงกลไก สูงครึ่งตัวคนยืนหยัดอยู่ กำลังทนรับความร้อนแรงจากเปลวไฟ
โครงกระดูกของลิงกลไกตั้งตรงแน่ว ขนสีแดงสดทั่วร่างดูราวกับมีชีวิตจริง แต่กล้ามเนื้อของมันกำลังละลายอย่างช้าๆ จากเปลวไฟและไหลออกมาจากรอยแยกต่างๆ
ตำหนักเซียนลาวาซ่อนตัวอยู่ภายในแมกมาในภูเขาไฟ หนิงโจวจึงต้องควบคุมวานรเพลิงระเบิดนี้ พร้อมแบกไฟวิญญาณกว่าพันชั่ง ลุยผ่านแมกมาที่เข้มข้น และแนบตัวลิงไปกับผิวของตำหนักเซียนเพื่อทำการระเบิดตัวเอง
แต่ในตอนนี้ กล้ามเนื้อของมันไม่สามารถทนทานต่อความร้อนได้
“เงินอ่อนลายเมฆาใช้ไม่ได้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ”
หนิงโจวนั่งลงที่โต๊ะทำงาน และเริ่มทดลองตามแผนการของเขา คืนนี้เขาจะลองใช้ดินมันควันแดง
ดินมันควันแดงสีแดงน้ำตาลส่งกลิ่นฉุนรุนแรง
หนิงโจวหยิบค้อนไม้อันเล็กขึ้นมา แล้วเริ่มต้นตีดินมันอย่างระมัดระวัง
ทุกครั้งที่ค้อนไม้กระทบกับดิน จะเกิดเสียงทึบทุ้มดัง “ปึง ปึง” พร้อมทั้งช่วยสลายก้อนดินแข็งๆภายใน ทุกครั้งที่เกิดประกายไฟจากดินมัน ค้อนไม้จะปล่อยไอเย็นออกมาเพื่อดับประกายไฟในทันที
หนิงโจวได้ออกแบบและพัฒนา ค้อนไม้อันเล็ก นี้ขึ้นมาเฉพาะเพื่อใช้จัดการกับดินมันควันแดง
หากกรรมการสอบใหญ่เห็นสิ่งนี้เข้า ย่อมต้องยกย่องให้คะแนนวิชาสัญลักษณ์กลไกของหนิงโจวเป็นระดับพิเศษอย่างแน่นอน
ปกติแล้ว การประเมินผลมักใช้เพียงสามระดับคือ ระดับต่ำ ระดับกลาง และ ระดับสูง
แต่ระดับพิเศษนั้นหายากยิ่งนัก บางปีอาจไม่มีผู้ใดได้รับเลย ระดับนี้หมายถึงความสามารถที่เกินมาตรฐานปกติจนไม่สามารถวัดผลด้วยเกณฑ์ธรรมดาได้
เมื่อหนิงโจวจัดการดินมันจนไม่มีเศษดินแข็งหลงเหลืออีกแล้ว พื้นผิวของดินสีแดงน้ำตาลนั้นปรากฏชั้นของ น้ำมันเพลิง เคลือบอยู่บางๆ
หนิงโจวหยิบผ้าฝ้ายเนื้อบางขึ้นมาคลุมดินมันควันแดง
เมื่อเขาส่งพลังวิถีเข้าไป ค่ายกลขนาดเล็กที่วางอยู่บนผ้าฝ้ายก็เริ่มทำงาน ดูดซับน้ำมันเพลิงออกจากดินมันอย่างรวดเร็ว
ผ้าผืนนี้เป็นสิ่งที่หนิงโจวออกแบบขึ้นเช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ใช้ยันต์สัญลักษณ์ หากแต่เป็นการวางค่ายกลขนาดเล็กลงไป
ระดับฝีมือการจัดวางค่ายกลบนผ้าผืนนี้ก็เป็นระดับพิเศษเช่นเดียวกัน
หนิงโจวตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าดินมันควันแดงถูกจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว จากนั้นจึงเริ่มลงมือปั้นและนวด
ดินมันที่ผ่านการจัดการมาแล้วมีความเหนียวหนึบอย่างดี หนิงโจวนวดจนได้ความยืดหยุ่นและละเอียดเป็นพิเศษ ในขณะที่เศษสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่ในดินมันก็ถูกพลังวิถีของเขาชะล้างออกจนหมดสิ้น
เขาเริ่มถอดชิ้นส่วนแขนของลิงกลไกออก ก่อนนำดินมันที่จัดเตรียมไว้มาเคลือบบนโครงกระดูกแขน
นิ้วทั้งสิบของหนิงโจวขาวสะอาด เมื่อสะท้อนแสงจากโคมวิญญาณในห้อง ทำให้การเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่วว่องไว เขาจดจ่ออยู่กับงานอย่างสมบูรณ์แบบ ลืมเลือนแม้กระทั่งการเคลื่อนผ่านของเวลา ขณะนี้ เขาเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความตั้งใจและความมุ่งมั่น
ดินมันควันแดงถูกปั้นขึ้นรูปจนกลายเป็นชั้นกล้ามเนื้อสีแดงสดแนบเนียนอยู่บนโครงกระดูกแขน
แต่หนิงโจวไม่ได้เพียงแค่ปั้นรูปทรงภายนอกเท่านั้น เขายังส่งพลังวิถีเข้าไปภายในดินมันเพื่อจัดโครงสร้างด้านในอีกด้วย
หากใช้มีดเล่มเล็กผ่าชั้นกล้ามเนื้อออก จะเห็นว่าโครงสร้างด้านในของดินมันถูกจัดเรียงเป็นชั้นกล้ามเนื้ออย่างสมจริง
ความเชี่ยวชาญด้านการขึ้นรูปวัสดุของหนิงโจวนั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง หากผู้อาวุโสในสำนักศึกษาได้เห็นสิ่งนี้ ย่อมต้องตกตะลึง
หากเขาเปิดเผยฝีมือนี้ออกไป ย่อมถูกยกให้เป็นศิษย์ต้นแบบของปีนี้อย่างแน่นอน เพราะการปรากฏตัวของเมล็ดพันธุ์การสร้างกลไกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ย่อมส่งเสริมชื่อเสียงและความสามารถของผู้อาวุโสในสำนักศึกษา
หลังจากปั้นรูปทรงเสร็จสิ้น หนิงโจวเริ่มทดสอบการทำงานของแขนลิงกลไก
ผลลัพธ์… ไม่ผ่าน
ดินมันควันแดงมีความทนต่อความร้อนที่ยอดเยี่ยม แต่กลับเข้ากันได้ไม่ดีกับพลังวิถี
“ต้องทำการปรับปรุง”
หนิงโจวเริ่มระลึกถึงข้อมูลที่เขาเคยศึกษา
“ดินมันควันแดงเมื่อผสมกับทรายสายฟ้า สามารถสร้างวัตถุระเบิด ใช้สำหรับระเบิดภูเขาหรือจัดการกับอสูร”
“เมื่อดินมันควันแดงผสานกับพิษ จะสามารถหลอมเป็นเม็ดยาพิษ ที่เมื่อแตกออกจะปล่อยหมอกพิษไฟ ใช้ป้องกันศัตรูหรือเสริมการป้องกัน”
“ดินมันควันแดงยังสามารถผสมกับถ่านหิน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ได้นานในเตาหลอมอาวุธ”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หนิงโจวพยายามจดจำทุกสิ่งที่เขาสามารถเข้าถึงได้
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขามักใช้เวลาในหอสมุดของตระกูล ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจนแทบไม่กินไม่หลับ
ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าหนิงโจวที่ดูธรรมดาแท้จริงแล้วเป็น “หอสมุดเคลื่อนที่ในร่างมนุษย์”
หนิงโจวรำลึกถึงความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับดินมันควันแดง แต่ยังไม่พบหนทางในการปรับปรุงให้เหมาะสม
“ไม่เป็นไร ข้าจะออกแบบสูตรด้วยตัวเอง!”
ดวงตาของเด็กหนุ่มฉายแววมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ดินมันควันแดงมีคุณสมบัติอบอุ่น สัมพันธ์กับหัวใจและตับ น้ำมันเพลิงสามารถระเหยความชื้นและความเย็นออกจากกระดูก ใช้รักษาอาการปวดท้องจากความหนาวเย็นได้ในปริมาณน้อย”
“หากผสมกับน้ำจันทร์ในบ่อ เพื่อปรับสมดุลความร้อนและเย็น อาจลดน้ำหนักของดินมันได้”
“หรือถ้าใช้ ขนหางปลายปีกนกเซียนเป็นตัวประสาน ร่วมหลอมรวมกัน อาจช่วยเพิ่มคุณสมบัติความเบาและการกระจายตัว ทำให้ดินมันแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่”
“อีกทางเลือกหนึ่ง อาจใช้ปุยหลิวจากหลิวเร้นวิญญาณผสมกับดินมัน โดยอ้างอิงสัดส่วนจากสูตรเม็ดยาเบาล่องลอย หรือผงขจัดมัวหมอง เพื่อปรับปรุงน้ำหนักและคุณสมบัติ”
ด้วยสติปัญญาอันเฉียบคมและความเข้าใจเชิงลึกในหลักเภสัชวิทยา หนิงโจวจึงสามารถร่างสูตรใหม่ได้หลายรูปแบบอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่แสดงความสามารถด้านนี้ ตระกูลหนิงย่อมไม่ลังเลที่จะยึดตัวเขาไว้ และยกย่องเขาในฐานะอัจฉริยะด้านการหลอมยา
หนิงโจวเริ่มทดลองหลอมรวมวัสดุใหม่ทันที
เขารื้อค้นคลังวัตถุดิบของตน พบว่าอย่างน้อยสามารถลองได้ถึงเจ็ดวิธี
น้ำจันทร์ในบ่อ?
ล้มเหลว
ดินมันที่ได้มีความเหนียวลดลง น้ำหนักลดลงเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพต้านไฟลดลงมาก
ขนหางปลายปีกนกเซียน?
ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ผลลัพธ์ไม่ใช่ดินอีกต่อไป แต่กลายเป็นกองฝุ่นที่ไม่มีประโยชน์
หนิงโจวกลับรู้สึกยินดี “ลักษณะธาตุลม ของขนนกนั้นชัดเจนมาก ข้าได้เข้าใจวัสดุชนิดนี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”
เขาลองใช้ ปุยหลิวจากหลิวเร้นวิญญาณ ในครั้งที่สาม
ผลลัพธ์คือ ดินมันที่ได้มีลวดลายปุยหลิวปรากฏบนพื้นผิว ความเหนียวคงเดิม ความทนไฟลดลงเล็กน้อย แต่กลับมีน้ำหนักลดลงอย่างมาก การทดสอบในด้านอื่นๆผ่านทั้งหมด
“โชคดีนัก! ไม่นึกว่าการทดลองครั้งที่สามจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ…เอ๊ะ”
ยังไม่ทันที่หนิงโจวจะดีใจ ลวดลายปุยหลิวบนดินมันกลับลอยขึ้นสู่ผิวหน้า ก่อให้เกิดการแยกชั้นระหว่างส่วนที่บริสุทธิ์และส่วนที่ขุ่นมัว ทำให้ดินมันเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
ดินมันใหม่นี้ไม่คงตัว!
หนิงโจวพยายามครั้งที่สี่ แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
หลังจากครุ่นคิด เขาไม่ได้รีบไปทดลองวิธีถัดไป แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับการพัฒนาแนวทางการใช้ปุยหลิวจากหลิวเร้นวิญญาณ
“วิธีนี้ใกล้จะสำเร็จแล้ว มันมีความเข้ากันได้กับพลังวิถีทุกประเภท สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำให้มันมีเสถียรภาพ”
“จะทำอย่างไรดี?”
ปัญหาเก่าถูกแก้ไข แต่ปัญหาใหม่กลับปรากฏขึ้น
หนิงโจวไม่มีทีท่าหมดกำลังใจ ตรงกันข้าม เขากลับยิ่งกระตือรือร้น การขบคิดทำให้เขารู้สึกสนุกและมีความสุขอย่างลึกซึ้ง
เขาหลงใหลในกระบวนการออกแบบนี้ การคิดวิเคราะห์ไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยหน่าย แต่กลับมอบความสุขจากการได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่
เขารู้ว่าเขากำลังสร้างสิ่งที่ไม่มีในธรรมชาติ!
ความคาดหวังและความสำเร็จนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนได้
สำหรับผู้อื่น นี่อาจเป็นความทุกข์ทรมาน แต่สำหรับเขา นี่คือความสุขที่หาได้ยาก
เวลาเคลื่อนผ่านไปโดยไร้เสียง หนิงโจวที่กำลังจมอยู่ในความคิดไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย
ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่จู่ๆแววตาของเขาก็เปล่งประกาย
“การแก้ปัญหานี้ต้องใช้ ค่ายกลเคลื่อนที่”
แต่วิชาความรู้นี้เกินกว่าที่สำนักศึกษาตระกูลหนิงจะสอน
หนิงโจวลุกขึ้น เดินไปมาในห้องใต้ดินอยู่สองสามรอบ
หลังจากไตร่ตรองสักพัก เขาก็หยุดเดิน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ราวกับตัดสินใจได้แล้ว
“เฉินชา…บุรุษผู้ได้รับสมญานาม ค่ายกลมีชีวิต เขาเชี่ยวชาญค่ายกลเคลื่อนที่อย่างยิ่ง ที่สำคัญ เขายังเป็นปรมาจารย์ด้านกลไกอีกด้วย”
“ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องไปพบเขา”