ตอนที่ 270
ตอนที่ 270
“เอาล่ะ อย่าทะเลาะกัน!” เห็นลั่วชิงฮวนจะทะเลาะกับคนอื่นอีกแล้ว เทียนเต๋าก็รีบมาห้าม “ตอนนี้เธอยังไม่มีฉายา ให้อภัยเธอหน่อย”
“ครั้งนี้ก็ให้ ครั้งหน้าก็ให้ พอได้ฉายาก็ต้องอัพเลเวล” ลู่คังพูดเบาๆ “ผมต้องให้อภัยเธอถึงเมื่อไหร่?”
“นั่นสินะ” เทียนเต๋าพยักหน้า ที่จริงก็เพราะมอนสเตอร์มีไม่เยอะ ถ้าเยอะๆ ก็ไม่ต้องแย่งกัน ฆ่ายังไงก็ไม่หมด เหมือนกับเมื่อกี้...
“งั้นผมจะล่อมอนสเตอร์มาเยอะๆ พวกเธอก็ระวังตัวด้วย” เทียนเต๋าพูดจบก็มองไปในฝูงมอนสเตอร์ ก็เห็นปีศาจราตรีตัวหนึ่ง จากนั้นเขาก็ปาอาวุธลับไปที่ปีศาจราตรีตัวนั้น
ฟิ้ว!
-100
ดาเมจของอาวุธลับไม่ได้สูง แต่ก็ทำให้ปีศาจราตรีรู้สึกถึงอันตราย พอเลือดลดไปหนึ่งในสาม ปีศาจราตรีก็ร้องเรียกเพื่อน เทียนเต๋าเห็นดังนั้นก็ดีใจ ไม่นาน ในป่าก็มีมอนสเตอร์รัตติกาลมากมาย วิ่งเข้ามา
“เอาล่ะ คราวนี้คงพอแล้ว” เขามองฝูงมอนสเตอร์ เห็นว่าไม่เพียงแต่จะมีมอนสเตอร์เยอะ ยังมีบอสมอนสเตอร์รัตติกาลอีกหลายตัว มีบอสพวกนี้อยู่ พวกเขาก็ฆ่าได้นานแล้ว แบบนี้ เทียนเต๋าก็คอยล่อมอนสเตอร์ ให้ทุกคนเก็บเลเวลฉายา บางทีเจอบอสมอนสเตอร์ที่รับมือยาก เขาก็จะช่วย แล้วก็แย่ง Last Hit แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาควรได้
ฆ่ามอนสเตอร์แบบนี้ไปทั้งคืน จนกระทั่งมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น “อิย๊าาาาาาาาาา !”
“เห้ย เสียงอะไร?” ลู่คังกำลังฆ่ามอนสเตอร์อยู่ ได้ยินเสียงน่ากลัวๆ ก็สะดุ้ง “หรือว่าจะเป็นบอส?” หลี่เม่ยเม่ยก็งง ถาม แล้วมองเทียนเต๋า
เทียนเต๋ายังไม่ทันพูด เถียนเสี่ยวก็พูดขึ้นก่อน “เสียงนาฬิกาปลุกของฉันเอง!”
“หา?” พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็งง เสียงน่ากลัวๆ นี่เป็นเสียงนาฬิกาปลุก? เธอเป็นผู้หญิงนะ ตั้งเสียงแบบนี้ได้ยังไง? ลู่คังที่โดนเสียงหลอกหลอน ก็กลอกตา เกือบจะด่าแล้ว! ในขณะที่ทุกคนกำลังกลอกตา หลี่เม่ยเม่ยกลับมองความคิดของเถียนเสี่ยวออก
“เธอตั้งนาฬิกาปลุกทำไม?” เธอรีบถาม
“ก็มันเช้าแล้วไง” เถียนเสี่ยวมองโทรศัพท์ ตอบ “ฉันจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น!”
“พระอาทิตย์ขึ้น?” พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็นึกได้ว่าก่อนหน้านี้เถียนเสี่ยวเคยบอกว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ป่าฝนหยาดฟ้า ที่แท้ก็กลัวลืมเวลา เลยตั้งนาฬิกาปลุก
“พวกเธอจะไปด้วยกันไหม?” เถียนเสี่ยวมองทุกคน
“ไป!” ลั่วชิงฮวนตอบโดยไม่ลังเล
“ฉันก็ไป!” เหลียงเมี่ยวหลิงพยักหน้า
หลี่เม่ยเม่ยไม่ได้รีบตอบ แต่มองเทียนเต๋า เหมือนกำลังรอคำตอบของเขา
“ฉันไม่ไป!” ทันใดนั้น ลู่คังก็พูดขึ้น
“ฉันไป” เทียนเต๋าไม่ได้สนใจลู่คัง กลับยิ้ม “ฉันก็อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้น!”
ถึงแม้เมื่อเช้าจะเพิ่งดูมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่อยากดูอีก เพราะเมื่อวานก็คือเมื่อวาน วันนี้ก็คือวันนี้ เมื่อวานเขากำจัดความมืดที่ป่าฝนหยาดฟ้าแบบงงๆ ตอนดูพระอาทิตย์ขึ้นก็เลยงงๆ ดีใจ ส่วนคืนนี้เป็นการปกป้องไม่ให้ความมืดกลับมา เป็นความรู้สึกประสบความสำเร็จ ความรู้สึกต่างกัน ฟีลลิ่งตอนดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ต่างไป
“งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ” เถียนเสี่ยวดีใจ รีบเร่ง “ถ้าไปสายก็ไม่ทันแล้ว”
“ใช่ๆ” ลั่วชิงฮวนก็เร่ง “ส่วนบางคน ไม่ไปก็ช่าง ไม่เห็นต้องง้อ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนละกัน” โดนพูดประชดประชัน ลู่คังก็โมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยไปก่อน
“เดี๋ยวก่อน ฉายาของนายเลเวลอัพรึยัง?” เทียนเต๋ารีบเรียกเขา
“ก็ใกล้แล้ว” ลู่คังส่ายหน้า “พรุ่งนี้ฉันเก็บเลเวลเองได้”
“นายนี่!” เทียนเต๋ายิ้มแห้งๆ แล้วเดินไปตบบ่าเขา “ไปเถอะ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปเก็บเลเวลฉายาเป็นเพื่อนนาย โอเคไหม”
“…” ลู่คังอึ้งไปเลย เขานึกว่าเทียนเต๋าจะปล่อยให้เขาไป แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้เหตุผลนี้รั้งเขาไว้ จริงๆ แล้ว เขาจะไม่อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ยังไง? ในฐานะเด็กที่เกิดในยุคเปลี่ยนอาชีพ ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ความทรงจำเดียวก็คือความรู้ในหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือ หรือผู้ใหญ่ พอพูดถึงพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก ก็จะบรรยายว่าสวยงามมาก ทำให้คนโหยหา
บ่ายเมื่อวาน เขาเห็นพระอาทิตย์ตกที่ป่าฝนหยาดฟ้าแล้ว สวยจริงๆ ก็เลยคาดหวังกับพระอาทิตย์ขึ้น แต่เมื่อกี้เขากลัวเสียหน้า เลยอายที่จะบอกว่าอยากไปดู ก็เลยแกล้งบอกว่าจะไปก่อน จากนั้นก็ค่อยไปหาที่ลับๆ ดูคนเดียว แต่เขาไม่คิดว่าเทียนเต๋าจะรั้งเขาไว้ด้วยเหตุผลนี้
“นายไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับฉัน ฉันไปฆ่ามอนสเตอร์เป็นเพื่อนนาย ตอบแทนกัน สมเหตุสมผล ใช่ไหม?”
“… ก็สมเหตุสมผล” ลู่คังคิดแต่ไม่ได้ตอบ
“ไปกันเถอะ” ในขณะที่ลู่คังกำลังคิด เทียนเต๋าก็ตบบ่าเขาอีกครั้ง ลู่คังพยักหน้าเงียบๆ เห็นดังนั้น ลั่วชิงฮวนที่กะจะพูดอะไร ก็หุบปาก ไม่นาน ทุกคนก็ออกมาจากความมืด กลับมาที่ป่าฝนหยาดฟ้า ตอนนั้นเป็นเวลาเช้ามืด ฟ้าเริ่มสว่าง เพื่อที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น ทุกคนก็หาที่ดีๆ แล้วนั่งลง
ไม่นาน ก็มีแสงส่องผ่านขอบฟ้า เป็นแสงสีแดง เห็นดังนั้น ทุกคนก็รีบลุกขึ้น จ้องไปที่ทิศทางที่พระอาทิตย์ขึ้น ไม่นาน พระอาทิตย์สีแดงก็โผล่ขึ้นมาจากภูเขา พระอาทิตย์แรกเกิดไม่ได้ร้อนแรงขนาดนั้น แต่ทุกคนก็น้ำตาไหล โดยเฉพาะเถียนเสี่ยวที่อ่อนไหว ถึงกับร้องไห้ออกมา สำหรับเธอแล้ว ตรงหน้าไม่ใช่แค่พระอาทิตย์ แต่เป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด ทิวทัศน์ที่เธอโหยหามาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็มาอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกนี้มันวิเศษเกินไป…
“สวยจัง!” หลี่เม่ยเม่ยพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ แต่หนักแน่น
“ใช่” เหลียงเมี่ยวหลิงถอนหายใจ “ไม่คิดว่าฉันจะมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ตกกับพระอาทิตย์ขึ้น”
“ต่อไปพวกเราจะได้เห็นอีกเยอะ” ลั่วชิงฮวนยิ้ม “มีทุกวัน ดูจนเบื่อไปเลย”
“แบบนั้นก็ดีสิ!” เถียนเสี่ยวเช็ดน้ำตา ยิ้ม “ฉันอยากดูทุกวัน ดูยังไงก็ไม่เบื่อแน่”
เทียนเต๋าก็ยิ้ม “ถึงตอนนั้น พระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกก็คงเป็นเรื่องปกติแล้วแน่”