ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 หนิงโจว

ตอนที่ 1 แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ


ตอนที่ 1 แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ

ตระกูลหนิง

ณ ศาลาที่ปรึกษาหารือ

ในห้องประชุมที่แสงจากโคมวิญญาณส่องสว่างเจิดจ้า เหล่าผู้อาวุโสของตระกูล รวมทั้งผู้นำตระกูลและนายน้อย ต่างมาชุมนุมพร้อมหน้า

บนมือของพวกเขามีหยกจารึกอยู่หลายชิ้น ซึ่งหยกเหล่านี้บันทึกเหตุการณ์ของการสอบใหญ่ประจำปีของตระกูลหนิงในครั้งนี้

ผู้นำตระกูลลูบไล้หยกจารึกในมือ สายตาหลับลงเล็กน้อย ภาพเหตุการณ์ภายในหยกปรากฏขึ้นในจิตสำนึกของเขา ซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน

แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ปีนี้เขาให้ความสำคัญกับการสอบหัวข้อ “ศาสตร์กลไก” เป็นพิเศษ

การสอบศาสตร์กลไกในปีนี้ ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นการควบคุม “หุ่นไม้เชือกแขวน”

เหล่าผู้เยาว์ต้องอัดพลังวิถีของตนผ่านสายเชือก ส่งพลังเข้าสู่หุ่นไม้ จากนั้นใช้เจตจำนงและพลังวิถีควบคู่กัน เพื่อขับเคลื่อนหุ่นไม้ให้แสดงท่าทางต่างๆ

ทว่า แม้กระทั่งผู้เยาว์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ก็สามารถทำได้เพียงแค่ให้หุ่นไม้เดินได้ เลื่อนตัวลอยในอากาศ หรือกลิ้งไปบนพื้นเท่านั้น

สภาพการณ์โดยรวม เรียกได้ว่าน่าเวทนาอย่างยิ่ง

ผู้นำตระกูลค่อยๆลืมตาขึ้น ถอนจิตสำนึกกลับจากหยกจารึก ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา

“การสอบใหญ่ของตระกูลครั้งนี้ ข้ากลับมองไม่เห็นเมล็ดพันธุ์ของยอดนักกลไกในหมู่ผู้เยาว์เลยแม้แต่น้อย” ผู้นำตระกูลหนิงถอนหายใจยาว

ผู้อาวุโสฝ่ายสำนักศึกษาที่แบกรับแรงกดดันอยู่ รีบกล่าวขึ้นทันที

“ผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ตระกูลหนิงของเรานั้นโดดเด่นในด้านศาสตร์ยันต์อยู่แล้ว ท่ามกลางศาสตร์แห่งการบ่มเพาะทั้งหลาย ศาสตร์กลไกนับว่าเป็นเพียงแขนงหนึ่งที่มิได้เป็นวิชาหลัก ในเมื่อรากฐานของตระกูลเราต่อศาสตร์กลไกมีน้อยนัก อีกทั้งครูผู้สอนในสำนักศึกษาก็มีเพียงความรู้ครึ่งๆกลางๆ เช่นนี้ จะให้เราปลูกฝังยอดฝีมือศาสตร์กลไกได้อย่างไรเล่า?”

ผู้นำตระกูลหนิงกล่าวปลอบประโลมว่า “จงสงบใจ ข้ามิได้มีเจตนาตำหนิเจ้า เพียงแต่ว่า ตำหนักเซียนลาวา นั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่ซ่อนอยู่ในนครเซียนกลไก ซึ่งแต่เดิมถูกสร้างขึ้นโดยสามปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ เพื่อสยบการปะทุของภูเขาเพลิงมะเดื่อ ข้าคิดว่า หากเราต้องการได้ครอบครองสมบัติและศาสตร์กลไกที่สืบทอดอยู่ในตำหนักเซียนลาวา วิธีที่ดีที่สุดคือการเริ่มต้นจากตัวของนักกลไกเอง”

“พวกเราตระกูลหนิงเพิ่งค้นพบตำหนักเซียนลาวาในปีนี้ ในขณะที่อีกสองตระกูลใหญ่ รวมถึงเจ้าเมือง ต่างทราบเรื่องนี้ล่วงหน้าไปนานแล้ว พวกเขามีเวลาในการเพาะบ่มยอดฝีมือด้านกลไกอย่างลับๆ แต่พวกเรานั้นกลับไม่มีเวลาเช่นนั้น”

“พวกเรามาทีหลัง จึงเสียเปรียบอย่างมาก ทางเดียวที่เราจะสามารถแข่งขันได้ คือการใช้ทรัพย์สินจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาเป็นผู้อาวุโสรับเชิญของตระกูล”

ผู้นำตระกูลหนิงหยิบหยกจารึกออกมาชิ้นหนึ่ง “ในนี้คือรายนามของนักกลไกผู้มีชื่อเสียงในเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ รวมถึงพื้นที่โดยรอบ พวกเจ้าจงส่งต่อและศึกษาดูเถิด”

เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ตรวจดูรายชื่อเสร็จสิ้น ผู้นำตระกูลหนิงกล่าวต่อว่า “เราต้องพยายามเข้าหานักกลไกเหล่านี้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะ แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ เขาเป็นนักกลไกในเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อที่ฝีมือยอดเยี่ยม เหมาะสมที่จะเป็นเป้าหมายอันดับแรกของเรา”

นายน้อยตระกูลหนิงกล่าวว่า “แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับมีตัวตนอันลึกลับ ไม่เคยเปิดเผยตัวต่อสาธารณะเลย แม้แต่กลไกที่เขาสร้างขึ้น ซึ่งขายดีมาก ก็ล้วนถูกนำมาขายผ่านตลาดมืดเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น”

“และตลาดมืดนั้นถูกควบคุมโดยซุนหลิงถง ซึ่งเป็นศิษย์สายนอกสำนักของสำนักปู้คง การจะเข้าถึงตัวแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับจึงมิใช่เรื่องง่าย”

ผู้นำตระกูลหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เซียวเหริน ข้ามิได้ต้องการฟังถึงความยากลำบาก ข้าต้องการคำตอบว่าเจ้าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร”

นายน้อยหนิงเซียวเหรินรู้สึกกดดันจนเหงื่อหยดลงจากหน้าผาก รีบรับคำ “ขออภัยท่านพ่อ ข้าได้สั่งการให้ผู้คนพยายามติดต่อกับตัวเขาโดยตรงแล้ว ไม่ช้านี้ย่อมมีผลแน่นอน!”

ผู้นำตระกูลหนิงจึงลูบเคราพลางกล่าวว่า “ดี เช่นนั้นข้าจะรอผลลัพธ์จากเจ้า”

หลังสิ้นสุดการประชุม นายน้อยตระกูลหนิงรีบเรียกตัวผู้ใต้บังคับบัญชา หนิงเจ๋อ เข้ามาพบในทันที

“หนิงเจ๋อ เจ้าซึ่งเป็นผู้ดูแลการจัดซื้อของตระกูลหนิงนั้น เป็นคนที่ข้าส่งเสริมขึ้นมาเอง ข้าให้เจ้าติดต่อกับแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ แต่เจ้ากลับไม่มีความคืบหน้าเลย เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่?!” นายน้อยหนิงเซียวเหรินกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

หนิงเจ๋อ ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าแสดงความทุกข์ระทม กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา หากเลือกได้ เขาย่อมไม่อยากรับหน้าที่นี้

“นายน้อย ข้าน้อยขอรับผิดที่มิอาจปฏิบัติตามคำสั่งได้ดี สมควรตายเสียจริง”

“ทว่า แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ นั้นยากจะติดต่อได้โดยแท้ ข้าน้อยได้พยายามหลายครั้งในตลาดมืด ทั้งตอนซื้อ เชือกโยงวิญญาณ ก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมเปิดใจแม้แต่น้อย นอกจากเรื่องซื้อขาย เขามิเคยปริปากในเรื่องอื่นใดเลย”

“ด้วยความที่เขาลึกลับเกินไป ข้าน้อยจึงพยายามสืบหาเบาะแส จนเผลอไปกระทบกระทั่งซุนหลิงถง เจ้าแห่งตลาดมืด นอกจากจะเสียคนไป ยังถูกป้ายความผิดจนต้องจ่ายค่าชดใช้มหาศาล ข้าน้อยต้องสำรองศิลาวิญญาณเองไปก่อน…”

“พอแล้ว!” นายน้อยหนิงเซียวเหรินขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าถูกลวงจนเสียท่า ก็น่าอับอายพอแล้ว ยังจะให้ตระกูลรับผิดชอบผลของความผิดพลาดของเจ้าอีกหรือ?”

“ครั้งนี้ ตระกูลเราต้องจัดซื้อเชือกโยงวิญญาณถึงแปดสิบเส้น เจ้าจงไปดำเนินการให้เรียบร้อย”

หนิงเจ๋อถึงกับตกตะลึง “แปดสิบเส้น?! จำนวนมากเช่นนี้หรือ?”

นายน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจงใช้โอกาสจากธุรกิจครั้งใหญ่นี้ให้เต็มที่ เจ้าติดต่อกับแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ความร่วมมือก้าวหน้าได้”

“การกระทำเช่นนี้ของเจ้า ทำให้ข้าสงสัยในความสามารถของเจ้าอย่างมาก หนิงเจ๋อ”

หนิงเจ๋อรู้สึกกดดันอย่างหนัก รีบให้คำมั่นว่าตนจะทุ่มเทเต็มกำลัง

จากนั้น หนิงเจ๋อเดินทางไปยังพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อ

พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมของผู้คนมากหน้าหลายตา เต็มไปด้วยเหล่ามิจฉาชีพและขโมย ความปลอดภัยต่ำที่สุดในเมือง

พร้อมกันนั้น สถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่ตั้งของตลาดมืดด้วย

เมื่อเดินมาถึงหนึ่งในทางเข้าสู่ตลาดมืด หนิงเจ๋อหยิบตราแสดงตนออกมา

ผู้บ่มเพาะผู้มีท่าทีเย็นชาเหลือบมองหนิงเจ๋ออย่างรวดเร็ว ก่อนตรวจสอบตราในมืออย่างละเอียดแล้วโยนกลับคืนให้ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตามข้ามา”

เขาพาหนิงเจ๋อเข้าไปในกระท่อมเล็กๆที่อยู่เบื้องหลัง จากนั้นเปิดแผ่นพื้นออก เผยให้เห็นช่องทางลับที่ซ่อนอยู่

ผู้บ่มเพาะนำหนิงเจ๋อเดินลงไปในช่องทางลับ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางวกวนซับซ้อนมากมาย จนในที่สุดก็มาถึงพื้นที่ใต้ดินซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการค้าขาย

ที่นี่ดูคล้ายกับตลาดขนาดย่อม แสงไฟริบหรี่เพิ่มความลึกลับ

สายตาของหนิงเจ๋อเพียงกวาดผ่านก็พบเป้าหมายของตน

“ท่านแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ เราได้พบกันอีกครั้ง” หนิงเจ๋อกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับปรากฏกายเป็นชายชราผู้มีท่าทางแก่ชรามาก หลังค่อมอย่างเห็นได้ชัด มือถือไม้เท้าพยุงร่าง ผิวพรรณหม่นหมอง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยลึกจนเหมือนจะหนีบแมลงไว้ได้ เส้นผมยาวดำขลับแต่ยุ่งเหยิง ปกคลุมตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงเท้า ราวกับเป็นเสื้อคลุมสีดำ

เขายืนอยู่หลังรถเข็นกลไก มองหนิงเจ๋อเพียงแวบเดียวอย่างเฉยเมย มิได้กล่าวคำใด

ท่าทีเย็นชานี้เป็นลักษณะเฉพาะของแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ แม้หนิงเจ๋อจะพยายามเต็มที่ แต่ในใจกลับสะสมความไม่พอใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หนิงเจ๋อเป็นถึงผู้บ่มเพาะแห่งตระกูลหนิง แต่แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับกลับไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย!

แม้จะรู้สึกเสียหน้า แต่ด้วยคำสั่งของนายน้อยตระกูลหนิงที่ต้องการดึงตัวแขกผู้นี้เข้าร่วม หนิงเจ๋อก็ต้องข่มความไม่พอใจไว้พร้อมรอยยิ้ม “ท่านแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ข้าน้อยมาครั้งนี้พร้อมธุรกิจครั้งใหญ่”

“ข้าต้องการเชือกโยงวิญญาณถึง 80 เส้น!”

“ธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ ท่านพอจะลดราคาลงได้หรือไม่?”

“ข้าน้อยเป็นลูกค้าประจำของท่าน การสนับสนุนธุรกิจของท่านอย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้มีโอกาสเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ทว่าราคาที่ท่านตั้งไว้ 200 ศิลาวิญญาณต่อเส้นเช่นนี้มาทุกครั้ง มันดูเหมือนไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก”

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับพยักหน้าช้าๆ พร้อมกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เจ้าพูดได้ถูกต้อง”

“เช่นนั้น ก็ 250 ศิลาวิญญาณต่อเส้นเถิด”

หนิงเจ๋อถึงกับชะงักไป ก่อนหลุดหัวเราะออกมา “ท่านแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ท่านอย่าล้อเล่นข้าน้อยเลย การลดราคาไม่ควรจะกลายเป็นเพิ่มราคานะขอรับ”

แต่แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับกลับแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าพูดมากหนึ่งคำ ข้าจะเพิ่มอีก 50 ศิลาวิญญาณ”

หนิงเจ๋อตกตะลึงจนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่กล้ากล่าวสิ่งใดต่อ

ความโกรธพลุ่งพล่านในอกของหนิงเจ๋อจนแทบระเบิดออกมา เขาแทบอยากตบชายชราตรงหน้าให้ล้มลงไปกับพื้น แต่สุดท้ายก็ต้องกล้ำกลืนความโกรธลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงอึดอัดว่า “ตกลง ข้าจะยอมตามราคาที่ท่านตั้งไว้!”

“เพียงแต่ว่า ตระกูลข้าต้องการเพิ่มความสามารถพิเศษบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับเคล็ดวิชาของตระกูล รายละเอียดของการดัดแปลง…”

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับขัดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ไม่มีการดัดแปลงอะไรทั้งสิ้น! จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไสหัวไป!”

หนิงเจ๋อถึงกับพูดไม่ออก

หลังจากสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ เขาก็ฝืนยิ้มขื่นและพยักหน้า ตกลงยอมรับเงื่อนไข

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับมิได้ทำสิ่งใด แต่ทันใดนั้นเอง กลไกบนรถเข็นเบื้องหน้าก็เริ่มทำงาน หุ่นกลตัวเล็กๆหลายตัวถูกเชือกกลไกหย่อนลงมาจากด้านบนรถ

หุ่นกลเหล่านี้ขยับตัวด้วยการควบคุมของเชือก ราวกับมีชีวิตจริง ทั้งยังหัวเราะแหลมสูงราวเด็กเล็ก พวกมันพลิกตัว กระโดดโลดเต้น บางตัวถึงกับเล่นหัวผลักดันกันไปมา

ในที่สุด พวกมันเปิดฝาด้านบนของรถเข็นออก ก่อนที่จะพากันมุดลงไปในช่องลับ ราวกับกำลังลากเอาเชือกโยงวิญญาณออกมาจากภายใน

ทุกครั้งที่เห็นฉากนี้ หนิงเจ๋ออดไม่ได้ที่จะอัศจรรย์ใจ

ความสามารถในการควบคุมหุ่นกลด้วยเชือกกลไกของแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับนั้น ช่างไร้ที่ติ ราวกับว่าหุ่นไม้เหล่านี้มีชีวิตจริง หากในตระกูลหนิงมีผู้เยาว์ที่สามารถควบคุมได้เพียงหนึ่งในร้อยของทักษะนี้ การสอบใหญ่ในหัวข้อกลไกย่อมได้รับการยกย่องอย่างสูงแน่นอน

“แต่กระนั้น ศาสตร์กลไกก็ยังเป็นศาสตร์แห่งการบ่มเพาะที่อ่อนด้อยที่สุด มันเต็มไปด้วยจุดอ่อน และจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือวิธีการควบคุม!”

“ยกตัวอย่างเช่น หุ่นกลเหล่านี้ หากเชือกกลไกถูกตัดขาดลง มันก็จะล้มพับและไร้ประโยชน์ในทันที”

หลังจากส่งมอบศิลาวิญญาณและรับเชือกโยงวิญญาณมาเรียบร้อย หนิงเจ๋อออกจากตลาดมืดพร้อมเผยรอยยิ้มเย็นชาและแววตาโกรธแค้น

“แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ! ข้าเอาแต่พูดดีด้วยทุกครั้ง นี่มันให้เกียรติเจ้ามากเกินไปแล้ว!”

“ครั้งนี้ ข้าได้เชิญสามภูตผีแห่งตระกูลหวงมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ พร้อมทั้งเตรียม ‘ของขวัญ’ ไว้ให้อย่างดี!”

“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมดื่มสุราดี เช่นนั้นจงลิ้มรสสุราอาญาเถิด!”

หนิงเจ๋อถูกบีบจนจนตรอกแล้ว และสิ่งที่เขาคิดจะทำครั้งนี้ คือการเสี่ยงอย่างที่สุด

แผนการของหนิงเจ๋อนั้นเรียบง่าย:

ก่อนอื่น เขาวางแผนใช้สามภูตผีแห่งตระกูลหวงโจมตีแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ จากนั้นจึงปรากฏตัวช่วยเหลือในช่วงวิกฤตเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี หากแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับได้รับบาดเจ็บหนัก เขาอาจใช้โอกาสนี้บีบบังคับให้อีกฝ่ายยอมจำนน

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดทางและทำภารกิจของตนให้สำเร็จ ส่วนปัญหาอื่นใด ย่อมเป็นหน้าที่ของคนในตระกูลหนิงที่จะรับผิดชอบ

หลังจบการค้าขายในตลาดมืด แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับเดินกลับผ่านตรอกมืดพร้อมด้วยสิ่งของที่ได้มาเต็มมือ

แต่ทันใดนั้นเอง

ยันต์สยบเทพ!

ยันต์หนึ่งถูกกระตุ้นขึ้นในพริบตา ปิดผนึกพื้นที่โดยรอบจนกลายเป็นกับดัก

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับหยุดยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับเคลื่อนไหว

“ฮิฮิฮิ…”

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น พร้อมกับร่างของภูตผีสามตนปรากฏขึ้นมาจากมุมมืด พุ่งเข้าโจมตีแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ

เขายืนนิ่งราวกับหิน แม้กระทั่งเมื่อภูตผีเข้ามาใกล้ถึงตัว แต่ในจังหวะนั้นเอง ร่างของเขาก็สั่นสะเทือนเบาๆ

หุ่นกลนกสายฟ้า ถูกปล่อยออกมาจากเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง

กลไก – นกสายฟ้านิรันดร์!

ท่ามกลางความมืด บังเกิดแสงไฟฟ้าส่องวาบขึ้นมา เสียงระเบิดสายฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นดอกไม้แห่งแสง เสียงเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยพลังทำลาย

ในชั่วพริบตา นกสายฟ้านิรันดร์ได้สังหารภูตผีทั้งสามอย่างราบคาบ

“เป็นไปไม่ได้!”

“ข้าใช้ยันต์สยบเทพแล้ว เจ้าควรจะไม่สามารถควบคุมกลไกด้วยพลังจิตสำนึกได้!”

“แปลกนัก ทั้งที่เป็นกลไก แต่ข้าไม่เห็นเจ้าจะใช้เชือกกลไกเลยสักเส้น”

“ช่างเถอะ! จู่โจมพร้อมกัน!”

สามภูตผีแห่งตระกูลหวง ปรากฏตัวจากเงามืดพร้อมกัน ใช้ทักษะหลากหลายโจมตีแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ

ทันใดนั้น พวกเขาปลดปล่อยเหล่าภูตผีราวสิบตนออกมาพร้อมกัน ทะยานเข้าใส่เป้าหมายจากทุกทิศทาง ภูตผีเหล่านี้มีรูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัว ฟันเขี้ยวแหลมคม พลังอันชั่วร้ายพุ่งทะลัก

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับยังคงยืนนิ่งราวกับภูผา เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงที่ยาวลงมาถึงเท้าของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง รวมตัวกันเป็นแส้สีดำยาวหลายเส้น

กลไก – แส้เส้นผมล่ามวิญญาณ!

แส้สีดำฟาดฟันไปทั่ว ราวกับมังกรและงูที่พุ่งโจมตีอย่างดุร้าย เงียบงันไร้เสียง แต่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันน่าสะพรึง เส้นทางที่มันผ่านคือเส้นทางแห่งการทำลายล้าง วิญญาณที่ขวางทางถูกบดขยี้จนสูญสิ้น

สามภูตผีแห่งตระกูลหวงเบิกตากว้างด้วยแววตาอำมหิต เตรียมรับมืออย่างเต็มที่

ทันใดนั้น ภายในจิตสำนึกของแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับ ปรากฏสิ่งที่คล้ายกับตราประทับขนาดใหญ่ เสมือนขุนเขาอันสูงตระหง่านที่เปล่งประกายแสงประหลาด

สมบัติวิถี – ตราประทับพุทธะมาร!

สามภูตผีแห่งตระกูลหวงหยุดชะงักพร้อมกันในชั่วขณะ ความหวาดกลัวทำให้พวกเขาเผยช่องโหว่ออกมา

ในความตกใจสุดขีด พวกเขาพยายามถอยกลับ แต่ก็สายเกินไปแล้ว

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นสองครั้ง ภูตผีสองตนถูกสังหารในทันที

ภูตผีผู้นำเบิกตากว้างด้วยความแค้นและโกรธจนแทบระเบิด เขาดึงพลังทั้งหมดจากจุดวิถีในขอบเขตก่อตั้งรากฐานของตน เตรียมทำการจู่โจมอย่างหมดหวัง

อาวุธลับที่เขาหวังใช้ล้างแค้น—กริชวิเศษ—พุ่งเข้าหาแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด

เป้าหมายของมันคือกลางหน้าผากของอีกฝ่าย

แต่เสียงที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียง ปะทะโลหะอันแหลมคม

ภูตผีผู้นำชะงักงัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

ทันใดนั้นเอง แส้เส้นผมล่ามวิญญาณกว่าสิบเส้นฟาดเข้ามาพร้อมกัน แทงทะลุร่างเขาจากทุกทิศทาง

ร่างของภูตผีผู้นำถูกเจาะทะลุด้วยแส้เหล่านั้น ก่อนจะถูกยกขึ้นไปแขวนลอยอยู่กลางอากาศ เลือดสดๆพุ่งกระเซ็นออกจากบาดแผลราวกับสายฝน หยดลงบนพื้นและผนัง แต่กลับถูกกลืนหายไปในความมืดมิด

ในเวลาต่อมา ผู้บ่มเพาะบางคนที่ได้ยินเสียงผิดปกติในตรอกมืดได้เดินมาตรวจสอบ

“เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขาพึมพำอย่างสงสัย

แต่ตรอกแห่งนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ซากศพหรือหยดเลือดให้พบเห็น

ขณะเดียวกัน หนิงเจ๋อที่รอคอยข่าวอยู่ในที่พักของตน เริ่มรู้สึกใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ

“ทำไมยังไม่มีข่าวเลย? มันนานเกินไปแล้ว ควรจะสำเร็จไปแล้วสิ” เขาพยายามปลอบใจตัวเอง

“แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับอยู่ในขอบเขตก่อตั้งรากฐาน เช่นเดียวกับสามภูตผีแห่งตระกูลหวง แม้ในเมืองเซียนเพลิงมะเดื่อจะถูกกดดันพลัง แต่สามต่อหนึ่ง ยังไงก็ไม่น่าพลาด!”

“ข้าทั้งมอบยันต์สยบเทพให้ อีกทั้งยังให้ ตั๊กแตนใบมีดเขียว ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่ใช้ตัดเชือกกลไกได้ การเตรียมพร้อมเช่นนี้ นักกลไกควรจะถูกกดดันจนไร้ทางต่อกร!”

“รออีกหน่อย”

แต่การรอคอยของเขานั้นไร้ผล

ในขณะนั้น แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับกำลังเดินอยู่ในทางลับใต้ดิน

แส้เส้นผมล่ามวิญญาณ สามเส้นสะบัดอยู่ด้านหลังเขา แต่ละเส้นเกี่ยวร่างไร้ชีวิตของเหล่าศัตรูไว้ ในขณะที่เขาก้าวเดิน ร่างเหล่านั้นก็แกว่งไกวทิ้งเงามืดอันน่าสะพรึงไว้บนผนังทางเดิน

เบื้องหน้าของเขาค่อยๆปรากฏแสงสีแดง และอุณหภูมิก็เริ่มสูงขึ้น

เมื่อเลี้ยวผ่านมุมหนึ่ง เขาเผชิญหน้ากับเตาหลอมขนาดใหญ่

ฝาเตาถูกเปิดออก แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับโยนร่างทั้งสามลงไปในเตาด้วยท่าทางคล่องแคล่วอย่างชำนาญ

หลังจากปิดฝาเตา เขาเดินไปยังห้องเก็บของที่อยู่ข้างๆ

เขานำไฟวิญญาณหลายชั่งที่จัดหามาได้จากตลาดมืดในครั้งนี้ ใส่ลงไปในห้องเก็บสำรอง

ด้วยการสะสมมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้ไฟวิญญาณในห้องเก็บสำรองนั้น กองสูงจนเป็นภูเขาเล็กๆ

“ยังขาดอีกเพียงสิบชั่งเท่านั้น”

แขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับเดินมายังห้องส่งผ่าน จากนั้นเปิดใช้งาน ค่ายกลส่งผ่าน

ในชั่วพริบตา เขาก็กลับมาถึงห้องทำงานลับใต้ดินของเขา

ร่างกายของแขกผู้เยาว์ผู้ลึกลับเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงที่ยาวลากพื้นค่อยๆหดกลับ ร่างกายที่ค่อมลงกลับยืดตรงขึ้นเรื่อยๆ ใต้ชุดคลุมยาวสีดำ ร่างกายของชายชราส่องแสงและแปรเปลี่ยนไปทีละน้อย จนเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง—

มันคือ ชุดเกราะกลไกสีเงินเทา

พื้นผิวของชุดเกราะกลไกนั้นเปล่งแสงเลือนรางจากอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งร่าง ชุดเกราะมียันต์และลายค่ายกลประดับอยู่ทั่วทุกส่วน หมวกเกราะมีร่องรอยบาดแผลใหม่ ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีครั้งสุดท้ายของผู้นำสามภูตผีตระกูลหวงก่อนตาย

ส่วนเกราะบริเวณหน้าอก หน้าท้อง และต้นขาของชุดเกราะค่อยๆเปิดออกเป็นแผงคู่สมมาตร

จากภายในปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ก้าวออกมา

เด็กหนุ่มมีผิวขาวสะอาด ใบหน้าดูสงบสุขุม ดวงตาสุกใสดุจผืนน้ำที่ไร้คลื่นลม

ชุดเกราะนี้มีนามว่า: ชุดเกราะเหล็กนภา

ส่วนเด็กหนุ่มมีชื่อว่า หนิงโจว

( Jan 11th: เรื่องนี้พึ่งเริ่มแปล ยังไม่ได้อ่านล่วงหน้า  แปลไปด้วยอ่านไปด้วยพร้อมกับคนอ่านนี้แหละ)

4.3 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด