ตอนที่แล้วบทที่ 7 การปรับความเข้าใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 มีดผ่าตัดฉุกเฉิน

บทที่ 8 ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของใครจริงหรือ?


บทที่ 8 ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของใครจริงหรือ?

ห้าวันต่อมา โรงพยาบาลฮวาซาน เมืองปินไห่

ผู้อำนวยการหลี่เหยาเข้าทำงานเร็วกว่าปกติสิบห้านาที เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานก็เห็นฉีเยว่ยืนรออยู่ข้างนอก

“หัวหน้าฉี คุณมาดักรอผมแต่เช้าแบบนี้ มีเรื่องสำคัญหรือเรื่องที่ทำให้ลำบากใจใช่ไหม? พูดมาตรงๆ ได้เลย”

ฉีเยว่เดินตามหลี่เหยาเข้าไปในห้องทำงานด้านใน

“ผู้อำนวยการ ผมมีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านครับ ที่นี่ผมมีรายชื่อผู้สมัครในโครงการสรรหาบุคลากรหนุ่มสาว”

“เพียงแต่… ต้องให้ผู้อำนวยการท่านช่วยอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ!”

“กรณีพิเศษ?”

หลี่เหยาทวนคำอีกครั้ง วางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ถอดเสื้อคลุมออกเก็บในตู้ แล้วหยิบเสื้อกาวน์ขาวขึ้นมาสวมแทน

เขาเดินไปยังโซนรับรองแขก รับเอกสารในซองสีน้ำตาลหนาที่ฉีเย่วยื่นมา แล้วนั่งลง

เจ้าหน้าที่สำนักงานผู้อำนวยการนำชาร้อนสองแก้วเข้ามาเสิร์ฟ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ

“หัวหน้าฉี คุณข้ามคณะกรรมการพิจารณาบุคลากร แล้วมาขอให้ผมอนุมัติเป็นกรณีพิเศษโดยตรง…”

“ดูเหมือนว่ากรณีพิเศษนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ!”

หลี่เหยาหัวเราะเบาๆ พลางหยิบเอกสารจากซองขึ้นมาดู เมื่อสายตาเขาเหลือบเห็นใบสมัครที่วางอยู่บนสุด ดวงตาที่อยู่หลังกระจกแว่นก็เริ่มเบิกกว้างทีละน้อย

“มหาวิทยาลัยการแพทย์จี้สุ่ย?”

“วุฒิปริญญาตรี?”

“แพทย์เจ้าของไข้ โรงพยาบาลประชาชนอำเภอหลี่หยาง?”

“อายุยี่สิบหก?”

หลี่เหยาวางเอกสารลงบนโต๊ะน้ำชา จ้องมองฉีเยว่ด้วยความไม่พอใจ

“หัวหน้าฉี คุณล้อเล่นกับผมหรือเปล่า?”

“โครงการสรรหาบุคลากรของเรา ต่อให้ไม่พูดถึงความสามารถด้านการวิจัยที่โดดเด่น หรือทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อย่างน้อยที่สุดต้องมีปริญญาเอกหรือเป็นรองหัวหน้าแผนก…”

“แต่คนที่คุณแนะนำคนนี้ ต่อให้มาเข้าทำงานฝ่ายธุรการยังไม่ผ่านเกณฑ์เลยด้วยซ้ำ!”

ฉีเยว่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ตอบด้วยน้ำเสียงช้าๆ

“ผู้อำนวยการ ผมทำงานที่โรงพยาบาลฮวาซานมา 24 ปีแล้ว เคยขออะไรที่ไม่สมเหตุสมผลหรือไม่เคยมีบ้างไหม?”

“คนคนนี้…”

ฉีเยว่ชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะน้ำชา

“แม้ว่าประวัติของเขาจะดูแย่ แต่เขาเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์คนหนึ่งที่ควรค่าแก่การพัฒนาอย่างมาก”

“ผู้อำนวยการ ผมขอใช้ชื่อเสียงของผมรับประกันเขาคนนี้”

หลี่เหยามองเห็นท่าทีจริงจังของฉีเยว่ จึงหยิบเอกสารขึ้นมาดูอีกครั้ง

เขาเปิดดูเนื้อหาคร่าวๆ แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “ผมไม่เห็นว่าเขามีอะไรที่โดดเด่นเลยนะ?”

ฉีเยว่ชี้แจงอย่างอดทน

“ผู้อำนวยการ เขามีทักษะการตรวจร่างกายและเคาะตรวจฟังเสียงที่ผมยังเทียบไม่ติด”

“แม้ว่าเขาจะจบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ชั้นสาม แต่ความสามารถในการเรียนรู้ของเขานั้นน่าทึ่งมาก”

“ผู้อำนวยการ ขอเล่าความจริงที่ไม่ได้เขียนไว้ในเอกสารให้ฟัง เขาเคยมีเลือดคั่งในสมองตั้งแต่เด็กจนทำให้ตาบอดจนถึงอายุ 13 ปี”

“หลังจากรักษาตัวอีกสองถึงสามปี สายตาของเขาถึงจะกลับมาเป็นปกติ”

ฉีเยว่พูดด้วยความชื่นชม “ผู้อำนวยการ ด้วยสภาพแบบเขา แต่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ได้ แถมยังจบด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม นับว่าไม่ธรรมดาเลย”

หลี่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ฟังที่คุณพูดมา หมอนี่ก็ดูมีจุดเด่นอยู่บ้าง”

“แต่หัวหน้าฉี ในมุมมองของผม เขาเพียงแค่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในการเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเราในฐานะบัณฑิตแพทย์ใหม่”

“สำหรับโครงการสรรหาบุคลากร…”

หลี่เหยาส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หัวหน้าฉี ผมจำเป็นต้องรักษาความเคร่งครัดของมาตรฐานโครงการสรรหาบุคลากรนี้”

“มาตรฐานการสรรหานี้ จะละเมิดไม่ได้”

“หวังว่าหัวหน้าฉีจะเข้าใจ!”

ฉีเยว่สูดลมหายใจลึก ก่อนจะพูดว่า “ผู้อำนวยการ ผมอายุหกสิบปีแล้ว เหลือเวลาอีกห้าปีก่อนเกษียณ…”

“ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมก็ได้ปลุกปั้นแพทย์ที่พอใช้ได้อยู่บ้าง”

“แต่จะพูดตรงๆ เลยก็ได้ ในบรรดาพวกเขา ไม่มีใครที่ทำให้ผมพอใจจริงๆ หรือทำให้ผมรู้สึกคาดหวังในอนาคตของพวกเขาเลย”

“แต่เจ้าคนนี้……”

ฉีเยว่ ชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะน้ำชาอีกครั้ง พร้อมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อย

“ยิ่งผมรู้จักเขามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหลงใหลในตัวเขามากขึ้นเท่านั้น”

“ผู้อำนวยการ เอาเป็นว่าเขามีพรสวรรค์ทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดา แถมยังแสดงทักษะทางการแพทย์ที่น่าชื่นชมออกมาได้แล้ว อนาคตเขาต้องสร้างความประทับใจให้กับเราได้แน่นอน”

ฉีเยว่ หยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผู้อำนวยการ ผมไม่ได้ข่มขู่โรงพยาบาลนะครับ ผมแค่แสดงท่าทีและความสำคัญที่ผมมีต่อคนคนนี้”

“ถ้าเราไม่สามารถนำเขาเข้ามาได้ ผมจะยอมไปกับเขาเพื่อหาโรงพยาบาลอื่นที่เปิดรับคนที่มีความสามารถแบบเขา”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ใบหน้าของหลี่เหยาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขามองสบตาฉีเยว่จนบรรยากาศในห้องทำงานเต็มไปด้วยความตึงเครียด

สายตาของฉีเยว่ไม่ลดละ!

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เหยาก็เป็นฝ่ายละสายตาก่อน

“หัวหน้าฉี คุณบอกว่าไม่ใช่การข่มขู่ แต่สิ่งที่คุณพูดนี่มันก็คือการข่มขู่อย่างชัดเจนเลยนะ…”

ทันใดนั้น หลี่เหยาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบเอกสารบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมาดูอีกครั้ง

“มณฑลหลู่ อำเภอหลี่หยาง!”

หลี่เหยานึกถึงประวัติชีวิตส่วนตัวอันหลากหลายของฉีเยว่ และถามขึ้นว่า “หัวหน้าฉี ผมจำไม่ผิดใช่ไหม คุณก็เป็นคนมณฑลหลู่ และเคยทำงานที่โรงพยาบาลฉีหลู่มาก่อน?”

ฉีเยว่พยักหน้าด้วยความสงสัย

หลี่เหยาถามด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะรู้ทัน “หัวหน้าฉี พูดความจริงกับผมมา เจ้าคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณหรือเปล่า?”

ฉีเยว่เข้าใจในทันที เขาหัวเราะพร้อมตอบกลับว่า “ผู้อำนวยการ คุณสงสัยว่าเขาเป็นลูกชายของอดีตภรรยาผม?”

“หรือว่า…ลูกนอกสมรส?” หลี่เหยาเสริม

ฉีเยว่ถึงกับหัวเราะด้วยความอารมณ์ดี

“ผู้อำนวยการ คุณมองผมแบบนี้ได้ยังไงครับ?”

“เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือความเกี่ยวข้องใดๆ กับผมเลย”

ฉีเยว่แสดงอารมณ์จริงจังพลางโบกมือขวา

“ที่ผมแนะนำเขาด้วยความตั้งใจมากแบบนี้ ก็เพราะผมเห็นคุณค่าความสามารถในตัวเขา สิ่งเดียวที่ผมคาดหวังคือการได้เห็นเขากลายเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าผม และทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเขา”

หลี่เหยามองดูฉีเยว่และรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขาออกมาจากใจจริง

“ถ้าเขาไม่ได้รับการยอมรับในครั้งนี้ ฉีเยว่ก็คงไม่ยอมแพ้” เขาคิดในใจ

หลี่เหยาเคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะน้ำชาอย่างใช้ความคิด

หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่ง หลี่เหยาก็เงยหน้าขึ้นมาและมองสบตาฉีเยว่อีกครั้ง

“หัวหน้าฉี คุณมองเขาว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางการแพทย์จริงๆ ใช่ไหม?”

“อัจฉริยะทางการแพทย์จะต้องเป็นที่ประจักษ์ในสังคมและนำความเจริญมาสู่ผู้คน เราควรจะรีบคว้าตัวเขามาเป็นส่วนหนึ่งของเราให้เร็วที่สุด!”

“ตอนนี้ฝีมือทางการแพทย์ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังดูอ่อนประสบการณ์อยู่บ้าง พื้นฐานทางการแพทย์ยังไม่แข็งแรงมาก แต่ก็มีเค้าลางของแพทย์ชั้นนำ และเขายังทำให้เรารู้สึกประหลาดใจได้บ่อยๆ”

“นอกจากนี้ ทักษะการตรวจร่างกายด้วยการฟังและเคาะของเขาไม่มีใครเทียบได้เลย!”

หลี่เหยาพยักหน้าเบาๆ และพูดขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่น

“หัวหน้าฉี ในเมื่อคุณมองว่าเขาเป็นคนที่มีศักยภาพจะเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณสมบัติโดดเด่นขนาดนั้น งั้นคุณก็ไม่ควรข้ามคณะกรรมการพิจารณาบุคลากรมาเสนอเรื่องนี้โดยตรง…”

“เราควรจัดการทดสอบสดให้เขาโดยเฉพาะผ่านคณะกรรมการพิจารณา”

หลี่เหยามองดูฉีเยว่ที่ดูเหมือนลังเลเล็กน้อย แล้วถามกลับว่า

“ทำไม? คุณไม่มั่นใจในตัวเขาหรือ?”

“หรือคุณคิดว่าผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการพิจารณาไม่มีสายตาเฉียบคมพอที่จะมองเห็นศักยภาพของเขา?”

ฉีเยว่าส่ายหัวและกล่าวว่า “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นต่างก็เป็นบุคคลที่มีคุณธรรมสูงส่งในสาขาการแพทย์ ผมเคารพพวกเขาทุกคนอย่างมาก”

หลี่เหยายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คุณก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”

“ทองคำแท้ไม่กลัวไฟลน!”

“เขาสามารถเอาชนะใจคุณ และได้รับการแนะนำจากคุณอย่างจริงใจ การชนะใจผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก”

ฉีเยว่ถอนหายใจเบาๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า

“ผมแค่อยากให้เรื่องนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องการให้เขาที่อายุยังน้อยต้องได้รับความสนใจมากเกินไป”

“มันอาจส่งผลเสียต่อการเติบโตในอนาคตของเขา”

หลี่เหยาหัวเราะออกมาเบาๆ และกล่าวว่า

“ความสนใจเล็กน้อยมันนับเป็นอะไรได้ล่ะ? หากจะเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ ใจต้องแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น”

ฉีเยว่กล่าวด้วยใบหน้าที่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย

“งั้นก็จัดการแบบนั้นก็แล้วกัน”

“ผู้อำนวยการ ผมติดต่อทางฝั่งนี้เองได้ไหม?”

หลี่เหยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“คณะกรรมการพิจารณานั้น ผมจะเป็นฝ่ายจัดการและประสานงานเอง”

ฉีเยว่พยักหน้าและลุกขึ้นยืน

เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาและกล่าวเพิ่มเติมว่า

“ผู้อำนวยการ ถ้าศักยภาพและพรสวรรค์ทางการแพทย์ของเขาได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการ เราจะมอบค่าตอบแทนให้เขาที่สูงกว่ามาตรฐานขั้นต่ำของโครงการสรรหาบุคลากรได้ไหม?”

หลี่เหยาสะบัดมือด้วยท่าทางหนักแน่นและกล่าวว่า

“ถ้าเขาเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์จริง การให้ค่าตอบแทนสูงสุดก็ไม่มีปัญหา”

“โรงพยาบาลฮวาซานของเราไม่ได้ขาดแคลนเงินจำนวนเท่านี้!”

หลังจากหยุดคิดเล็กน้อย หลี่เหยาก็ถามด้วยความหมายลึกซึ้งว่า

“หัวหน้าฉี เขาไม่ใช่ลูกนอกสมรสของใครจริงๆ ใช่ไหม?”

“ที่นี่มีแค่คุณกับผม ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปหรอก”

ฉีเยว่ทำเสียงหึด้วยความไม่พอใจและเดินออกจากห้องไปทันที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด