ตอนที่แล้วบทที่ 75 เจตนากระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77 ไร้หวนคืน

บทที่ 76 สระโอสถ


ซูไป๋อีเดินตามเฟิงอวี่หานในเส้นทางลับ เส้นทางนี้ค่อนข้างแคบ พอให้คนเดินผ่านได้ทีละคน ด้านข้างฝังไข่มุกเรืองแสง เพื่อส่องแสงสว่างพอประมาณ เฟิงอวี่หานไม่พูดสิ่งใดตลอดทาง มีเพียงเสียงไอเบาๆ เป็นระยะ

ซูไป๋อีคิดถึงชายชุดครามที่เขาช่วยไว้ในวันฝนตก เขาเริ่มสงสัยว่าบาดแผลของทั้งสองคนนี้จะเหมือนกันหรือไม่

หลังจากเดินนานกว่าครึ่งธูป พวกเขามาถึงห้องหินใต้ดินที่กว้างขวาง ใจกลางห้องมีสระน้ำส่งกลิ่นหอมของโอสถจางๆ ซูไป๋อีถาม

“หรือว่าท่านเจ้าสำนักรักษาอาการบาดเจ็บที่นี่?”

เฟิงอวี่หานพยักหน้าเบาๆ ก่อนถอดเสื้อคลุมออกและก้าวลงสู่สระน้ำ นั่งพิงขอบสระหลับตา

“คุณชายซู ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากออกจากสระโอสถนานเกินไป ปราณทั่วร่างข้าจะไหลย้อน ขออภัยด้วย”

“อาการนี้เกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว?” ซูไป๋อีถาม

“ครึ่งปีที่แล้ว น้องข้าร่วมมือกับยอดฝีมือจากหมู่ตึกธารสวรรค์และสำนักคัมภีร์สวรรค์ วางแผนลอบทำร้ายข้าที่ริมฝั่งแม่น้ำหลี ข้าจำต้องถอยเข้าสู่เขาฉางเจ๋อเพื่อหาทางหนี แต่สุดท้ายต้องฝืนใช้วิชาจากตำรานั้น แม้จะหนีออกมาได้ แต่ร่างกายข้ากลับถูกพลังสะท้อนเล่นงาน” เฟิงอวี่หานถอนหายใจ

“เจ้าบอกว่าเคยฝึกคัมภีร์เซียนเช่นกัน เจอเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่?”

ซูไป๋อีครุ่นคิด ก่อนตอบ

“สิ่งที่ข้าฝึกต่างจากของท่าน ข้าฝึกเพียงเคล็ดวิชาในคัมภีร์ ไม่ได้เรียนวิชายุทธ์ ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบ...เว้นแต่ว่าการนอนไม่หลับจะนับด้วย”

เฟิงอวี่หานลืมตาขึ้น

“ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อครั้งที่สำนักสวรรค์ซ่างหลิน แบ่งคัมภีร์เซียนให้แก่สำนักต่างๆ เมฆาสางสวรรค์ได้ส่วนที่เกี่ยวกับวิชาดาบ แต่ดูเหมือนจะขาดเคล็ดวิชาสำคัญของคัมภีร์ เจ้าฝึกเคล็ดวิชาหลักนั้นใช่หรือไม่?”

ซูไป๋อีพยักหน้า

“ใกล้เคียงกับที่พี่สะใภ้ของข้าบอก แต่ถ้าไม่มีวิชายุทธ์ ไยสำนักสวรรค์ซ่างหลินจึงต้องให้แต่ละสำนักเก็บรักษาไว้?”

“เมื่อครอบครัวข้าได้รับคัมภีร์มา บิดาเคยกำชับว่าต้องเก็บรักษาอย่างดี และห้ามฝึกโดยเด็ดขาด” เฟิงอวี่หานถอนหายใจ

“คงเกี่ยวข้องกับสงครามเทียนเหมิน ซึ่งข้าก็ไม่ได้ร่วม จึงรู้เรื่องเพียงเล็กน้อย”

ซูไป๋อีเกาหัว

“ข้าชักอยากรู้แล้วว่าสงครามเทียนเหมินในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? และคัมภีร์เซียนคืออะไรกันแน่?”

เฟิงอวี่หานกล่าวขึ้น

“คุณชายซู ข้าขอร้องเจ้าช่วยบางเรื่อง”

ซูไป๋อีคารวะ

“ท่านเจ้าสำนักอย่าได้เกรงใจ เชิญว่ามาเถิด”

“ก่อนพิธีสืบทอดตำแหน่ง จงพยายามพาลูกชายข้าลงจากเขาให้ได้ หากเขาอยู่ที่สำนักศึกษา ภายใต้การคุ้มครองของเซียนปราชญ์ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเขา หากข้ารักษาตัวหายดี ข้าจะหาทางทวงคืนเมฆาสางสวรรค์และรับตัวเขากลับมา หากข้าล้มเหลว ก็ให้เขาอยู่ที่สำนักศึกษาตลอดไป อย่าได้กลับมาอีก!”

ซูไป๋อีหัวเราะ

“ศิษย์พี่เฟิงของข้าฝีมือไม่ธรรมดาเลย ข้าคิดว่าเขาคงกำลังวางแผนชักดาบกู่ร้องกลางพิธีเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่ก็เป็นได้!”

อีกด้านหนึ่งในหมู่ตึกหยกเจ๋อ

เฟิงจั่วจวินจามเสียงดัง แต่ไม่ได้สนใจอะไรนัก เขาถูจมูกเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“เมื่อถึงเวลานั้น ศิษย์ที่เคยภักดีต่อสายหลักของเราก็จะออกมาเอง ศิษย์พี่ ท่านก็ใช้ชื่อเสียงของ สำนักศึกษาสนับสนุนข้า เพราะชื่อของเซียนปราชญ์เลื่องลือไปทั่วหล้า หากสำนักสนับสนุน ข้าย่อมขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้อย่างง่ายดาย! ส่วนเจ้าเซี่ยอวี่หลิง เจ้าคอยหาจังหวะสนับสนุน หากจำเป็นก็อ้างว่า ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเจียงหนานสนับสนุนข้าด้วยก็ได้!”

เซี่ยอวี่หลิงเลิกคิ้วถาม

“ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเจียงหนานเกี่ยวอะไรกับอาณาจักรต้าเจ๋อของพวกเจ้า?”

เฟิงจั่วจวินแย้งทันที

“แล้วเรื่องของเมฆาสางสวรรค์เกี่ยวอะไรกับหมู่ตึกธารสวรรค์และสำนักคัมภีร์สวรรค์? พวกมันอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรต้าเจ๋อ เราก็เป็นสำนักใหญ่ในยุทธภพเช่นกัน ทำไมจะร่วมมือไม่ได้?”

หนานกงซีเอ๋อร์ ทุบโต๊ะเบาๆ

“คำว่าร่วมมือใช้แบบนี้ได้ที่ไหน?”

เฟิงจั่วจวินโบกมืออย่างไม่สนใจ

“ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้! ขอเพียงสถานการณ์ยุ่งเหยิงพอ งานพิธีขึ้นสู่ตำแหน่งของอารองข้าก็ไม่มีทางสำเร็จ อีกอย่าง เซียนปราชญ์อยู่ใกล้ๆ นี้ บางทีท่านอาจจะปรากฏตัวเองก็ได้!”

เซี่ยอวี่หลิงส่ายหน้า

“เดี๋ยวบอกว่า น่าจะ เดี๋ยวบอกว่า อาจจะ เรื่องที่เราทำอยู่ไม่ต่างจากเอาชีวิตไปเสี่ยงเลย”

เฟิงจั่วจวินกำหมัดแน่น

“พ่อข้าบอกไว้แล้ว ชีวิตในยุทธภพไม่มีอะไรแน่นอน ทุกก้าวที่เดินคือการเดิมพัน เดิมพันกับฟ้า เดิมพันกับกระบี่ เดิมพันกับตัวเอง! เพื่อพ่อของข้า ข้าถอยไม่ได้!”

ในห้องหินใต้ดิน สระโอสถ

เฟิงอวี่หานซึ่งอยู่ในสระโอสถจามเบาๆ พร้อมกับไอเล็กน้อย

“เขายังเยาว์นัก”

ซูไป๋อียิ้ม

“อาจารย์ข้าบอกว่า ความเยาว์วัยเป็นสิ่งน่ายินดี ไม่ควรเป็นข้อด้อย”

เฟิงอวี่หานพยักหน้า

“ความเยาว์วัยไม่ใช่ข้อด้อย เพียงแต่มันมาพร้อมโอกาสมากมาย บางทีวันหนึ่งเมื่อเขาเชี่ยวชาญเพลงดาบ เขาอาจกลับขึ้นเขามาเพื่อล้างแค้นแทนข้า”

ซูไป๋อียิ้มพลางกล่าว

“ศิษย์พี่บอกว่าท่านเป็นคนเจ้าชู้ สนใจเพียงหญิงงาม ไม่สนใจลูก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น”

เฟิงอวี่หานเลียริมฝีปากก่อนตอบติดตลก

“อย่าพูดถึงเหล่าหญิงงามเลย ข้าถูกขังอยู่ในห้องนี้นานมาก มัน…ไม่ง่ายเลย”

ซูไป๋อีเข้าใจทันทีถึงความนัยในคำพูดของเขา ยิ้มอย่างอ่อนใจแล้ววางมือลงบนไหล่ของเฟิงอวี่หาน

เฟิงอวี่หานพูดติดตลก

“คุณชายซูจะทำอะไร? ข้าถึงจะอึดอัดมาก แต่ข้าชอบหญิงงามเท่านั้น เด็กหนุ่มหน้าตาดีเช่นเจ้า ข้าขอยกให้เป็นรสนิยมของน้องสาวข้า!”

ซูไป๋อีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เจ้าสำนักเฟิง ข้าช่วยท่านได้”

เฟิงอวี่หานชะงัก “เจ้าช่วยข้าได้?”

“ข้าเคยช่วยชายชุดครามด้วยวิธีนี้มาแล้ว แต่ต้องบอกว่าวิธีนี้ดูร้ายแรงนัก ข้าไม่แน่ใจว่าท่านจะรับได้หรือไม่” ซูไป๋อีหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “ข้าสามารถดูดซับพลังในตัวท่าน รวมถึงวิชาจาก คัมภีร์เซียนที่ทำให้พลังปราณท่านไหลย้อน อย่างไรก็ตาม ท่านต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน และวิชานั้นจะหายไปจากร่างท่าน หากไม่ฝึกใหม่ ปัญหาในร่างกายก็จะไม่เกิดขึ้นอีก”

เฟิงอวี่หานอุทานด้วยความตกใจ

“จริงหรือ?”

“จริง” ซูไป๋อีพูดพร้อมวางมืออีกข้างลงบนไหล่ของเฟิงอวี่หาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด