ตอนที่แล้วบทที่ 5 วาสนาเซียนหาได้ยาก 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 คัมภีร์วิชา 

บทที่ 6 หยกศักดิ์สิทธิ์


หลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงทั้งสองเข้าไปในดงอ้อ พยายามแหวกต้นอ้อหนาแน่นเพื่อมองไปข้างหน้า กระจกสีเทาอมฟ้าซึ่งถือไว้ในมือส่งแสงสว่างสีขาวอุ่นๆออกมา หลี่เซี่ยงผิงมองดูทิศทางและพูดเบาๆ

“นั่นคือทิศทางของทะเลสาบวั่งเยว่ เดินไปตามเส้นทางโบราณของดินแดนหลี่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง”

หลี่ทงหยาส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ทางนั้นเดินไม่ได้ต้องลัดเลาะผ่านดงอ้อไป”

หลี่เซี่ยงผิงตอบรับเบาๆและก้มตัวเดินตามพี่ชายเข้าไป

หลู่เจียงเซียนซึ่งอยู่ในกระจกรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าสู่ดงอ้อ ภาพทิวทัศน์ที่ปรากฏเบื้องหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น เป็นภาพทะเลสาบใสราวกับกระจกมีนกกระยางสีขาวนับสิบตัวพักผ่อนอยู่ริมฝั่ง

เมื่อหลี่เซี่ยงผิงเดินต่อไป กระจกในมือก็ยิ่งร้อนขึ้นจนเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เขาเงยหน้ามองพี่ชาย หลี่ทงหยายังคงนิ่งเงียบ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความกังวล

“วาสนาเซียนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาเข้าถึงได้หรือ…” หลี่เซี่ยงผิงลูบกระจกในมือโดยไม่รู้สึกว่ามันร้อน

“เจ้ากระจกวิเศษ ใกล้ถึงแล้ว…” เขาพูดพึมพำกับกระจกสีเทาอมฟ้าในมือ

ไม่นานนักทั้งสองก็หลุดออกจากดงอ้อหนาทึบ ภาพทะเลสาบวั่งเยว่ที่ส่องประกายระยิบระยับพร้อมฝูงนกกระยางที่บินหนีขึ้นฟ้าก็ปรากฏต่อสายตา

หลู่เจียงเซียนจ้องมองไปยังเกาะหินที่อยู่กลางทะเลสาบ บนเกาะที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำนั้น มีหินหยกที่เปล่งแสงสีขาวสลับแสงระยิบระยับติดอยู่ในรอยแยกของโขดหิน

กระจกในมือหลี่เซี่ยงผิงปล่อยแสงจันทร์สีขาวออกมาเป็นสาย หลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงมองเห็นภาพเกาะหินที่ส่องแสงอยู่ในกระจกอย่างชัดเจน

ทั้งสองสบตากันและเห็นความตื่นเต้นในแววตาของอีกฝ่าย หลี่เซี่ยงผิงพยักหน้าแรงๆก่อนจะถอดเสื้อเตรียมลงน้ำ

“เดี๋ยวก่อน!” หลี่ทงหยาดึงตัวเขาไว้และพูดว่า

“ข้าจะไปเอามาเอง เจ้าเฝ้ากระจกอยู่ที่นี่ หากถึงเวลาที่พระจันทร์เคลื่อนไปถึงจุดนั้นแล้วข้ายังไม่กลับมา…”

เขาชี้ไปบนท้องฟ้า

“เจ้าจงซ่อนกระจกไว้ในดงอ้อแล้ววิ่งไปตามเส้นทางโบราณดินแดนหลี่ อย่ากลับบ้านจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสูงถึงยอดไม้จึงค่อยกลับมาดูสถานการณ์”

“ได้…” หลี่เซี่ยงผิงตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า เขาเช็ดน้ำตาและมองพี่ชายด้วยความหวาดหวั่น

หลี่ทงหยาหัวเราะเบาๆก่อนจะถอดเสื้อเผยให้เห็นร่างกายกำยำแล้วกระโดดลงน้ำว่ายไปยังเกาะหิน ทิ้งหลี่เซี่ยงผิงไว้ในดงอ้อ เขามองตามพี่ชายด้วยความกังวล

ก่อนหน้านี้หลี่ทงหยามาที่ทะเลสาบวั่งเยว่กับพ่อและพี่น้องหลายครั้ง เขาว่ายน้ำไปยังเกาะได้อย่างคล่องแคล่วใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงเกาะ

เขาสำรวจรอยแยกของโขดหินอย่างระมัดระวังและในเวลาเพียงหนึ่งธูปเขาก็ตรวจดูทั่วทั้งเกาะ

“ไม่มี…” หลี่ทงหยาขมวดคิ้วก่อนจะตรวจสอบอีกครั้งอย่างละเอียด คราวนี้เขาพบปูแม่น้ำตัวเล็กๆ ห้าหกตัว

ในที่สุดเขารู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่นิ้วและพบวัตถุเรียบลื่น เขาใช้สองนิ้วดึงหยกยาวประมาณสองนิ้วออกมา

หยกนี้มีลักษณะเป็นแผ่นยาวมีลวดลายโบราณจารึกไว้ เมื่อใช้แสงจันทร์พิจารณาเขาสามารถอ่านได้บางคำว่า “ไท่…เยว่…ชี่…หยาง…หลุน…”(วัฏจักรแห่งการบำรุงพลังแสงจันทร์) ลวดลายบนหยกซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ทำให้การอ่านยากลำบาก

เมื่อมองไปยังฝั่งเขากำหยกไว้ในมือและว่ายน้ำกลับมา

“น้องสาม!”

เขาขึ้นจากน้ำและเรียกเบาๆไปยังดงอ้อ หลี่เซี่ยงผิงโผล่ออกมา หลี่ทงหยาตั้งใจจะแสดงหยกที่พบนั้น แต่ทันทีที่เขาแบมือหยกก็กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งเข้าไปในกระจก

ทั้งสองตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มองดูกระจกที่แสงสีขาวค่อยๆจางลง และแสงจันทร์ก็หลอมรวมเข้ากับกระจกจนหมดสิ้น

หลู่เจียงเซียนในกระจกรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมาที่ร่าง ความรู้มากมายไหลเข้าสู่จิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหมดสติไป

หลี่ทงหยาและหลี่เซี่ยงผิงมองกระจกในมือที่กลืนหยกไปอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาเห็นแสงสีขาวสงบลงช้าๆ

แสงอรุณสีทองแดงเริ่มสาดส่องท้องฟ้า ส่องประกายบนร่างกายของหลี่ทงหยาที่เปลือยเปล่าช่วงบน เผยให้เห็นลายกล้ามเนื้อสีทองเรืองรอง เขาก้มหน้าพูดกับน้องชาย

“กลับบ้านก่อนก่อน”

.....

หลี่มู่เถียนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้สีแดงสดรับฟังสองพี่น้องเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด เขาพยักหน้าพร้อมพูดกับหลี่ทงหยา

“ทำได้ดีมาก”

เมื่อคืนนี้เขาและหลี่จางหูนอนไม่หลับทั้งคืน บัดนี้เมื่อเห็นลูกทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย ใจที่เคยหวั่นวิตกก็สงบลงได้เสียที

“ลานหน้าบ้านเรากับลานหลังที่ติดภูเขาไม่นับว่าเล็กนัก ข้าอยากสร้างเรือนอีกสองหลังหน้าสวนแตงเชื่อมต่อกันให้เป็นลานใหญ่ หากปิดประตูหน้าก็ไม่มีใครมาแอบดูได้”

หลี่มู่เถียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ความคิดนี้เขาเก็บไว้นานแล้ว เพราะลูกๆกำลังเติบโตและใกล้เวลาที่ต้องแยกครอบครัวกันอยู่

ด้วยทรัพย์สมบัติของตระกูลหลี่ พวกเขาถือเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีฐานะในหมู่บ้าน หลี่มู่เถียนเคยเป็นทหาร เมื่อกลับมาก็ซื้อที่นากว่าสิบหมู่ บวกกับที่ดินจากพ่อที่ได้รับสืบทอดอีกห้าหมู่ รวมแล้วครอบครัวเขามีที่ดินเกือบยี่สิบหมู่

หมู่บ้านหลี่จิ้งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งดงอ้อและที่ลุ่มน้ำช่วยเลี้ยงปากท้องชาวบ้าน

หากพึ่งพาแรงงานคนที่ดินยี่สิบหมู่ในปีที่ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ก็เพียงพอเลี้ยงครอบครัวสิบกว่าชีวิต ตระกูลหลี่จึงสามารถปิดประตูบ้านดำรงชีพอย่างเจ้าของที่ดินได้

เพราะตระกูลหลี่มีข้าวปลาอาหารและที่ดิน หลี่มู่เถียนจึงส่งลูกทั้งสี่ให้เรียนหนังสือและฝึกเขียนอ่าน แต่เนื่องจากเขารังเกียจพวกคนรวยขี้เกียจ เขาจึงกำชับให้ลูกๆต้องเรียนหนังสือและทำไร่ทำนาเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตเมื่อพวกเขาแยกครอบครัวกันไป

“ตอนนี้ครอบครัวยังแยกกันไม่ได้ ต้องหาภรรยาที่เข้าใจชีวิตครอบครัว”

หลี่มู่เถียนนึกถึงภาพครอบครัวใหญ่ในเมืองที่เขาเคยเห็น ครอบครัวที่มีบรรดาเครือญาติอยู่ในลานเดียวกัน บุตรหลานได้เรียนหนังสือมีคนรับราชการและเป็นทหารเป็นภาพที่น่าภาคภูมิใจ ในขณะที่ครอบครัวเกษตรกรยากจนกลับต้องแบ่งแยกกันจนไม่เหลือเยื่อใย

“เอาแบบนี้แหละ!”

หลี่มู่เถียนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พลางสั่งลูกชายทั้งสองว่า

“ไปตามพี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาปรับพื้นที่ ส่วนที่ดินก็ให้ผู้เช่าไปดูแล ส่วนเจ้าคนเล็กไม่ต้องไปเก็บใบหม่อนแล้ว ตั้งแต่นี้ให้ไปเรียนหนังสือเต็มวันกับท่านอาจารย์”

“ได้เลยท่านพ่อ!” หลี่เซี่ยงผิงที่ลุยงานมาตลอดคืนยังคงกระฉับกระเฉง เขารีบออกไปทันที

หลี่ทงหยามองพ่อด้วยสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“พ่ออยากทำตามกฎของตระกูลในหนังสือหรือสร้างศาลบรรพบุรุษ เปิดบ้านตระกูล อ่านหนังสือรับราชการ ฝึกวรยุทธเพื่อเป็นทหาร”

“ตระกูลหลี่ของเราสะสมมากว่าสองร้อยปีก็ถึงเวลาสมควรแล้ว”

หลี่มู่เถียนยิ้มพร้อมโบกมือ

“ส่วนการอ่านหนังสือและฝึกวิชายุทธ์ เส้นทางโบราณดินแดนหลี่นั้นเต็มไปด้วยอันตราย ใครเดินทางเข้าออกเขาต้าหลี่ก็เสี่ยงชีวิตเก้าตายหนึ่ง แม้จะอ่านหนังสือหรือฝึกวิชายุทธ์ก็ยากที่จะส่งถึงจักรพรรดิแคว้นเยว่ สิ่งที่เราทำก็เพื่อสืบทอดมรดกของครอบครัวเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น…”

หลี่ทงหยาพยักหน้ารับก่อนจะพูดเสียงเบา

“บางทีอาจมีสิ่งที่ดีกว่าการอ่านหนังสือหรือฝึกวิชายุทธ์…”

“อย่าพูดเหลวไหล”

หลี่มู่เถียนหัวเราะเสียงดังพลางตบไหล่หลี่ทงหยาก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด